สรุปในสรุป PDF

Summary

เอกสารนี้สรุปเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นการสำรวจประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น ศาสนาผี พราหมณ์ พุทธ และอิสลาม รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการปกครองระหว่างภูมิภาคต่างๆ

Full Transcript

( 5£ A) ผี พรา มณ์ พุทธ มุ ลิม : พ ุ ัฒนธรรมในเอเชียตะ ันออกเฉียงใต้ า นาพุทธ...

( 5£ A) ผี พรา มณ์ พุทธ มุ ลิม : พ ุ ัฒนธรรมในเอเชียตะ ันออกเฉียงใต้ า นาพุทธ เข้ามาในฐานะ SEA รับ ัฒนธรรมอินเดียด้ ยกันกับ า นาพรา มณ์ - ฮินดู SEA ได้รับอิทธิพลทาง า นา ัฒนธรรม และค ามเชื่อมาจากทั่ โลก ลักฐานพุทธ า นาที่เก่าแก่ที่ ุด เจอในพื้นที่ของอาณาจักรฟืน้ ฟูบริเ ณดินแดนปากแม่นำ้ โขง SEA ถูกขนาบกับ จีน/อินเดีย แน คิด า นาพุทธ ่งเ ริมเรื่อง บุญ - กรรม SEA ค้าขายกับชา ยุโรปและตะ ันออกกลาง ใน ต รร ที่ 16 ปีแอร์ อีฟ มองแกง กล่า ่าพุทธและพรา มณ์เข้ามามีบทบาทใน SEA อย่างมากโดย า นาทั้ง องมีค าม ัมพันธ์อันดี SEA ตกเป็นอาณานิคมของตะ ันตก ใน ต รร ที่ 19 น ไป เ อง ถนน รถไฟ และ อน อม กับ รรณะพ่อค้า (พ่อค้ามีการเดินทางค้าขายกับภูมิภาคอืน่ ตลอด ทำใ ้ า นาแพร่อย่างร ดเร็ ) SEA มีลัก ณะเด่นเป็น เอกภพบนค าม ลาก ลายที่แตกต่าง เอียน แมบเบท ทำใ ้เกิดแน คิดการปกครองแบบอินเดียที่เกิดขึ้นใน SEA 1.ก ัตริย์ใน SEA ใช้พระนามแบบอินเดีย โดย การทำจารึกตั อัก รมาจากอินเดีย 2.มีนักบ ช มีการ ร้าง า น ถาน ของพรา มณ์และพุทธ 3.คนทั่ ไปร มค ามเชื่อ า นาผี ของอินเดียเข้ากับ า นาผี เชื่อ ่าพลังจาก ิญญาณจะช่ ยปกป้องและค ามเจริญมากขึ้น เรียก ่า กระบ นการปรับตั SEA นับถือผีที่อา ัยกับผู้คน (ผีบรรพชน นางไม้ เท ดา เจ้าที่) แบบเลือก รรอย่างต่อเนื่อง า นาผี เป็น า นาก่อน มัยใ ม่ เน้นบนบาน บ ง ร ง ลัก ณะ ำคัญของ า นาผี คือ ิ่งของ/คน จะมีพลัง ักดิ์ ิทธิ์ได้ต้องมีผีมา ิง ู่ จีน า นาผีมีค ามใกล้ชิดกับลูก ลาน/คน และอาจเข้าแทรกแซงได้ SEA ไม่ได้รับอิทธิพลทางด้านค ามเชื่อและการปกครองจากจีนมาก นักบ ช/ร่างทรง ามารถรับรู้ถึงค ามชอบ ชัง ของผีได้ ามารถ ื่อ ารกับผีได้ SEA รับอิทธิพลจากจีนตั้งแต่ มัยราช ง ์ฮั่น ผีฟ้า (เจ้าฟ้า,เจ้าแ ่งฟ้า) เป็นผีที่มีอำนาจ ูง ุดบนฟ้า รือ ชนชั้นนำที่ตายแล้ ของเผ่าพันธุ์ เ ียดนามได้รับอิทธิพลจากจีนเต็มที่ในช่ ง ข ัญในค ามเชื่อของ า นาผี คือ พลังชี ิต จับต้องไม่ได้ ิง ู่อยุ่ตามที่ต่าง ๆ (ถ้าตายแล้ ข ัญ าย ถ้าเรียกกลับมาได้ ก็ ค.. 40 โดยบังคับใ ้ใช้ระบบการบริ ารแบบจีนและใช้ภา าจีนเป็นภา าราชการ ต่อมาเ ียดนามขับไล่จีนออกไปได้ จะฟื้น) ในช่ ง ต รร ที่ 3 ใน า นาผี ผู้ ญิง ถานะ ูงก ่าผู้ชาย ต่อมาปลายคริ ต รร ที่ ก า นาพุทธม ายานได้เผยแพร่เข้า ู่เ ียดนาม ผู้ ญิงเป็น ั น้าพิธีกรรม เป็น ั น้าชุมชน และเป็นร่างทรงของผีฟ้า โดยการบอกเล่าเรื่องรา ต่างๆ ของเผ่าพันธุ์ จึง ถูกยกย่อง ่า เป็นมด รือ มอมด า นาอิ ลาม ( ต รร ที่ 14-16) า นาอิ ลามเข้ามาใน SEA ช่ ง ต รร ที่ 14 - 16 จากการขยายตั การค้าทางทะเลของโลก า นาพรา มณ์ - ฮินดู ( ต รร ที่ 2-3) า นาอิ ลามใน มู่เกาะถูกปรับใ ้เข้ากับค ามเชื่อของท้องถิ่นทำใ ้ผู้คนนับถือ ิ่ง ักดิ์ ิทธิ์พระและพรา มณ์ า นาจึง พรา มณ์ - ฮินดู เข้ามายัง SEA โดยการรับอิทธิพลของอินเดีย กลับมาเข้มข้นในพื้นที่ มู่เกาะช่ ง ต รร ที่ 20 ภายใต้กระบ นการอิ ลามานุ ัฒน์ นัก ิชาการแยกคำ ่า พรา มณ์ - ฮินดู ออกจากกัน า นาพรา มณ์ คือ า นาฮินดูโบราณ มีการประกอบพิธีในพระเ ท มีการบูชาเทพต่าง ๆ และผู้ที่ประกอบพิธีคือ า นาคริ ต์ ( ต รร ที่ 16) พรา มณ์ า นาคริ ต์ได้เข้ามายัง SEA ในช่ ง ต รร ที่ 16 และมีอิทธิพลใน มู่เกาะฟิลิปปิน ์ (ภายใต้การปกครองของ เปน) า นาฮินดู (เกิดเมื่อ 550-450 ปีก่อนคริ ต์กาล) นับถือม าเทพ แทนเทพเจ้าในพระเ ท เทพที่ ำคัญ 1.พระ ิ ณุ 2. แรงดึงดูด ำคัญของ า นาคริ ต์คือการรัก าโรคภัย พระ ิ ะ (และมีพระพร มเพิ่มมา ลังจาก า นาพรา มณ์ - ฮินดู ร มกัน) มีการจัดระบบคำ อนทาง า นา ไม้กางเขนลูกประคำและรูปเคารพ ักดิ์ ิทธิ์ที่มิชชันนารีนำมาใ ้กลายเป็นเครื่องรางป้องกันภัยจากธรรมชาติทั้ง มด ผู้นำ SEA นำพรา มณ์เข้ามาเพื่อเป็นที่ปรึก าในเชิงค ามรู้และ ิลป า ตร์ในแขนงต่าง ๆ เพราะ ต้องการรู้ในด้านการ ตั้งแต่โรคภัยจนไปถึงแผ่นดินไ ปกครอง เนื่องจากมีประชากรเยอะขึน้ และ ่งเ ริมอำนาจและค ามชอบธรรม เพื่อใ ้ ถานะผู้ปกครองเ นือก ่าคน ธรรมดา เชื่อ ่า โลกมี ูนย์กลางอยู่ที่เขาพระ ุเมรุ SEA นำ ลักเท ราชาที่เชื่อ ่าก ัตริย์เป็นเทพมาจุติ ในด้านการปกครอง มีการนำเอา ลักกฎ มาย พระมนูธรรม า ตร์เป็นต้นแบบ ำคัญของกฎ มาย ส้ ช้ สู่ รื่ ำ นคร ัด นครธม ค ามรุ่งเรืองแ ่งอารยธรรมเขมรโบราณ กัมพูชามาจากไ น??? คำ ่า กัมพูชา กร่อนเ ียงมาจากภา า ัน กฤต ่ากัมโพช แปล ่า ผู้เกิดจากกัมพุ ปรากฏครั้งแรกในจารึกบ่ออีกา (จัง ัดนครราช ีมา) จารึกปรา าทปัก ีจำกรงในคริ ต์ ต รร ที่ 10 ปรากฏข้อค ามกล่า ถึง กัมพุ โดยอธิบายตำนานก ัตริย์เขมร ่า ืบเชื้อ ายมาจาก ั ข้อที่ 1 ค าม ำคัญของกลุ่ม ัฒนธรรมเขมร ฤา ีกัม ุ ยัมภุ ะ (กัมพุ ายัมภู) ตระกูลภา าออ โตรเอเชียติก (Austroasiatic) และ ภา าเขมร จัดอยู่ในตระกูลภา าออ โตรเอเชียติก เ าแ ง 1 พนม ะ เขา ะ เขา เขมรใต้ = มอญ ข้อถกเถียงของชื่อ ฟูนาน รือ ผู้ นาน มีการพัฒนารูปแบบค ามคิด ค ามเชื่อ และ ัฒนธรรม โดยการ ร้างระบบ มีภา า รือ ัญลัก ณ์ที่ ามารถ ื่อ ารค าม มายระ ่างกันได้ ข้อถกเถียงเกี่ย กับชื่อ ฟูนัน รือ ผู้ นาน โดยนัก ิชาการแบ่งกันอธิบายเป็น 2 กลุ่ม 2 น/ ม ะ ใ ะ มครอง ทาง ใ กลุ่มที่ 1 เ นอ ่า พนม ในภา าเขมร มายถึงภูเขา โดยอ้าง ่าก ัตริย์ของอาณาจักรนี้นิยม ร้าง ัดและปรา าทบนเขา ูง จึงได้ชื่อ ่า เจ้า ั ข้อที่ 2 ค ามเป็นมาของกลุ่มชาติพันธุ์เขมร แ ่งภูเขา นักประ ัติ า ตร์แบ่งเขมร ออกเป็น 2 กลุ่ม 1.ชา เขมรมีถิ่นฐานเดิม คือ ทางตอนใต้ของมาเลเซีย และอินโดนีเซียในปัจจุบัน 2.ชา กลุ่มที่ 2 เอก ารโบราณของจีน คำ ่า นัน รือ นัม (nan/nam) มายถึง ใต้ ซึ่งไมเคิล ิกเคอรี (Michale Vickery) ผู้เชี่ย ชาญ เขมรอพยบมาจากทางตอนบนบริเ ณภาคใต้ ของ จีนแผ่นดินใ ญ่ รือมาจากแถบอินเดีย ประ ัติ า ตร์กัมพูชาเ นอ ่า ฟูนัน มายถึง คุ้มครองทางใต้ มีการพบ ม้อดิน ที่ ถ้ำลาง เปียน (Laang Spean) เป็น ลักฐานยืนยัน ่าบริเ ณนี้มีคนอา ัยมาตั้งแต่ 4,200 ปีก่อน กม คน ช ถ้ำลาง เปียนเป็นถ้ำที่เก่าแก่ที่ ุดใน SEA ในยุคก่อนประ ัติ า ตร์ อาณาจักรเจนละ บ ฒนธรรม จา ก Ka 64 ะ 6 การ พระเจ้าภ รมัน และพระญาติ คือ พระเจ้าจิตรเ น (Chitrasena คือ พระเจ้ามเ นทร รมัน) นำกำลังโจมตีฟูนัน และทรง ถาปนา ูนย์. คำ ่า ขอม ที่พบในจารึก ลักที่ 2 รือ ิลาจารึก ัด รีชุม มัย ุโขทัย เป็น ลักฐานที่เก่าแก่ที่ ุด มา จาก เขมร จา ก าน บบาก เขมร อำนาจใ ม่ คือ อาณาจักรภ ปุระ บริเ ณตอนกลางของกัมพูชา ณ บริเ ณ มโบร์ไพรกุก ะ กำ ร ล มุทรซึ่งเป็น รรณคดีอยุธยาตอนต้น ปรากฏคำ ่า ขอม ในค าม มายชา กัมพูชา ลักฐานที่ปรากฏคำ ่า เขมร (เกมร) เก่าแก่ที่ ุด คือ จารึก Ka. 64 รือ จารึกเมลุบ เมืองไพรแ ง ต่อมา มีการพัฒนาจากคำ ่า เกมร เป็นคำ ปลายรัช มัยพระเจ้าชัย รมันที่ 2 เกิดค ามแตกแยก จึงแบ่งอาณาจักรเป็น 2 ่ น ่า เขมร ในช่ ง มัยพระนคร ดัง จารึกบ้านซับบาก พุทธ ักราช 1609 1. เจนระบก คือ ทางตอนเ นือ ูนย์กลาง คือ เมืองภ ปุระ อาณาเขตครอบคลุมจำปา ักและปากเซ (อิ านของไทย) 2. เจนระน้ำ คือ ทางตอนใต้ ูนย์กลางตั้งอยู่ในบริเ ณกัมพูชา อาณาจักรแยกเป็นรัฐอิ ระอีก ลายรัฐ ั ข้อที่ 3 อิทธิพล ัฒนธรรมอินเดียต่อพัฒนาการทา ประ ัติ า ตร์ของกัมพูชา *** ต่อมามีการยกทัพมายึดอาณาจักรเจนละ และร มเจนบก/น้ำ พร้อมตั้งอาณาจักรกัมพูชา *** จารึกภา า ัน กฤตที่แ ล่งโบราณคดีโ คาญ ในเมืองญาตรัง ประเท เ ียดนาม เป็นจารึกภา าอินเดียที่เก่าแก่ที่ ุดที่พบใน SEA มีลัก ณะ ตั อัก รคล้ายกับอัก รพรา มี (ช่ งคริ ต์ ต รร ที่ 1-2) ช่ งที่ 1 ระยะเริ่มต้นเมืองพระนครและการ ถาปนาอำนาจของพระเจ้าชัย รมันที่ 2 พระเจ้าชัย รมันที่ 2 เถลิงอำนาจอัน ักดิ์ ิทธิ์ตามลัทธิเท ราชาบนภูเขาพนมกุเลน รือภูเขาลิ้นจี่ คือ การยก ถานะก ัตริย์เทียบเท่าเทพเจ้า ด้าน า นา เป็นการ ถาปนาพระเจ้าชัย รมันเป็นจักร รทิน รือก ัตริย์ผู้เป็นใ ญ่ ูง ุดแ ่งจักร าล อาณาจักรฟูนัน ลัทธิไ นิกายมีอิทธิพล ูง ุด ขณะที่ า นาพุทธไม่รุ่งเรืองมากนักแต่คงมีค าม ำคัญ พนมกุเลนได้รับการ ถาปนานับเป็น ูนย์กลางของอาณาจักร มีการ ลักรูป เคารพและ ิ ลึงค์บริเ ณต้นน้ำ คือ กบาล เปียนพนมกุเลน จึง มัยเจนละ ลัทธิไ นิกายยังคงมีอิทธิพลอยู่เช่นเดิม ่ น า นาพุทธมีการนับถือชัดเจนขึ้น ถานะเป็นภูเขา ักดิ์ ิทธิ์ประจำ เมืองมเ นทรบรรพต (มะ-เ น-ทะ-ระ-บันพด) มัยพระนคร ลัทธิไ นิกายยังคงได้รับค ามนิยม ูง ุด ใน มัยพระเจ้า ุริย รมันที่ 2 >> พุทธ า นานิกายม ายานเริ่มปรากฏและ กลายเป็น า นา ำคัญในรัช มัยพระเจ้าชัย รมันที่ 7 >> เมื่อ ิ้นรัชกาล า นาพรา มณ์ลัทธิไ นิกายและไ ณพนิกายก็กลับฟื้น ช่ งที่ 2 : รัช มัยพระเจ้าอินทร รมันถึงพระเจ้าชัย รมันที่ 5 : อัตลัก ณ์และลัก ณะเด่นของกัมพูชา ค าม ำคัญก่อนจะเ ื่อมลงจากการรุกรานของ ยามและแทนที่ด้ ยพุทธ า นาลัทธิลังกา ง ์ พระองค์ทรงทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้ง 3 ประการที่ ำคัญ คำ ่า ฺระ กํมฺรเตง อญฺ รฺชย รฺมฺมเท (พระ กมรเตง อัญ รีชัย รมันเท ะ) (1) พระองค์ทรง นับ นุนการชลประทาน ทรงใ ้ ร้างอ่างเก็บน้ำฝนขนาดใ ญ่คือ อินทรตฏากะ กมฺรเตงฺ = พระเจ้า (2) พระองค์ทรงใ ้ ร้างเท รูปเป็น ัญลัก ณ์แทนพระราชบิดาและพระราชมารดา ร มทั้งบุคคล ำคัญใน ายตระกูลเพื่อ ดุดีพระเกียรติ อัญ = ข้า ร มเป็น เจ้า ชี ิตของข้า โดยประดิ ฐานภายใน า น ถาน รี = ันนิ ฐาน ่ามาจากคติค ามเชื่อเรื่องพระ รี (รืหอพระลั อ พระ ก กษ ) (3) การปลูก ร้าง า น ถานบนภูเขาคือปรา าทบากอง โดยประกา ใ ้เป็น ูนย์กลางแ ่งเมือง ริ ราลัย และต่อมาเป็น ุ านบรรจุพระ รมัน = ผู้ปกป้องคุ้มครอง (อันเป็นค ามเชื่อของอินเดียโบราณ) พของพระองค์ พระเจ้ายโ รมันที่ 1 เป็นก ัตริย์พระองค์แรกที่ประทับอยู่ทเี่ มืองพระนครโปรดใ ้ ร้างราชธานี ชื่อ ่า ยโ ธรปุระ ั ข้อที่ 4 กำเนิดอาณาจักรของชา เขมร : ฟูนัน เจนละ พระนคร ปรา าทบันทาย รี ร้างโดยพรา มณ์ยัชญ รา ะ อาณาจักรแรก ุดของชา เขมร คือ ฟูนัน ราชธานี คือ เมือง ยาธปุระ ช่ งที่ 3 พระเจ้า ุริย รมันที่ 2 ถึง พระเจ้าชัย รมันที่ 7 : ค ามรุ่งเรือง ูง ุดของกัมพูชา ตำนานพระทอง - นางนาค ะท้อนการได้รับ ัฒนธรรมอินเดียของคนพื้นเมือง รัช มัยของพระเจ้า ุริย รมันที่ 2 นับถือไ ณพนิกาย รือพระ ิ ณุ ต่อมามีการ ถาปนาปรา าทนคร ัดอุทิ ถ ายพระ ิ ณุ ซึ่งเรียกนคร ัด จารึก ลักแรกที่ กล่า ถึง เกาณฑินยะ คือ จารึกปรำโลเ ง K.5 า น ถานแ ่งนี้ ่า พระ ิ ณุโลกา เกาณฑินยะ เป็นชื่อตั ละคร ำคัญในม ากาพย์อินเดีย คือ ม าภารตะ อาโนลด์ โจเซฟ ทอยน์บี (นักประ ัติ า ตร์และโบราณคดี) พูด ่า See Angkor Wat and Die = คุณต้องเ ็นนคร ัดก่อนถึงจะตายได้ ยอร์ช เซเด ์ พบ ่าตำนานพระทอง - นางนาค คล้ายกับเรื่องเล่าปฐมก ัตริย์ราช ง ์ปัลล ะที่เมืองกานฉี (Kanchi) ทางตอนใต้ของอินเดีย ภู นั นั ภู คุ้ วั ท้รั ซั บ้ มี ลั จ้ ลุ่ รื ต้ ห่ ต้ รึ รึ ศิลปะ มัยอยุธยา ิ่งบ่งชี้ค ามเจริญของบ้านเมือง คือ อำนาจ า นา และ ะฒนธรรม (ที่เกี่ย ข้องกับการเมือง) โบสถ์ = มีใบเสมา วิหารหลวง เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ วิหาร = ไม่มีใบเสมา เจดีย์เล็ก ๆ เปรียบเสมือน (ตามความเชื่อแบบพุทธ) 4 ทวีปของเขาพระสุเมรุ อ อุโบสถ ตก วิหารหลวง ออก าล จักรว อบ ด =ข ยงค ระเบี แผนผังวัด : ยุคต้น ( มัย มเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 - มเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) ตำแ น่ง ิ่งก่อ ร้าง มีระเบียบเด่นชัด แผนผังวัด : ยุคปลาย ( มัย มเด็จพระเจ้าปรา าททอง - เ ียกรุงศรีอยุธยา) เจย์ดีประธาน (เจดีย์ที่ใ ญ่ที่ ุด) นิยม ร้างทรงปรางค์ เริ่มมี ิลปะแบบเขมร มีระเบียงคดล้อ มรอบพื้นที่ นิยม ร้างอุโบ ถ เป็น ลัก ำคัญของ ัด ด้านตะ นั ออกของระเบียงคด คือ ิ าร ล ง และท้าย ิ าร ล งล้ำแน ระเบียงเข้ามา ิ าร ล งถูกลดค าม ำคัญลง ในบริเ ณเจดีย์พระประธาน ด้านตะ นั ตก มีอุโบ ถ (มีขนาดเล็กก า่ ิ าร ล ง) ภายนอก มีระเบียงคด มีคูน้ำล้อมรอบ (แบบแผนเดีย กับ ัด มัย ุโขทัย) เจดียท์ รงต่าง ๆ (เจย์ดียอดนิยม) เจดียท์ รงปรางค์ รับอิทธิพลมาจาก ปรา าทขอม ปรางค์อยุธยามีรูปทรง ูง เพรีย ก ่า ขอม มีฐาน ูง รือ ร้างบนฐานไพที มีมุขยื่นออกมาจากเรือนธาตุ อาจมีด้านเดีย รือ 4 ด้าน - เจดีย์ทรงระฆัง - ระเบียงทรงคดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เจดียท์ รงระคัง นิยม ร้างในยุค มัยอยุธยาตอนต้น แผนผังวัด : ยุคกลาง ( มัย มเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 - มเด็จพระเจ้าทรงธรรม) ได้รับอิทธิพลมาจาก ิลปะ ุโขทัย เริ่มมีงานแบบอยุธยาแท้ ๆ ลัก ณะคล้าย ิง ์ ล้อมรอบฐานเจดีย์ มีการปรับต่างจากอยุธยาตอนต้นมากขึ้น ัดที่มี ัด ่ น มบูรณ์ที่ ุด คือ ัด รี รรเพชญ์ เชื่อ ่า ก ัตริย์ เป็น ูนย์กลางของจักร าล เจดียย์ ่อมุมไม้ ิบ อง EX 2m เจดีย์เอกลัก ณ์ของอยุธยา ร้างครั้งแรก มัยพระม าจักรพรรดิ เจดีย์ภูเขาทอง เจดีย์ รี ุริโยทัย EX 2m r ต้ ห์พ่ ถนน รถไฟ และช้อน ้อม การ ร้าง ัฒนธรรมตะ ันตกในโลกตะ ันออก บทบาททางเพ และโครง ร้างครอบครั ด้ ยรูปแบบทางเ ร ฐกิจที่เปลี่ยนไป จากโครง ร้างครอบครั ที่ขนาดใ ญ่ เพื่อทำการเก ตร ู่ ครอบครั ขนาดเล็ก ที่เน้นการ เป็นแรงงานในอุต า กรรม จากการทำเก ตรต้องการลูกจำน นมาก เพื่อเป็นแรงงานในการทำไร่ ทำนา ของตน แต่ในทางกลับกัน เจ้าของโรงงานไม่ มัยใ ม่ จำเป็นต้องมีลูกมาก แต่ใช้ ิธีจ้างแรงงาน และ แรงงานก็ไม่จำเป็นต้องมีลูกมากเพื่อเข้ามาทำในอุต า กรรม เกิดขึ้นในช่ ง ต รร ที่ 19 (SEA ตกเป็นอาณานิคมของตะ ันตก) โครง ร้างครอบครั เล็กลงเรื่อย ๆ (จนถึงการไม่มีลูกในปัจจุบัน ) ัฒนธรรมตะ ันตกเข้ามาพร้อมกับการล่าอาณานิคมของ จักร รรดินิยม (ผ่านการปกครอง) ในเรื่องเพ ตอนที่เ ร ฐกิจเน้นการทำเก ตรกรรม ผู้ชายจะมีแรง และมีประโยชน์ก ่าผู้ ญิง ในทางกลับกัน ในการทำ ัฒนธรรมตะ ันตก ครอบงำ SEA ในฐานะค ามเป็น ากล โดยเฉพาะในเรื่อง ค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ และ การตีค าม อุ า กรรม รือ งานในออฟฟิ ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานผู้ชาย ผู้ ญิงจึง ามารถออกมาทำงานได้ โดย ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย และ *** การรับ ัฒนธรรมตะ ันตกเข้ามา SEA ไม่ได้ถูกทางตะ ันตกบีบบังคับ แต่ ชา SEA เต็มใจ เพราะต้องการค ามเจริญทางด้าน ัตถุ เปลี่ยน ถานะบทบาทของผู้ ญิงไป เทคโนโลยี อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ค ามรู้ด้านต่าง ๆ (ด้านการปกครอง ด้านการแพทย์) อา ุธปืน รถไฟ โทรเลข มาครอบครอง *** ค ามรู้เรื่องอุต า กรรมและการผลิต ระบบเ ร ฐกิจโลก (แบบใ ม่) ค ามรู้เรื่อง เครื่องจักร ได้เข้ามาในภูมิภาคนี้ ทำใ ้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงงาน จากจารีต ู่ทุนนิยม และมีการพัฒนา ชา ตะ ันตก เป็นคนนำ ระบบเ ร ฐกิจโลก (แบบใ ม่) เข้ามา ใน ต รร ที่ 19 อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ จักร รรดินิยม เครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานเป็นจำน นมาก เช่น อุต า กรรมเ มือง การขน ่ง เก ตรกรรม โรงไม้ รืองานที่ใช้กำลังคนมาก ระบบทุนนิยม ที่มาพร้อมกับ เ ร ฐกิจโลก (แบบใ ม่) ทำใ ้ผู้คน ันมาทำงานที่ ร้าง เงิน ได้ (เนื่องจากไม่ ามารถแลก ิ่งของได้ ลายอย่างถูกทดแทนโดย เครื่องจักร) อีกต่อไป) โดยผลิต ินค้าที่ขายได้แน่นอน และเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งคือ ินค้า ่งออก จนทำใ ้คนเร่งกันผลิต ินค้าออกมา จำน นมาก จนทำใ ้เกิดการบุกเบิกทำไร่ขนาดใ ญ่ ที่เน้นปลูกพืชเ ร ฐกิจ การแพทย์และค าม ะอาด *** จากอดีต SEA ปลูกผลผลิตและนำมา แลก ินค้า รือ จ่ายภา ีได้ แต่เมื่อ ระบบเ ร ฐกิจ (แบบใ ม่) รือ ระบบทถนนิยมได้เข้ามา จึง เข้ามาพร้อมกับ มิชชันนารี เข้ามาแทนค ามรู้เรื่อง มุนไพร รือ การปรับ มดุลของร่างกายและชี ิต ทำใ ้ไม่ ามารถทำแบบเดิมได้อีกต่อไป *** การแพทย์ทำใ ้ได้รู้ ่า ค ามเจ็บป่ นนั้นเกิดมาจากปัจจัยภายนอก เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย ไม่ใช่เกิดจาก ิ่ง ักดิ์ ิทธิ์ รือคำ าปแช่ง ำนึกทางเ ลา (แบบใ ม่) ( Loop ) ิ่งนี้มาพร้อมกับค ามรู้เรื่อง ค าม ะอาด ่งผลใ ้การจัดการของเน่าเ ียเปลี่ยนไป เช่น การทำท่อระบายน้ำ การขับถ่ายอย่าง ในช่ งแรกของชา SEA ใช้การ ำนึกเ ลาแบบ งรอบ คือ เ ลาแบบที่ทุก ิ่งจะเกิดซ้ำ และ นเ ียนอยู่เ มอ เป็นระบบ การจัดการ พไม่ใ ้เน่าเ ม็น ร มไปถึงการทำของใ ้ ุก มีการฆ่าเชื้อ ล้างมือ ใช้อุปกรณ์ทานอา าร ต่อมา ชา ตะ ันตก ได้เข้ามาพร้อมกับเ ลารูปแบบใ ม่ คือ การ ำนึกเ ลาแบบเ ้นตรง คือ ทุก ิ่งจะมุ่งจาก อดีต > ปัจจุบัน > อนาคต ่งผลใ ้ ังคมถูกมอง ่า ต้องดีขึ้น และเติบโตอยู่เ มอ ิ ะกรรม *** ทุกคนจึงถูกครอบงำด้ ยการ ำนึกเ ลาแบบเ ้นตรง ที่เชื่อ ่าทุก ๆ อย่างในชี ิต ต้องพัฒนาตลอดเ ลา ากผู้ใด ยุดพัก จะถูกมอง ่า เกิด ิ่งปลูก ร้างขนาดใ ญ่และ ูง ร้างถนน ะพาน การคมนาคม ทำใ ้เมืองรองรับประชากรได้มากขึ้นแต่พื้นที่เท่าเดิม เป็นค ามถดถอยจึงเกิดภา ะ FOMO (Fear Of Missing Out) เมื่อคนตามกระแ ไม่ทันจะทำใ ้รู้ ึก มดไฟ และ รู้ ึกไร้ค่าในที่ ุด *** เกิดการคมนาคม เทคโนโลยี ื่อ าร โทรเลข รถไฟ เกิด ิ่งที่ทำใ ้ล่นเ ลา เกิดค าม ะด ก และร ดเร็ การปฏิรูปการปกครองและกฎ มาย คคล > กฎหมาย การเปลี่ยนแปลงที่ ำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบ บุคคล ู่ การปกครองโดยกฏ มาย ภูมิ า ตร์และการทำแผนที่ มัยจารีต : ก ัตริย์มีอำนาจ ูง ุดในการ ั่งขุนนางใกล้ตั และ ่งต่อเป็นทอด ๆ จนถึงประชาชนระดับล่าง ทำใ ้รู้ถึงทรัพยากรต่าง ๆ ภายในดินแดน และนำมาใช้ประโยชน์ ผ่านการทำเ มือง ทำไร่ขนาดใ ญ่ มัยใ ม่ : ก ัตริย์มีอำนาจโดยตรง ผ่านรูปแบบของกฏ มายที่เป็น ลายลัก ณ์อัก ร ทำใ ้เข้าใจการบริ ารพื้นที่แบบองค์ร ม เช่น การกำ นดพื้นที่ต่าง ๆ การจัดระบบชลประทาน กฏ มายที่ ูง ุด คือ รัฐธรรมนูญ (ข้อตกลงพื้นฐานที่ ุด) เก ตรกรรมและพฤก า ตร์ ลำดับชั้นทาง ังคม ค ามรู้ด้านการเก ตร : เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำไร่ ทำนา ผ่านการใช้ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และการ ร้างระบบชลประทานใ ้ แบ่งแยกด้ ย เงิน ฐานะ และการ ึก า เพียงพอต่อการเก ตร เกิดเมืองทางการค้า ทำใ ้คนอพยบเข้ามาในเมืองใ ญ่ ๆ เพื่อ า งาน และ โอกา ค ามรู้ด้านพฤก า ตร์ : ามารถจัดการประเภทพืช คัด รรพืชที่มีประ ิทธิภาพ ทำใ ้เกิดชนชั้นใ ม่ขึ้น คือ ชนชั้นกลาง *** เรื่องพ กนี้ เข้ามาแทนที่ระบบ ักดินาเดิม ใน ังคม *** บุ นึ่งแถบ นึ่งเ ้นทาง การรื้ออารยธรรมทางเ ร ฐกิจ Belt and Road Intiative (BRI) มีการจัดตั้งองค์กรทางเ ร ฐกิจ 1. Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) : ก่อตั้งเมื่อปี 2016 เป็น ถาบันทางการเงินระ ่างประเท มี One Belt One Road >> Belt and Road Intiative โครง ร้างมาจาก World Bank / IMF / ADB มี มาชิก 109 ประเท นโยบาย OBOR ถูกเ นอโดย ีจิ้นผิง ในปี ค.. 2013 (เน้นการค้าระ ่างจีนกับประเท ต่าง ๆ) 2. Silk Road Fund : ก่อตั้งเมื่อปี 2014 เป็นกองทุนเ ้นทาง ายไ ม เพื่อ ่งเ ริมกองทุน และการพัฒนาภายใต้นโยบาย ต่อมาเปลี่ยนจาก One Belt One Road (OBOR) เป็น Belt and Road Intiative (BRI) ในปี ค.. 2016 ของ BRI มีกองทุนมูลค่า 40,000 ล้านดอลล่า รัฐ คาซัค ถาน (กันยายน 2013) : นโยบาย ำคัญ Silk Road Economic Belt อินโดนีเซียน (ตุลาคม 2013) : นโยบาบ ำคัญ 21st Century Maritime Silk Road ข้อพิพาททะเลจีนใต้ ข้อพิพาททะเลจีนใต้เกี่ย ข้องกับการอ้าง ิทธิ์ในพื้นที่ทางทะเลของ ลายประเท โดยจีนอ้าง ิทธิ์ผ่าน “เ ้นประ 9 เ ้น” ซึ่ง Silk Road in Han dynasty ครอบคลุมเกือบทั้ง มดของทะเลจีนใต้ จีนยืนยัน ิทธิ์ทางประ ัติ า ตร์ ขณะที่ประเท อื่น ๆ มอง ่าการอ้าง ิทธิ์นี้ขัดต่อกฎ มาย เ ้นทาง ายไ ม (ถูกเรียกอย่างทางการเมื่อ ริ ต์ ัต รร ที่ 19) เกิดขึ้นในรัช มัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (ยุคทองของราช ง ์ฮั่น ระ ่างประเท ตะ ันตก) เ ้นทาง ายไ ม มี ผ้าไ ม เป็น ินค้า ลัก และเป็น ินค้าที่ ำคัญของจีน มัยโบราณ มีการปราบปราม เผ่าซง นู (ชนกลุ่มน้อย) ฮั่นอู่ตี้ ่งราชทูตจางเซียน ไปยังตะ ันตก เพื่อ ร้างค าม ัมพันธ์ระ ่างจีนกัยดินแดนอื่น ๆ เ ้นทางที่จางเซียนเดินทาง กลายเป็นเ ้นทางที่ ำคัญ โดยมีจุด ูนย์กลางอยู่ที่ ฉางอัน Maritime Silk Road in Song dynasty เกิดใน มัย ราช ง ์ซ่ง (เกิดขึ้น ลังจากเ ้นทาง ายไ มประมาณพันปี) เกิดจากชนกลุ่มน้อย (เ ลีย / ซีเซี่ย / จิน / มองโกล) ร มตั เป็นใ ญ่ และตั้งอาณาจักรมารุกรานราช ง ์ซ่ง >> ่งผลใ ้ ราช ง ์ซ่ง ต้องย้าย ูนย์กลางไปอยู่ทางใต้ (ทำใ ้เกิด ซ่งเ นือ / ใต้) เกิดการขยายตั ทางการค้าทะเล เ ร ฐกิจก้า น้า : มีตั๋ แลกเงิน (ธนบัตร) / ธนาคาร (ร้านรับแลกเงิน) (Maritime) Silk Road in Yuan dynasty (ถูกปกครองด้ ยมองโกล) เจงกี ข่าน (เตมูจิน) ถาปนาอาณาจักรมองโกล (ค.. 1206) กุบไลข่าน ยึดนครเ นือ และ ผน กราช ง ์ซ่งใต้ (ค.. 1279) >> เ ้นทาง ายไ มตอนเ นือกลับ ู่ค ามมั่นคง และขยายตั อย่างต่อเนื่อง Marco Polo (พ่อค้าชา อิตาลี) เขียนบันทึกเดินทางไ ้ ่า ชา ตะ ันตกเดินทางมาค้าขายกับจีน และมี มณฑูต าติกัน เดิน ทางผ่านเ ้นทาง ายไ ม เมืองท่าที่ ำคัญที่ ุด คือ ฉ นโจ (เมืองท่านานาชาติ) เพราะมีพ่อค้าเอกชน ลายชาติ Ming Treasure Voyages รัช มัย ย่งเล่อ ่งกองกำลังเรือของเจิ้งเ อ ออก ำร จดินแดนต่าง ๆ >> เที่ย แรก 62 ลำ (28,000 คน) ไปจนถึงอินเดีย และ แอฟริกาตะ ันออก >> เที่ย ุดท้าย เรือ 107 ลำ ลักฐานของ เจิ้งเ อ ลงเ ลือไม่มากนัก จาก ลักฐานที่ ลงเ ลือ พบ ่า เจิ้งเ อ เดินทางมากก ่า 30 ประเท และ Gavin Menzies เ นอ ่า เจิ้งเ อน่าจะค้นพบ ท ีปอมเริกา ก่อน โคลัมบั ชาตินิยมและพร มแดน : รอยร้าวแ ่งอารยธรรม ขบวนการชาตินิยม ขบ นการชาตินิยมเคลื่อนไ ภายใต้ดินแดนอาณานิคม นึ่ง ผ่านการ ร้างเรื่องรา ทางประ ัติ า ตร์ โดยชาตินิยมได้ ร้าง ัตรู กลาง ต รร ที่ 20 ลายประเท ใน SEA ได้ประกา เอกราช จากเจ้าอาณานิคม ลัง งครามโลกครั้งที่ 2 ร่ มกัน ( ัตรู = คนอื่น ที่พ กเราต้องร่ มกันเอาชนะ) ดินแดนอาณานิคม (อาเซียน + ติมอเล เต + ยาม >> ไทย) กลายมาเป็นประเท เอกราช ขบ นการชาตินิมยมและเติบโตมาก ในม า งครามเอเชียบูรพา พรมแดนของประเท เ ล่านี้ ได้กำ นดขึ้นใ ม่โดยไม่คำนึงถึง ัฒนธรรมดั้งเดิมของชาตินั้น ๆ (เน้นการแบ่งผลประโยชน์ทาง เ ร ฐกิจ ทำใ ้เกิดการแบ่งเขตดินแดนที่ชัดเจน) รัฐชาติ การกำ นดเบตแดน / ร้างชาติใ ม่นั้น นำไป ู่การซ้อนทับกันของอารยธรรม ทำใ ้เกิดการขัดแย้งระ ่างชายแดน รือ ชนชาติ ดินแดนน้อยลงมาก เป็นจุดตั้งต้นในการ ร้างเรื่องรา แ ่งอดีตชาติของเราได้ / เ ียดินแดนไปเท่าไ ร่ แล้ เรียบเรียงกลายเป็น ที่ถูกแยกออกจากกัน ประ ัติ า ตร์ชาติ ในปัจจุบัน เมื่อมีการกำ นดเขตแดนในการ ร้างเรื่องรา ลัก เรื่องรา ของชนกลุ่มอื่นที่ไม่ตรงกับ ูนย์กลางอำนาจจึงถูกลบเลือนไป รัฐจารีตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อน ต ร ที่ 19 ดินแดนต่าง ๆ ปกครองแบบรัฐจารีต โดยการ อิงตาม า นา ชาตินิยมและพรมแดน 1. รัฐพรา มณ์ - พุทธ ดินแดนของรัฐชาติที่เกิดขึ้นใ ม่ ที่เกิดการซ้อนทับของอารยธรรม อาจไม่เคยเป็นกลุ่มเดีย กันมาก่อน เช่น ชนกลุ่มน้อยในพม่า / 2. เ ียดนาม (ขงจื้อ) ล้านนาและอยุธยา 3. รัฐ มู่เกาะ (อิ ลาม) รัฐชาติจึงมีนโยบายชาตินิยมโดยมีเป้า มายในการบูรณาการ ใ ้คนในดินแดนกลายเป็นคนกลุ่มเดีย กัน เช่น การยกเลิกคำ ่า 4. ฟิลิปปิน ์ (คริ ต์) มลายู เป็น ชา ไทยมุ ลิม การปกครองแบบจารีต ร้างชาติ การปกครองแบบจารีต ่ นมากมีลัก ณะเป็น มนฑล (ไม่มีเขตแดนที่แน่นอนแบบ มัยใ ม่) การ ร้างชาต เกิดการที่รัฐชาติได้ ร้างเรื่องรา ประ ัติ ที่มาของกลุ่มคนภายในดินแดน และอัตลัก ณ์ทางดินแดน ทำใ ้เกิด การปกครองแบบจารีต มีค ามเป็นอิ ระ และ พ ุ ัฒนธรรม ูง เรื่องรา ของชาติ โบราณคดี การเขียนประ ัติ า ตร์ พิพิทธภัณฑ์ เป็นเครื่องมือ ำคัญในการ ร้างเรื่องรา รัฐ มัยใ ม่ ชาติกลายเป็น จิตกรรม ทำใ ้ผู้คน ามารถจินตนาการถึงเรื่องรา รือ ลัก ณะของ ังคมในยุคนั้น ๆ ได้โดยไม่ต้องลง ต รร ที่ 19 ดินแดนนี้ถูกปกครองโดยเจ้าอาณานิคมตะ ันตก ยกเ ้น ยาม (ไทย) รายละเอียด เขตแดนถูกกำ นดขึ้นเพื่อเป็นเ ้นแบ่งระ ่างอาณานิคมต่าง ๆ ไม่ได้แบ่งตามปัจจัยทาง ัฒนธรรม ประเพณี ชาติพันธุ์ แต่เป็น การแบ่งผลประโยชน์ทางเ ร ฐกิจ และ ทรัพยากร มรดกชาติ ในช่ งปลาย ต รร ที่ 19 ผู้คนในดินแดนเริ่มเคลื่อนไ เพื่อปฃดแอกตั เอง จากเจ้าอาณานิคม โดย อุดมการณ์ชาตินิยม การกำ นดเขตแดน นำมาซึ่งการแย่งชิงมรดกชาติ ทั้งทาง ัตถุ และ ภูมิปัญญา ดังนั้น ชาติแต่ละชาติต้อง ร้างตั เพื่อแ ดงค าม เป็นเจ้าของเพียง นึ่งเดีย ต่อ มรดกชาติเอาไ ้ ชาตินิยม (เกิดจาก ชาติ + ลัทธิ) ชาตินิยม คือ ถือชาติเป็นใ ญ่ ผลักดันแน คิดเรื่องชาติ ใ ้กลายเป็นอุดมณ์การของรัฐ ช่ ง ต รร ที่ 19 ชาตินิยมใน SEA คือ ชาตินิยมแบบเชื้อชาติ มีนัก ิชาการนิยามไ ้ ่า 1. เออร์เน ต์ เรอนัน : มอง ่าชาติเป็นผลผลิตของประ ัติ า ตร์ มีการต่อ ู้ร่ มทุกข์ร่ ม ุขมานาน ชาติจึงเป็นการร มตั ของ ค ามรู้ ึกเ ีย ละ 2. มักซ์ เ เบอร์ : มอง ่าชาติ คือ ชุมชนค ามรู้ ึกที่ปรากฏขึ้นบนดินแดน นึ่ง 3. 3. คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ = การ ืบ ายโล ิต *** เออร์เน เ ยี ละ มักซ์ชุมชน คลิฟฟอร์ด ืบ ายเลือด ***

Use Quizgecko on...
Browser
Browser