Podcast
Questions and Answers
การระบุและการประเมินความเสี่ยงจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ หมายถึงอะไร?
การระบุและการประเมินความเสี่ยงจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ หมายถึงอะไร?
การใช้ดุลยพินิจเพื่อตรวจสอบประเภทของรายการและการเปิดเผยข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจของผู้ใช้ข้อมูล
ตามมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 200 ผู้สอบบัญชีไม่จำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจในการเปิดเผยข้อมูล.
ตามมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 200 ผู้สอบบัญชีไม่จำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจในการเปิดเผยข้อมูล.
False
ความมีสาระสำคัญตามเกณฑ์ของงบการเงินโดยรวมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยใด?
ความมีสาระสำคัญตามเกณฑ์ของงบการเงินโดยรวมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยใด?
ตัวอย่างของข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมมีอะไร?
ตัวอย่างของข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมมีอะไร?
Signup and view all the answers
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการกำหนดข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมมีอะไรบ้าง?
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการกำหนดข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมมีอะไรบ้าง?
Signup and view all the answers
การวางแผนการตรวจสอบเพื่อให้ตรวจพบการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงไม่สำคัญ.
การวางแผนการตรวจสอบเพื่อให้ตรวจพบการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงไม่สำคัญ.
Signup and view all the answers
มาตรฐานการสอบบัญชี รหัสใดที่เกี่ยวกับความมีสาระสาคัญในการวางแผนและการปฏิบัติงานสอบบัญชี?
มาตรฐานการสอบบัญชี รหัสใดที่เกี่ยวกับความมีสาระสาคัญในการวางแผนและการปฏิบัติงานสอบบัญชี?
Signup and view all the answers
มาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 320 ใช้สำหรับการตรวจสอบงบการเงินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป.
มาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 320 ใช้สำหรับการตรวจสอบงบการเงินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป.
Signup and view all the answers
วัตถุประสงค์ของผู้สอบบัญชีในมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 320 คืออะไร?
วัตถุประสงค์ของผู้สอบบัญชีในมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 320 คืออะไร?
Signup and view all the answers
ผู้สอบบัญชีควรกำหนดความมีสาระสำคัญอย่างไรในระหว่างการตรวจสอบ?
ผู้สอบบัญชีควรกำหนดความมีสาระสำคัญอย่างไรในระหว่างการตรวจสอบ?
Signup and view all the answers
ในการตรวจสอบงบการเงิน วัตถุประสงค์รวมของผู้สอบบัญชี คือการได้รับความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่า _____ ไม่มีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริง.
ในการตรวจสอบงบการเงิน วัตถุประสงค์รวมของผู้สอบบัญชี คือการได้รับความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่า _____ ไม่มีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริง.
Signup and view all the answers
ระดับความมีสาระสำคัญที่ผู้สอบบัญชีต้องกำหนดมีจุดประสงค์เพื่ออะไร?
ระดับความมีสาระสำคัญที่ผู้สอบบัญชีต้องกำหนดมีจุดประสงค์เพื่ออะไร?
Signup and view all the answers
Study Notes
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
- มาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 320 เน้นความมีสาระสำคัญในการวางแผนและการปฏิบัติงานสอบบัญชี
- ISA™ 320 เปิดเผยในเดือนเมษายน 2553 โดย IAASB และแปลเป็นภาษาไทยในมิถุนายน 2555
ความสำคัญของมาตรฐาน
- ใช้มาตรฐานการสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบงบการเงินที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2555
- ผู้สอบบัญชีต้องใช้หลักการของความมีสาระสำคัญในการวางแผนและปฏิบัติงานตรวจสอบ
หลักการความมีสาระสำคัญ
- ความมีสาระสำคัญหมายถึงจำนวนน้อยกว่าที่ผู้สอบบัญชีตั้งไว้เพื่อลดโอกาสที่ข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงจะสูงกว่าความมีสาระสำคัญสำหรับงบการเงินโดยรวม
- หลักเกณฑ์การประเมินว่าข้อมูลมีสาระสำคัญขึ้นอยู่กับผลกระทบที่มีต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของผู้ใช้ข้อมูล
ขอบเขตและการปรับเปลี่ยน
- ผู้สอบบัญชีต้องปรับเปลี่ยนความมีสาระสำคัญตามข้อมูลที่ได้ระหว่างการตรวจสอบ
- การระบุและประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงจะใช้ดุลพินิจของผู้ประกอบวิชาชีพ
การตรวจสอบและเอกสารหลักฐาน
- ผู้สอบบัญชีต้องจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับความมีสาระสำคัญสำหรับงบการเงิน
- การกำหนดความมีสาระสำคัญในระดับต่าง ๆ สำหรับประเภทของรายการอาจมีความแตกต่างกันได้
วัตถุประสงค์ในการสอบบัญชี
- ผู้สอบบัญชีต้องมั่นใจว่างบการเงินไม่มีข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ ไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด
- ความเสี่ยงในงานตรวจสอบเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ
กรอบการพิจารณาสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
- การกำหนดความมีสาระสำคัญสำหรับหน่วยงานภาครัฐต้องพิจารณาจากกฎหมาย ข้อบังคับ และความต้องการข้อมูลทางการเงินของหน่วยงานนั้น
- สถานการณ์เฉพาะของหน่วยงานภาครัฐอาจมีผลต่อการกำหนดหลักเกณฑ์ของความมีสาระสำคัญ
การจัดทาเอกสารหลักฐาน
- เอกสารหลักฐานต้องรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินความมีสาระสำคัญและการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นตามความคืบหน้าของการตรวจสอบ
- ผู้สอบบัญชีควรกำหนดวิธีการตรวจสอบที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถระบุข้อมูลที่มีสาระสำคัญได้อย่างถูกต้อง### การกำหนดความมีสาระสำคัญในการสอบบัญชี
- ผู้สอบบัญชีใช้ดุลยพินิจเหมือนผู้ประกอบวิชาชีพในการกำหนดความมีสาระสำคัญของข้อมูลทางการเงิน
- ข้อมูลอ้างอิงที่ใช้เริ่มต้นมักจะเป็นอัตราส่วนร้อยละ โดยคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เช่น องค์ประกอบของงบการเงิน และลักษณะของกิจการ
- องค์ประกอบที่สำคัญ include สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ รายได้ และค่าใช้จ่าย
- ผู้ใช้ข้อมูลงบการเงินโดยมักจะสนใจในกำไรหรือผลการดำเนินงานทางการเงิน
- กิจการที่มีการดำเนินงานในช่วงเวลาต่างๆ อาจส่งผลต่อความสำคัญที่กำหนดไว้ เช่น สภาพอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจโดยรวม
ข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสม
- ตัวอย่างของข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมจากผลการดำเนินงานเช่น กำไรก่อนภาษี รายได้รวม และค่าใช้จ่ายรวม
- กำไรก่อนภาษีจากการดำเนินงานที่มีความผันผวนอาจไม่เหมาะสมนัก ควรพิจารณาข้อมูลอื่นอย่างกำไรขั้นต้นหรือรายได้รวมแทน
- ข้อมูลทางการเงินที่ใช้ในการเลือกอาจเป็นผลการดำเนินงานของงวดก่อน, งวดปัจจุบัน, หรือประมาณการสำหรับงวดปัจจุบัน
- ควรปรับปรุงข้อมูลอ้างอิงโดยพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสถานการณ์ของกิจการ
ความมีสาระสำคัญในงบการเงิน
- ความมีสาระสำคัญนั้นเกี่ยวข้องกับงบการเงินที่จัดทำโดยผู้สอบบัญชีในช่วงเวลาที่กำหนด
- ผู้สอบบัญชีต้องใช้ดุลยพินิจในการกำหนดความมีสาระสำคัญ โดยจะมีอัตราส่วนที่สัมพันธ์กับข้อมูลอ้างอิงที่เลือก
- อัตราส่วนที่ใช้กับกำไรก่อนภาษีมักสูงกว่ากับรายได้รวม
ข้อพิจารณาสำหรับหน่วยงานภาครัฐและกิจการขนาดเล็ก
- ในกรณีกิจการขนาดเล็กที่มีกำไรก่อนภาษีสม่ำเสมอ ข้อมูลอ้างอิงอื่นๆ เช่น กำไรก่อนค่าตอบแทนอาจสำคัญกว่า
- สำหรับหน่วยงานภาครัฐ การพิจารณาต้นทุนรวมหรือต้นทุนสุทธิอาจเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสม
- ความมีสาระสำคัญสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการตรวจสอบ
การปรับเปลี่ยนความมีสาระสำคัญ
- ความมีสาระสำคัญอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนตามข้อมูลใหม่ที่ได้รับหรือการเปลี่ยนแปลงในความเข้าใจของผู้สอบบัญชี
- ผู้สอบบัญชีต้องมีความระมัดระวังในกรณีที่ผลการดำเนินงานทางการเงินในปัจจุบันมีความแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้
Studying That Suits You
Use AI to generate personalized quizzes and flashcards to suit your learning preferences.
Related Documents
Description
อภิปรายเกี่ยวกับมาตรฐานการสอบบัญชี ISA 320 ที่เน้นความมีสาระสำคัญในการวางแผนและการปฏิบัติในการสอบบัญชี มาตรฐานนี้ได้รับการเผยแพร่โดย IAASB และแปลเป็นภาษาไทยโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในวงการบัญชีได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน.