พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 PDF

Summary

This is a Thai law about government information. It details information about access to information from government entities in Thailand. It also discusses conditions where information may not be released.

Full Transcript

พระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 --------------------------------------------- ภูมิพลอด...

พระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 --------------------------------------------- ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐ เป็ นปี ที่ ๕๒ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล ้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็ นการสมควรให้มกี ฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล ้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัตขิ นไว้ ึ โดยคําแนะนําและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ เรีี ยกว่า “พระราชบัญญัตขิ อ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตนิ ให้ ี ใช้บงั คับเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วนั ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็ นต้นไป มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บญั ญัตไิ ว้แล ้วใน พระราชบัญญัตนิ ี หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตนิ ให้ ี ใช้พระราชบัญญัตนิ แทน ี มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ี “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า สิ่งที่ส่ อื ความหมายให้รูเ้ รื่องราวขอ้ เท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่วา่ การสื่อความหมายนันจะทําได้โดยสภาพของสิ่งนันเองหรือโดยผ่านวิธกี ารใดๆ และไม่วา่ จะได้จดั ทําไว้ในรูป ของเอกสาร แฟ้ ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิ ลม์ การบันทึกภาพหรือเสียง การ บันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธอี ่ นื ใดที่ทาํ ให้ส่ งิ ที่บนั ทึกไว้ปรากฏได้ “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ หน่วยงานของรัฐ ไม่วา่ จะเป็ นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดําเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมภิ าค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กร ควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผูซ้ ่ งึ ปฏิบตั งิ านให้แก่หน่วยงานของรัฐ “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัตสิ ุขภาพ ประวัตอิ าชญากรรม หรือประวัตกิ ารทํางาน บรรดาที่มชี ่ อื ของผู ้ นันหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทาํ ให้รูต้ วั ผูน้ นได้ ั เช่น ลายพิมพ์นวมื ิ อ แผ่นบันทึก ลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผูท้ ่ ถี งึ แก่ กรรมแล ้วด้วย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มสี ญั ชาติไทยและไม่มถี ่ นิ ที่อยู่ ในประเทศไทย และนิตบิ คุ คลดังต่อไปนี (๑) บริษทั หรือห้างหุน้ ส่วนที่มที นุ เกินกึ่งหนึ่งเป็ นของคนต่างด้าว ใบหุน้ ชนิดออกให้แก่ผูถ้ อื ให้ถอื ว่าใบ หุน้ นันคนต่างด้าวเป็ นผูถ้ อื (๒) สมาคมที่มสี มาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็ นคนต่างด้าว (๓) สมาคมหรือมูลนิธทิ ่ มี วี ตั ถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว (๔) นิตบิ คุ คลตาม (๑) (๒) (๓) หรือนิตบิ คุ คลอื่นใดที่มผี ูจ้ ดั การหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็ นคนต่าง ด้าว นิตบิ คุ คลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็ นผูจ้ ดั การหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทนุ ในนิตบิ คุ คลอื่น ให้ ถือว่าผูจ้ ดั การหรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุนดังกล่าวเป็ นคนต่างด้าว มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ี และมีอาํ นาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบตั ิ ตามพระราชบัญญัตนิ ี กฎกระทรวงนัน เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล ้วให้ใช้บงั คับได้ มาตรา ๖ ให้จดั ตังสํานักงานคณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการขึนในสังกัดสํานักงานปลัดสํานัก นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบตั งิ านเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการ วินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คาํ ปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการ ปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี หมวด ๑ การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร _______________ มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนีลงพิมพ์ในราชกิจจา นุเบกษา (๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดําเนินงาน (๒) สรุปอํานาจหน้าที่ท่ สี าํ คัญและวิธกี ารดําเนินงาน (๓) สถานที่ตดิ ต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือคําแนะนําในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ (๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คําสัง่ หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการ ตีความ ทังนี เฉพาะที่จดั ให้มขี นโดยมี ึ สภาพอย่างกฎ เพื่อให้มผี ลเป็ นการทัว่ ไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง (๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกําหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มกี ารจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจํานวนพอสมควรแล ้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราช กิจจานุเบกษาโดยอ้างอิงถึงสิ่งพิมพ์นนก็ ั ให้ถอื ว่าเป็ นการปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตวิ รรคหนึ่งแล ้ว ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มขี อ้ มูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจําหน่าย จ่ายแจก ณ ที่ทาํ การของหน่วยงานของรัฐแห่งนันตามที่เห็นสมควร มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารที่ตอ้ งลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนํามาใช้บงั คับในทางที่ไม่เป็ นคุณแก่ผูใ้ ดไม่ได้ เว้นแต่ผูน้ นจะได้ ั รูถ้ งึ ข้อมูลข่าวสารนันตามความเป็ นจริงมา ก่อนแล ้วเป็ นเวลาพอสมควร มาตรา ๙ ภายใต้บงั คับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มขี อ้ มูลข่าวสาร ของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนีไว้ให้ประชาชนเขา้ ตรวจดูได้ ทังนี ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่ คณะกรรมการกําหนด (๑) ผลการพิจารณาหรือคําวินจิ ฉัยที่มผี ลโดยตรงต่อเอกชน รวมทังความเห็นแย้งและคําสัง่ ที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณาวินจิ ฉัยดังกล่าว (๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา ๗ (๔) (๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจําปี ของปี ท่ กี าํ ลังดําเนินการ (๔) คู่มอื หรือคําสัง่ เกี่ยวกับวิธปี ฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน (๕) สิ่งพิมพ์ท่ ไี ด้มกี ารอ้างอิงถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง (๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มลี กั ษณะเป็ นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการ จัดทําบริการสาธารณะ (๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตังโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทังนี ให้ระบุรายชื่อรายงานทางวิชาการ รายงานขอ้ เท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นาํ มาใช้ในการพิจารณาไวด้ ว้ ย (๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกําหนด ข้อมูลข่าวสารที่จดั ให้ประชาชนเขา้ ตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีส่วนที่ตอ้ งห้ามมิให้เปิ ดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ดว้ ย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทําโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็ นการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร นัน บุคคลไม่วา่ จะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสทิ ธิเข้าตรวจดู ขอสําเนาหรือขอสําเนาที่มคี าํ รับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีท่ สี มควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียมในการนันก็ได้ ในการนีให้คาํ นึงถึงการช่วยเหลือผูม้ ี รายได้นอ้ ยประกอบด้วย ทังนี เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัตไิ ว้เป็ นอย่างอื่น คนต่างด้าวจะมีสทิ ธิตามมาตรานีเพียงใดให้เป็ นไปตามที่กาํ หนดโดยกฎกระทรวง มาตรา ๑๐ บทบัญญัตมิ าตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่มี กฎหมายเฉพาะกําหนดให้มกี ารเผยแพร่หรือเปิ ดเผย ด้วยวิธกี ารอย่างอื่น มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล ้ว หรือที่จดั ไว้ให้ ประชาชนเขา้ ตรวจดูได้แล ้ว หรือที่มกี ารจัดให้ประชาชนได้คน้ คว้าตามมาตรา ๒๖ แล ้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูล ข่าวสารอื่นใดของราชการและคําขอของผูน้ นระบุ ั ขอ้ มูลข่าวสารที่ตอ้ งการในลักษณะที่อาจเข้าใจได้ตามควร ให้ หน่วยงานของรัฐผูร้ บั ผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนันให้แก่ผูข้ อภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผูน้ นขอจํ ั านวน มากหรือบ่อยครังโดยไม่มเี หตุผลอันสมควร ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหา ให้หรือจะจัดทําสําเนาให้ในสภาพอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ขอ้ มูลข่าวสารนันก็ได้ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็ นข้อมูลข่าวสารที่มอี ยู่แล ้วใน สภาพที่พร้อมจะให้ได้ มิใช่เป็ นการต้องไปจัดทํา วิเคราะห์ จําแนก รวบรวม หรือจัดให้มขี นใหม่ ี เว้นแต่เป็ น การแปรสภาพเป็ นเอกสารจากขอ้ มูลข่าวสารที่บนั ทึกไว้ในระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นใด ทังนี ตามที่คณะกรรมการกําหนด แต่ถา้ หน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณีท่ ขี อนันมิใช่การ แสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็ นเรื่องที่จาํ เป็ นเพื่อปกป้ องสิทธิเสรีภาพสําหรับผูน้ นหรื ั อเป็ นเรื่องที่จะ เป็ นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนันให้ก็ได้ บทบัญญัตวิ รรคสามไม่เป็ นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มขี อ้ มูลข่าวสารของราชการใดขึนใหม่ ให้แก่ผูร้ อ้ งขอ หากเป็ นการสอดคล ้องด้วยอํานาจหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนันอยู่แล ้ว ให้นาํ ความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บงั คับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ ตามมาตรานี โดยอนุโลม มาตรา ๑๒ ในกรณีท่ มี ผี ูย้ ่ นื คําขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ ขอจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานส่วนกลาง หรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนันหรือจะอยู่ในความ ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รบั คําขอให้คาํ แนะนํา เพื่อไปยื่นคําขอต่อ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนันโดยไม่ชกั ช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผูร้ บั คําขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่มคี าํ ขอเป็ นข้อมูลข่าวสารที่จดั ทําโดยหน่วยงานของ รัฐแห่งอื่น และได้ระบุหา้ มการเปิ ดเผยไว้ตามระเบียบที่กาํ หนดตามมาตรา ๑๖ ให้ส่งคําขอนันให้หน่วยงาน ของรัฐผูจ้ ดั ทําข้อมูลข่าวสารนันพิจารณาเพื่อมีคาํ สัง่ ต่อไป มาตรา ๑๓ ผูใ้ ดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จดั พิมพ์ขอ้ มูลข่าวสารตามมาตรา ๗ หรือไม่จดั ข้อมูล ข่าวสารไวใ้ ห้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ หรือไม่จดั หาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝ่ าฝื น หรือไม่ปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี หรือปฏิบตั หิ น้าที่ลา่ ช้าหรือเห็นว่าตนไม่ได้รบั ความสะดวกโดยไม่มเี หตุอนั สมควร ผูน้ นมี ั สทิ ธิรอ้ งเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็ นเรื่องเกี่ยวกับการมีคาํ สัง่ มิให้เปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา ๑๕ หรือคําสัง่ ไม่รบั ฟังคําคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือคําสัง่ ไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบ ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ ในกรณีท่ มี กี ารร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล ้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับแต่วนั ที่ได้รบั คําร้องเรียน ในกรณีท่ มี เี หตุจาํ เป็ นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ตอ้ งแสดง เหตุผลและรวมเวลาทังหมดแล ้วต้องไม่เกินหกสิบวัน หมวด ๒ ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตอ้ งเปิ ดเผย _______________ มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริยจ์ ะ เปิ ดเผยมิได้ มาตรา ๑๕ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มลี กั ษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี หน่วยงานของรัฐหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคาํ สัง่ มิให้เปิ ดเผยก็ได้ โดยคํานึงถึงการปฏิบตั หิ น้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน (๑) การเปิ ดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมัน่ คงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมัน่ คงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ (๒) การเปิ ดเผยจะทําให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสําเร็จตามวัตถุประสงค์ ได้ ไม่วา่ จะเกี่ยวกับการฟ้ องคดี การป้ องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู ้ แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ตาม (๓) ความเห็นหรือคําแนะนําภายในหน่วยงานของรัฐในการดําเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ทงนี ั ไม่ รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานขอ้ เท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นาํ มาใช้ในการทําความเห็นหรือคําแนะนํา ภายในดังกล่าว (๔) การเปิ ดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวติ หรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด (๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิ ดเผยจะเป็ นการรุกลําสิทธิส่วนบุคคลโดย ไม่สมควร (๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มกี ฎหมายคุม้ ครองมิให้เปิ ดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มผี ูใ้ ห้มาโดยไม่ ประสงค์ให้ทางราชการนําไปเปิ ดเผยต่อผูอ้ ่ นื (๗) กรณีอ่ นื ตามที่กาํ หนดให้พระราชกฤษฎีกา คําสัง่ มิให้เปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกําหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ตอ้ งระบุไว้ดว้ ยว่าที่ เปิ ดเผยไม่ได้เพราะเป็ ขอ้ มูลข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถอื ว่าการมีคาํ สัง่ เปิ ดเผยข้อมูล ข่าวสารของราชการเป็ นดุลพินจิ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามลําดับสายการบังคับบัญชา แต่ผูข้ ออาจ อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารได้ตามที่กาํ หนดในพระราชบัญญัตนิ ี มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบตั วิ า่ ข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิ ดเผยต่อบุคคลใดได้ หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใด และสมควรมีวธิ รี กั ษามิให้รว่ั ไหลให้หน่วยงานของรัฐกําหนดวิธกี ารคุม้ ครอง ข้อมูลข่าวสารนัน ทังนี ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกาํ หนดว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ มาตรา ๑๗ ในกรณีท่ เี จ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึง ประโยชน์ได้เสียของผูใ้ ด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผูน้ นเสนอ ั คําคัดค้านภายในเวลาที่กาํ หนด แต่ตอ้ งให้เวลาอันสมควรที่ผูน้ นอาจเสนอคํ ั าคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่นอ้ ยกว่าสิบ ห้าวันนับแต่วนั ที่ได้รบั แจ้ง ผูท้ ่ ไี ด้รบั แจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผูท้ ่ ที ราบว่าการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึง ประโยชน์ได้เสียของตน มีสทิ ธิคดั ค้านการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารนันได้โดยทําเป็ นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผูร้ บั ผิดชอบ ในกรณีท่ มี กี ารคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผูร้ บั ผิดชอบต้องพิจารณาคําคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณา ให้ผูค้ ดั ค้านทราบโดยไม่ชกั ช้า ในกรณีท่ มี คี าํ สัง่ ไม่รบั ฟังคําคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร นันมิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกําหนดเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๘ หรือจนกว่าคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผย ข้อมูลข่าวสารได้มคี าํ วินจิ ฉัยให้เปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารนันได้ แล ้วแต่กรณี มาตรา ๑๘ ในกรณีท่ เี จ้าหน้าที่ของรัฐมีคาํ สัง่ มิให้เปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือ มาตรา ๑๕ หรือมีคาํ สัง่ ไม่รบั ฟังคําคัดค้านของผูม้ ปี ระโยชน์ได้เสียตามมาตรา ๑๗ ผูน้ นอาจอุ ั ทธรณ์ต่อ คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวันนับแต่วนั ที่ได้รบั แจ้งคําสัง่ นันโดยยื่นคํา อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่มคี าํ สัง่ มิให้เปิ ดเผยนันไม่วา่ จะเป็ นการพิจารณาของ คณะกรรมการ คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ได้ จะต้องดําเนินกระบวนการ พิจารณาโดยมิให้ขอ้ มูลข่าวสารนันเปิ ดเผยแก่บคุ คลอื่นใดที่ไม่จาํ เป็ นแก่การพิจารณาและในกรณีท่ จี าํ เป็ นจะ พิจารณาลับหลังคู่กรณีหรือคู่ความฝ่ ายใดก็ได้ มาตรา ๒๐ การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารใด แม้จะเขา้ ข่ายต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายใด ให้ถอื ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ตอ้ งรับผิดหากเป็ นการกระทําโดยสุจริตในกรณีดงั ต่อไปนี (๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดาํ เนินการโดยถูกต้องตามระเบียบตามมาตรา ๑๖ (๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวงมีคาํ สัง่ ให้ เปิ ดเผยเป็ นการทัว่ ไปหรือเฉพาะแก่บคุ คลใด เพื่อประโยชน์อนั สําคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวติ ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อ่ นื ของบุคคล และคําสัง่ นันได้กระทําโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี จะมีการกําหนดข้อจํากัดหรือเงื่อนไขในการใช้ขอ้ มูลข่าวสารนันตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไม่เป็ นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตาม กฎหมายหากจะพึงมีในกรณีดงั กล่าว หมวด ๓ ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ______________ มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี “บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา ที่มสี ญั ชาติไทย และบุคคลธรรมดาที่ไม่มสี ญั ชาติไทยแต่มถี ่ นิ ที่อยู่ในประเทศไทย มาตรา ๒๒ สํานักข่าวกรองแห่งชาติ สํานักงานสภาความมัน่ คงแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่ง อื่นตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง อาจออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกําหนดหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขที่มใิ ห้นาํ บทบัญญัตวิ รรคหนึ่ง (๓) ของมาตรา ๒๓ มาใช้บงั คับกับข้อมูลข่าวสารส่วน บุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่จะกําหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งนัน ต้องเป็ นหน่วยงานของรัฐซึ่งการ เปิ ดเผยประเภทขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง (๓) จะเป็ นอุปสรรคร้ายแรงต่อการ ดําเนินการของหน่วยงานดังกล่าว มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบตั เิ กี่ยวกับการจัดระบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลดังต่อไปนี (๑) ต้องจัดให้มรี ะบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้อง และจําเป็ นเพื่อการดําเนินงานของ หน่วยงานของรัฐให้สาํ เร็จตามวัตถุประสงค์เท่านัน และยกเลิกการจัดให้มรี ะบบดังกล่าวเมื่อหมดความจําเป็ น (๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีท่ จี ะกระทบถึง ประโยชน์ได้เสียโดยตรงของบุคคลนัน (๓) จัดให้มกี ารพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา และตรวจสอบแก้ไขให้ถกู ต้องอยู่เสมอเกี่ยวกับสิ่งดังต่อไปนี (ก) ประเภทของบุคคลที่มกี ารเก็บข้อมูลไว้ (ข) ประเภทของระบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคล (ค) ลักษณะการใช้ขอ้ มูลตามปกติ (ง) วิธกี ารขอตรวจดูขอ้ มูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล (จ) วิธกี ารขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงขอ้ มูล (ฉ) แหล่งที่มาของข้อมูล (๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้ถกู ต้องอยู่เสมอ (๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามความเหมาะสม เพื่อ ป้ องกันมิให้มกี ารนําไปใช้โดยไม่เหมาะสมหรือเป็ นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีท่ เี ก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ ล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูลถึงวัตถุประสงค์ท่ จี ะนําข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ขอ้ มูลตามปกติ และ กรณีท่ ขี อข้อมูลนันเป็ นกรณีท่ อี าจให้ขอ้ มูลได้โดยความสมัครใจหรือเป็ นกรณีมกี ฎหมายบังคับ หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบในกรณีมกี ารให้จดั ส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไปยังที่ ใดซึ่งจะเป็ นผลให้บคุ คลทัว่ ไปทราบขอ้ มูลข่าวสารนันได้ เว้นแต่เป็ นไปตามลักษณะการใช้ขอ้ มูลตามปกติ มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผูอ้ ่ นื โดยปราศจากความยินยอมเป็ นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ลว่ งหน้า หรือในขณะนันมิได้ เว้นแต่เป็ นการเปิ ดเผยดังต่อไปนี (๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตน เพื่อการนําไปใช้ตามอํานาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่ง นัน (๒) เป็ นการใช้ขอ้ มูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มรี ะบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลนัน (๓) ต่อหน่วยงานของรัฐที่ทาํ งานด้วยการวางแผน หรือการสถิติ หรือสํามะโนต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่ตอ้ ง รักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไว้ไม่ให้เปิ ดเผยต่อไปยังผูอ้ ่ นื (๔) เป็ นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจยั โดยไม่ระบุช่ อื หรือส่วนที่ทาํ ให้รูว้ า่ เป็ นข้อมูลข่าวสารส่วน บุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด (๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง เพื่อการตรวจดูคณ ุ ค่าในการเก็บรักษา (๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อการป้ องกันการฝ่ าฝื นหรือไม่ปฏิบตั ติ ามกฎหมาย การสืบสวน การ สอบสวน หรือการฟ้ องคดี ไม่วา่ เป็ นคดีประเภทใดก็ตาม (๗) เป็ นการให้ซ่ งึ จําเป็ น เพื่อการป้ องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวติ หรือสุขภาพของบุคคล (๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มอี าํ นาจตามกฎหมายที่จะขอ ข้อเท็จจริงดังกล่าว (๙) กรณีอ่ นื ตามที่กาํ หนดในพระราชกฤษฎีกา การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) ให้มกี ารจัดทํา บัญชีแสดงการเปิ ดเผยกํากับไว้กบั ข้อมูลข่าวสารนัน ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๕ ภายใต้บงั คับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมีสทิ ธิท่ จี ะได้รูถ้ งึ ข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนันมีคาํ ขอเป็ นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสาร นันจะต้องให้บคุ คลนันหรือผูก้ ระทําการแทนบุคคลนันได้ตรวจดูหรือได้รบั สําเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วน ที่เกี่ยวกับบุคคลนัน และให้นาํ มาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บงั คับโดยอนุโลม การเปิ ดเผยรายงานการแพทย์ท่ เี กี่ยวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมเี หตุอนั ควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิ ดเผยต่อ เฉพาะแพทย์ท่ บี คุ คลนันมอบหมายก็ได้ ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถกู ต้องตามที่เป็ นจริง ให้มสี ทิ ธิย่ นื คําขอเป็ นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วน นันได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคําขอดังกล่าว และแจ้งให้บคุ คลนันทราบโดยไม่ชกั ช้า ในกรณีท่ หี น่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มคี าํ ขอ ให้ผูน้ นมี ั สิทธิอทุ ธรณ์ต่อคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วนั ได้รบั แจ้งคําสัง่ ไม่ ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคําอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ และไม่วา่ กรณีใดๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสทิ ธิรอ้ งขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคาํ ขอของตนแนบไวก้ บั ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่ เกี่ยวข้องได้ ให้บคุ คลตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวงมีสทิ ธิดาํ เนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรานีแทน ผูเ้ ยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูลที่ถงึ แก่กรรมแล ้วก็ได้ หมวด ๔ เอกสารประวัตศิ าสตร์ ___________ มาตรา ๒๖ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบ กําหนดตามวรรคสองนับแต่วนั ที่เสร็จสินการจัดให้มขี อ้ มูลข่าวสารนัน ให้หน่วยงานของรัฐส่งมอบให้แก่หอ จดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรหรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กาํ หนดในพระราชกฤษฎีกา เพื่อคัดเลือกไว้ ให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้า กําหนดเวลาต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามวรรคหนึ่งให้แยกประเภท ดังนี (๑) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๔ เมื่อครบเจ็ดสิบห้าปี (๒) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๕ เมื่อครบยี่สบิ ปี กําหนดเวลาตามวรรคสอง อาจขยายออกไปได้ในกรณีดงั ต่อไปนี (๑) หน่วยงานของรัฐยังจําเป็ นต้องเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารของราชการไวเ้ องเพื่อประโยชน์ในการใช้ สอย โดยต้องจัดเก็บและจัดให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้าตามที่จะตกลงกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรม ศิลปากร (๒) หน่วยงานของรัฐเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารนันยังไม่ควรเปิ ดเผย โดยมีคาํ สัง่ ขยายเวลากํากับไว้เป็ น การเฉพาะราย คําสัง่ การขยายเวลานันให้กาํ หนดระยะเวลาไวด้ ว้ ย แต่จะกําหนดเกินคราวละห้าปี ไม่ได้ การตรวจสอบหรือทบทวนมิให้มกี ารขยายเวลาไม่เปิ ดเผยจนเกินความจําเป็ น ให้เป็ นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธกี ารที่กาํ หนดในกฎกระทรวง บทบัญญัตติ ามมาตรานี มิให้ใช้บงั คับกับข้อมูลข่าวสารของราชการตามที่คณะรัฐมนตรีออกระเบียบ กําหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องทําลายหรืออาจทําลายได้โดยไม่ตอ้ งเก็บรักษา หมวด ๕ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ______________ มาตรา ๒๗ ให้มคี ณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ประกอบด้วยรัฐมนตรี ซึ่ง นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็ นประธาน ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมัน่ คงแห่งชาติ เลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร ผูอ้ าํ นวยการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ ผูอ้ าํ นวยการสํานักงบประมาณ และผูท้ รงคุณวุฒอิ ่ นื จากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตังอีก เก้าคนเป็ นกรรมการ ให้ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีแต่งตังข้าราชการของสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเป็ น เลขานุการ และอีกสองคนเป็ นผูช้ ่วยเลขานุการ มาตรา ๒๘ คณะกรรมการมีอาํ นาจหน้าที่ ดังต่อไปนี (๑) สอดส่องดูแล และให้คาํ แนะนําเกี่ยวกับการดําเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐ ในการปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี (๒) ให้คาํ ปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ เกี่ยวกับการปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี ตามที่ได้รบั คําขอ (๓) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกา และการออกกฎกระทรวง หรือระเบียบของคณะรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัตนิ ี (๔) พิจารณาและให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๑๓ (๕) จัดทํารายงานเกี่ยวกับการปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี เสนอคณะรัฐมนตรีเป็ นครังคราวตาม ความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปี ละหนึ่งครัง (๖) ปฏิบตั หิ น้าที่อ่ นื ตามที่กาํ หนดในพระราชบัญญัตนิ ี (๗) ดําเนินการเรื่องอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย มาตรา ๒๙ กรรมการผูท้ รงคุณวุฒซิ ่ งึ ได้รบั แต่งตังตามมาตรา ๒๗ มีวาระอยู่ในตําแหน่งคราวละ สามปี นบั แต่วนั ที่ได้รบั แต่งตัง ผูท้ ่ พี น้ จากตําแหน่งแล ้วอาจได้รบั แต่งตังใหม่ได้ มาตรา ๓๐ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ กรรมการผูท้ รงคุณวุฒซิ ่ งึ ได้รบั แต่งตังตาม มาตรา ๒๗ พ้นจากตําแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือ หย่อนความสามารถ (๔) เป็ นบุคคลล ้มละลาย (๕) เป็ นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ได้รบั โทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จาํ คุก เว้นแต่เป็ นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดย ประมาทหรือความผิดลหุโทษ มาตรา ๓๑ การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่นอ้ ยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวน กรรมการทังหมดจึงจะเป็ นองค์ประชุม ให้ประธานกรรมการเป็ นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบตั ิ หน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็ นประธานในที่ประชุม การวินจิ ฉัยชีขาดของที่ประชุมให้ถอื เสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มเี สียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึนอีกเสียงหนึ่งเป็ นเสียงชีขาด มาตรา ๓๒ ให้คณะกรรมการมีอาํ นาจเรียกให้บคุ คลใดมาให้ถอ้ ยคําหรือให้ส่งวัตถุ เอกสาร หรือ พยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณาได้ มาตรา ๓๓ ในกรณีท่ หี น่วยงานของรัฐปฏิเสธว่าไม่มขี อ้ มูลข่าวสารตามที่มคี าํ ขอไม่วา่ จะเป็ นกรณี มาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๒๕ ถ้าผูม้ คี าํ ขอไม่เชื่อว่าเป็ นความจริงและร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ ให้คณะกรรมการมีอาํ นาจเข้าดําเนินการตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องได้ และแจ้งผล การตรวจสอบใหผ้ ูร้ อ้ งเรียนทราบ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยินยอมให้คณะกรรมการหรือผูซ้ ่ งึ คณะกรรมการมอบหมาย เข้าตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองของตนได้ ไม่วา่ จะเป็ นข้อมูลข่าวสารที่เปิ ดเผยได้หรือไม่ก็ ตาม มาตรา ๓๔ คณะกรรมการจะแต่งตังคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบตั งิ านอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้และให้นาํ ความในมาตรา ๓๑ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม หมวด ๖ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร ________________ มาตรา ๓๕ ให้มคี ณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่างๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตังตามขอ้ เสนอของคณะกรรมการ มีอาํ นาจหน้าที่พจิ ารณาวินจิ ฉัยอุทธรณ์คาํ สัง่ มิให้ เปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือคําสัง่ ไม่รบั ฟังคําคัดค้านตามมาตรา ๑๗ และ คําสัง่ ไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๕ การแต่งตังคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ให้แต่งตังตามสาขาความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ความมัน่ คงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลัง ของประเทศ หรือการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา ๓๖ คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร คณะหนึ่งๆ ประกอบด้วยบุคคลตาม ความจําเป็ น แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าสามคน และให้ขา้ ราชการที่คณะกรรมการแต่งตังปฏิบตั หิ น้าที่เป็ นเลขานุการ และผูช้ ่วยเลขานุการ ในกรณีพจิ ารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐแห่งใด กรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูล ข่าวสารซึ่งมาจากหน่วยงานของรัฐแห่งนันจะเข้าร่วมพิจารณาด้วยไม่ได้ กรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร จะเป็ นเลขานุการหรือผูช้ ่วยเลขานุการไม่ได้ มาตรา ๓๗ ให้คณะกรรมการพิจารณาส่งคําอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูล ข่าวสาร โดยคํานึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารแต่ละ สาขาภายในเจ็ดวัน นับแต่วนั ที่คณะกรรมการได้รบั คําอุทธรณ์ คําวินจิ ฉัยของคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารให้เป็ นที่สุด และในการมีคาํ วินจิ ฉัยจะมี ข้อสังเกตเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบตั เิ กี่ยวกับกรณีใดตามที่เห็นสมควรก็ ได้ ให้นาํ ความในมาตรา ๑๓ วรรคสอง มาใช้บงั คับแก่การพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการวินจิ ฉัย การเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารโดยอนุโลม มาตรา ๓๘ อํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ละสาขา วิธี พิจารณาและวินจิ ฉัย และองค์คณะในการพิจารณาและวินจิ ฉัย ให้เป็ นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการ กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๙ ให้นาํ บทบัญญัตมิ าตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒ และบทกําหนดโทษที่ประกอบ กับบทบัญญัตดิ งั กล่าวมาใช้บงั คับกับคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสารโดยอนุโลม หมวด ๗ บทกําหนดโทษ _______________ มาตรา ๔๐ ผูใ้ ดไม่ปฏิบตั ติ ามคําสัง่ ของคณะกรรมการที่สง่ั ตามมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทังจําทังปรับ มาตรา ๔๑ ผูใ้ ดฝ่ าฝื นหรือไม่ปฏิบตั ติ ามข้อจํากัดหรือเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกําหนดตามมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทังจําทังปรับ บทเฉพาะกาล _____________ มาตรา ๔๒ บทบัญญัตมิ าตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ มิให้ใช้บงั คับกับข้อมูลข่าวสารของ ราชการที่เกิดขึนก่อนวันที่พระราชบัญญัตนิ ใช้ ี บงั คับ ให้หน่วยงานของรัฐจัดพิมพ์ขอ้ มูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง หรือจัดให้มขี อ้ มูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งไว้ เพื่อให้ประชาชนเขา้ ตรวจดูได้ แล ้วแต่กรณี ทังนี ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่คณะกรรมการจะได้กาํ หนด มาตรา ๔๓ ให้ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๑๗ ในส่วนที่เกี่ยวกับ ข้อมูลข่าวสารของราชการ ยังคงใช้บงั คับต่อไปได้เท่าที่ไม่ขดั หรือแย้งต่อพระราชบัญญัตนิ ี เว้นแต่ระเบียบที่ คณะรัฐมนตรีกาํ หนดตามมาตรา ๑๖ จะได้กาํ หนดเป็ นอย่างอื่น ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตฉิ บับนี คือ ในระบอบประชาธิปไตย การให้ประชาชน มีโอกาสกว้างขวางในการได้รบั ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดําเนินการต่างๆ ของรัฐเป็ นสิ่งจําเป็ น เพื่อที่ ประชาชนจะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สทิ ธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็ นจริง อันเป็ นการ ส่งเสริมให้มคี วามเป็ นรัฐบาลโดยประชาชนมากยิ่งขึน สมควรกําหนดให้ประชาชนมีสทิ ธิได้รูข้ อ้ มูลข่าวสาร ของราชการ โดยมีขอ้ ยกเว้นอันไม่ตอ้ งเปิ ดเผยที่แจ้งชัดและจํากัดเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่หากเปิ ดเผยแล ้วจะ เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ท่ สี าํ คัญของเอกชน ทังนี เพื่อพัฒนาระบอบ ประชาธิปไตยให้มน่ั คงและจะยังผลให้ประชาชนมีโอกาสรูถ้ งึ สิทธิหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะปกปัก รักษาประโยชน์ของตนได้อกี ประการหนึ่งด้วย ประกอบกับสมควรคุม้ ครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับข้อมูลข่าวสารของราชการไปพร้อมกัน จึงจําเป็ นต้องตราพระราชบัญญัตนิ ี

Use Quizgecko on...
Browser
Browser