Laplace Transforms PDF
Document Details
Uploaded by IdealEpic
Vongchavalitkul University
Tags
Summary
This document introduces the concept of Laplace transforms, a mathematical method used to transform differential equations into algebraic equations. Understanding these transforms can simplify solving equations in control systems. The document also demonstrates how logarithms can be used similarly for transformations.
Full Transcript
4 ลาปลาสทรานฟอรม Laplace Transforms วัตถุประสงค 1. เพื่อใหเขาใจถึงหลักการเปลี่ยนรูปลาปลาส 2. เพื่อใหเขาใจถึงการใชการเปลี่ยนรูปลาปลาสและการเปลี่ยนรูปลาปลาสยอนกลับ เพื่อใชในการ แกสมการเชิงอนุพันธ 3. เพื่อใหเขาใจถึงการใชทฤษฏีคาเริ่มตน และทฤษฏีคาสุ...
4 ลาปลาสทรานฟอรม Laplace Transforms วัตถุประสงค 1. เพื่อใหเขาใจถึงหลักการเปลี่ยนรูปลาปลาส 2. เพื่อใหเขาใจถึงการใชการเปลี่ยนรูปลาปลาสและการเปลี่ยนรูปลาปลาสยอนกลับ เพื่อใชในการ แกสมการเชิงอนุพันธ 3. เพื่อใหเขาใจถึงการใชทฤษฏีคาเริ่มตน และทฤษฏีคาสุดทาย 4.1 บทนํา (Introduction) Laplace transforms หรือการเปลี่ยนรูปลาปลาส ซึ่งเปนวิธีการทางคณิตศาสตรที่ใชเปลี่ยนรูปจาก สมการอนุพันธเปนสมการพีชคณิต ทําใหการแกสมการของระบบควบคุมเพื่อหาคําตอบหรือการตอบสนอง เปนไปโดยสะดวกและคลองตัวขึ้น ดังนั้นเนื้อหาในบทนี้จะเปนการแนะนําเกี่ยวกับหลักการเปลี่ยนรูปลาปลาส รวมทั้งการแกสมการอนุพันธดวยการเปลี่ยนรูปลาปลาส เพื่อ ความเขา ใจในหลักการเปลี่ ยนรูป ลาปลาส จะขอยกตัวอยา งวิ ธีทางคณิ ตศาสตรซึ่ งมี ลักษณะ เชนเดียวกับการเปลี่ยนรูปลาปลาส ซึ่งไดแกการเปลี่ยนรูปโดยใชหลักการลอการิทึม หรือที่เรียกวา Logarithm transforms ไมวาจะเปนการใชลอการิทึมรวมกับการคูณ การหาร และการยกกําลัง ทั้งนี้ก็เพื่อเปนการ เปลี่ยนตัวเลขชุดเดิมใหเปนเลขยกกําลังฐาน 10 (หรือฐานอื่นๆ เชน e) ซึ่งจะไดตัวเลขชุดใหม และยังทําใหการ คูณเปลี่ยนไปเปนการบวก หรือการหารเปลี่ยนไปเปนการลบ จึงทําใหกระบวนการทางคณิตศาสตรงายขึ้น และเมื่อไดคําตอบแลวก็สามารถเปลี่ยนใหกลับมาเปนตัวเลขธรรมดาไดโดยการใช Inverse logarithm หรือ Antilogarithms ดังแสดงกระบวนการในรูปที่ 4.1 และในสมการดานลาง ถากําหนดให A มีคาดังแสดงในสมการดานลาง A = BC 4.1 130 ลาปลาสทรานฟอรม จากสมการดังกลาวสามารเปลี่ยนรูปโดยใชหลักการลอการิทึมไดคือ logA = logBC = logB + logC 4.2 เมื่อกําหนดให D = logB + logC ดังนั้นจะไดวา log A = D 4.3 จากสมการที่ 4.3 สามารถที่จะหาคา A โดยการ Inverse logarithm ซึ่งจะไดวา A = log-1 D 4.4 การคูณ Logarithm การบวก Inverse transformation หรือ การลบ transformation ผลลัพธ หรือ การหาร รูปที่ 4.1 แสดงการเปลี่ยนรูปลอการิทึม ที่มา: Bolton, W. (1998) สําหรับการเปลี่ยนรูปลาปลาส ก็มีลักษณะเชนเดียวกับการเปลี่ยนรูปลอการิทึม กลาวคือเปนการ เปลี่ยนรูปของตัวแปรหลักของสมการ ซึ่งไดแกเวลา (t) ใหอยูในรูปอื่นซึ่งไดแก s (Laplace transform operation) ซึ่งเปนตัวแปรที่ไมไดอยูในรูปของเวลา หรือสามารถกลาวไดวา การเปลี่ยนรูปลาปลาสคือ การ เปลี่ยนรูปสมการเชิงอนุพันธที่เปนฟงกชั่นของโดเมนเวลา (Time-domain) ใหเปนสมการพีชคณิตธรรมดาที่ เปนฟงกชั่นของโดเมน s (S-domain) ทําใหการหาคําตอบของสมการงายขึ้น และเมื่อไดคําตอบที่อยูในรูปของ โดเมน s แลวก็สามารถเปลี่ยนมาอยูในรูปของโดเมนเวลา โดยอาศัยการเปลี่ยนรูปยอนกลับ (Inverse transformation) หรือการเปลี่ยนรูปลาปลาสยอนกลับ (Inverse Laplace transform) ดังแสดงในรูปที่ 4.2 แบบจําลองของระบบที่อยูในรูป Laplace สมการพีชคณิต Inverse ผลลัพธ ของสมการอนุพันธ transformation (โดเมนของ s) transformation (โดเมนเวลา) (โดเมนเวลา) รูปที่ 4.2 แสดงการเปลี่ยนรูปลาปลาส ที่มา: Bolton, W. (1998) ลาปลาาสทรานฟออรม 1331 4 การรเปลี่ยนรูรูปลาปลลาส 4.2 (Thhe Laplaace traansform mation)) นักคณิณิตศาสตรชาวฝรั ช ่งเศศส ชื่อ P..S. de Laaplace (1749-18 ( 827) เปนผูคนพบกการเปลี่ยนรู น ปลาปลลาส เพื่อใชชเปนวิธีการหาผลเฉ า ฉลยของสสมการอนุนุพันธ โดยยหลักการรแลวจะเปปนการคูณ ณทุกพจนในสมการ ใ รอนุพันธดดว ย e-st หหลังจากนันั้นจะหาปริพันธของทุกพจนนจาก 0 ถึง ฅ โดยย s เปนคคาคงที่ที่มีมีหนวยเปปนความถีถี่ ผลที่ไดจาก จ จากกาารกระทําดัดงกลาวจจะเรียกวาการเปลี า ่ย ปลาปปลาส ดังแสดงในสม ยนรู แ มการดานนลาง ฅ Laplace transfo ๒ orms = ( term ) e - st dt o เนื่องจาากโดยปกกติแลวเทออมที่เปนฟฟงกชันขอองเวลานิยมเขี ย ยนในนรูป f (tt ) และเนืนื่องจากเมืมื่อเปลี่ยนรู นป ลาปลาาสไปแลวจะอยูในโโดเมน s จึงนิยมเขีขียนในรูป F (s ) ดังนั้นจะไไดวา F (s ) = Lf (t ) = ๒ f (t ) e - st dt ฅ 0 4 4.5 4.2.11 การเปลีลี่ยนรูปลาาปลาสสําาหรับฟงกกชันแบบบขั้นบันไดด (The Laplace L Transfoorm for a Step FFunctioon) สําหรับการพิ บ จารณาหลั า ก กการเบื ้องต อ นของงการเปลี่ยนรู ย ปลาปปลาส เพืพื่อการพัฒนาการเ ฒ เปลี่ยนรูปลา ป ปลาสใในลําดับตตอไป จะพพิจารณากการเปลี่ยนรูปของฟฟงกชันขัั้นบันไดทีี่อยูในรูปของโดเมน ข นเวลา มาาเปนฟงกชัน ในโดเมมน s สําหรั ห บอินพุทของระบ ท บบที่อยูในรู น ปของฟงกชันขั้นบับนไดที่สามารถเจอ า อไดบอยคครั้งในชีวิตตประจําวันก็ เชนกาารเปลี่ยนแแปลงแรงเคลื่อนไฟฟฟาอยางกกะทันหันนโดยการเปปดสวิทซไฟอย ไ างรรวดเร็ว เปปนตน f (tt) 1 เ (t) เวลา 0 รูปที ป ่ 4.3 แสดงฟ แ งกชชันขั้นบันไดขนาด น 1 หนวย ที่มา: Boltton, W. (1998) 1322 ลาปปลาสทรานฟฟอรม สําหรั ห บรูปที่ 44.3 แสดงงฟงกชันขัั้นบันไดขนนาด 1 หนวย ที่มีลลัักษณะฟฟงกชันดังนี้คือ ์0 ; t < 0 f (t ) = ํ ๎1 ; t ณ 0 จากสมการแสสดงการเปปลี่ยนรูปลาปลาสคื ล คือ ฅ F (s ) = ๒ f (t ) e - st dt 0 ดังนั้นจะไดวา ฅ F (s ) = ๒ 1 e - stt dt 0 =- s [ ] 1 -st e ฅ 0 ซึ่งจะะไดวา 1 F (s ) = 4.6 s สําหรั ห บฟงกชันขั้นบันไดดทั่วๆไปทีที่มีขนาด a ดังแสดดงในรูปที่ี 4.4 จะมีมีลักษณะฟฟงกชันดังนี ง ้คือ ์0 ; t < 0 f (t ) = ํ ๎a ; t ณ 0 f (t) a 0 เวลา (t) รูปที่ 4.44 แสดงฟงก ง ชันขั้นบันไดขนาด a หนวย ที่มา: Boolton, WW. (1998)) จากสมการแสสดงการเปปลี่ยนรูปลาปลาสคื ล คือ ฅ F (s ) = ๒ f (t ) e - st dt 0 ลาปลาสทรานฟอรม 133 ดังนั้นจะไดวา ฅ F (s ) = ๒ a e - st dt 0 =- s e [ ] a -st ฅ 0 ดังนั้นจะไดวา a F (s ) = s เราจะเห็นวาคาที่ไดจะเปลี่ยนแปลงไปจากคาฟงชันขั้นบันไดหนึ่งหนวย คือเพียงแตคูณคาขนาด a เพิ่มเขาไปเทานั้นเอง ตัวอยางที่ 4.1 จากฟงกชันที่กําหนดใหในดานลาง จงใชหลักการการเปลี่ยนรูปลาปลาสเพื่อเปลี่ยนโดเมนของ ฟงกชันดังกลาวใหอยูในโดเมนของ s f (t ) = e at วิธีทํา: จากสมการแสดงการเปลี่ยนรูปลาปลาสดังแสดงในดานลางคือ ฅ F (s ) = ๒ f (t ) e - st dt 0 ดังนั้นจะไดวา ฅ F (s ) = ๒ e at e - st dt 0 ฅ = ๒ e ( a - s )t dt 0 = 1 a-s [ e ( a - s )t ] ฅ 0 1 = (0 - 1) a-s ดังนั้นจะไดวา 1 1 F (s ) = - = ANS a-s s-a 134 ลาปลาสทรานฟอรม 4.2.2 การใชการเปลี่ยนรูปลาปลาส (Using Laplace Transforms) แมวาการเปลี่ยนรูปลาปลาสจะมีพื้นฐานจากการหาคาจากปริพันธ แตในทางปฏิบัติแลวไมจําเปนที่ จะตองหาคาปริพันธสําหรับการเปลี่ยนรูปทุกครั้ง แตเราจะพยายามจัดรูปของฟงกชันดังกลาวใหอยูในรูป มาตรฐาน แลวใชกฎพื้นฐานของการเปลี่ยนรูปลาปลาสมาชวยในการเปลี่ยนรูป สําหรับกฎพื้นฐานตาง ๆ มี ดังนี้คือ 1) กฎการบวก เมื่อนําฟงกชันสองฟงกชันมารวมกัน คือ f1 (t ) + f 2 (t ) เมื่อมีการเปลี่ยนรูปลาปลาส ฅ แลวจะเปลี่ยนเปน F1 (s ) + F2 (s ) = ๒0[ f1 (t ) + f 2 (t )] e -st dt 2) กฎการลบ เมื่อนําฟงกชันสองฟงกชันมาลบกัน คือ f1 (t ) - f 2 (t ) เมื่อมีการเปลี่ยนรูปลาปลาส ฅ แลวจะเปลี่ยนเปน F1 (s ) - F2 (s ) = ๒0 [ f1 (t ) - f 2 (t )]e - st dt 3) การคูณ เมื่อมีการนําฟงกชันใดๆ มาคูณกับคาคงที่ a คือ af (t ) เมื่อมีการเปลี่ยนรูปลาปลาส ฅ แลวจะเปลี่ยนเปน aF1 (s ) = ๒0 af1 (t ) e - st dt 4) สําหรับฟงกชันใดๆ ที่ถูกหนวงหรือทําใหเลื่อนดวยเวลา T (Time delay) คือ f (t - T ) เมื่อมีการ ฅ เปลี่ยนรูปลาปลาสแลวจะเปลี่ยนเปน e -Ts F (s ) = ๒0 f (t - T ) e -st dt เมื่อ T ณ 0 df (t ) 5) สําหรับฟงกชันอนุพันธอันดับหนึ่งใดๆ คือ เมื่อมีการเปลี่ยนรูปลาปลาสแลวจะเปลี่ยนเปน dt sF (s ) - f (0) เมื่อ f (0) เปนคาของ f (t ) เมื่อ t=0 d 2 f (t ) 6) สํ า หรั บ อนุ พัน ธ อัน ดั บ สองใดๆ คื อ เมื่ อมี ก ารเปลี่ ยนรู ป ลาปลาสแล วจะเปลี่ ยนเป น dt 2 df (0 ) s 2 F (s ) - sf (0) - เมื่อ f (0 ) และ df (0) เปนคาฟงกชันเมื่อ t=0 dt dt d n f (t ) 7) สํ า หรั บ อนุ พัน ธ อั น ดั บ n ใดๆ คื อ เมื่ อ มี ก ารเปลี่ ย นรู ป ลาปลาสแล ว จะเปลี่ ย นเป น dt n d n-1 f (0) s n F (s ) - s n-1 f (0) -... - dt n-1 8) สําหรับปริพันธของฟงกชันใดๆ ระหวางเวลา 0 ถึง t คือ ๒0 f (t )dt เมื่อมีการเปลี่ยนรูปลาปลาส t แลวจะเปลี่ยนเปน 1 F (s ) s สําหรับตารางที่ 4.1 ดังแสดงในดานลาง จะใหคาทั่วๆ ไปของการเปลี่ยนรูปลาปลาส ที่ตรงกันกับ ฟงกชันของเวลา ลาปลาสทรานฟอรม 135 ตารางที่ 4.1 แสดงการการเปลี่ยนรูปลาปลาสที่อยูในรูปทั่วๆไป ที่ตรงกันกับฟงกชันของเวลา ที่มา: Bolton, W. (1998); Dorf, R.C., et al. (2008) Laplace transform Time function Description of time function 1 δ(t ) Unit impulse 1 u(t ) Unit step function s e - st Delay unit step function s 1 - e - st Rectangular pulse of s duration T 1 t Unit slope ramp function s2 1 t2 s3 2 1 e - at Exponential decay s+a 1 te-at ( s + a) 2 n! t n e -at ( s + a) n +1 a 1 - e - at Exponential growth s( s + a) a (1 - e - at ) 2 t- s (s + a) a a2 1 - e -at - ate- at s(s + a) 2 s (1 - at )e - at ( s + a) 2 1 e - at - e - bt ( s + a)(s + b) b-a ab b -at a -bt 1- e + e s ( s + a )( s + b) b-a b-a 1 e -at e -bt + ( s + a)(s + b)(s + c) (b - a)(c - a) (c - a)(a - b) e -ct + (a - c)(b - c) w Sine wave sin wt (s + w2 ) 2 136 ลาปลาสทรานฟอรม ตารางที่ 4.1 (ตอ) แสดงการการเปลี่ยนรูปลาปลาสที่อยูในรูปทั่วๆ ไปที่ตรงกันกับฟงกชันของเวลา Laplace transform Time function Description of time function s cos wt Cosine wave ( s + w2 ) 2 w Damped sine wave e -at sin wt ( s + a) 2 + w 2 s+a Damped cosine wave e -at cos wt ( s + a) 2 + w 2 w2 1 - cos wt s ( s 2 + w2 ) w2 w ; z