โครงสร้างของเซลล์ PDF

Document Details

LuckyTriumph

Uploaded by LuckyTriumph

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Tags

cell biology biology prokaryotic cell eukaryotic cell

Summary

เอกสารนี้สรุปโครงสร้างและประวัติการค้นพบเซลล์โพรคาริโอตและเซลล์ยูคาริโอต ภายในเอกสารมีการอธิบายประเภทของเซลล์และโครงสร้างภายในเซลล์ต่างๆ พร้อมด้วยตัวอย่างและภาพประกอบ

Full Transcript

โครงสร ้าง เซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic cell) และ เซลล์ยค ู าริโอต (Eukaryotic cell) ประวัตก ิ ารค ้นพบเซลล์ เซลล์เป็ นหน่วยพืน้ ฐานของสงิ่ มีชวี ต ิ สว่ นใหญ่มข...

โครงสร ้าง เซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic cell) และ เซลล์ยค ู าริโอต (Eukaryotic cell) ประวัตก ิ ารค ้นพบเซลล์ เซลล์เป็ นหน่วยพืน้ ฐานของสงิ่ มีชวี ต ิ สว่ นใหญ่มข ี นาด เล็กไม่สามารถมองเห็นได ้ด ้วยตาเปล่า ในสมัยก่อนจึงไม่ทราบว่าเซลล์ประกอบด ้วยหน่วย พืน ้ ฐานเหล่านี้ ต่อมามีการผลิตเลนสท ์ ใี่ ชขยายวั ้ ตถุทาให ้เห็นวัตถุท ี่ มีขนาดเล็กให ้ชดั เจนขึน้ Robert Hooke เป็ นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคน แรกทีส ่ ร ้างกล ้องจุลทรรศน์ขน ึ้ มา และใชส้ อ ่ งดูชน ิ้ ไม ้ คอร์กแผ่นบางๆ ประกอบด ้วยชอ ่ งสเี่ หลีย ่ มต่อกันเป็ น จานวนมากและให ้ชอ ื่ ชอ ่ งสเี่ หลีย ่ มเหล่านีว้ า่ เซลล์ Antonie Van Leeuwenhock ชาวเนเธอร์แลนด์ ได ้ประดิษฐ์เลนสท์ มี่ ก ี าลังขยายสูงขึน ้ เกือบ 300 เท่า ทาให ้ค ้นพบเซลล์เม็ดเลือด เซลล์ ของสเปริม ์ และสงิ่ มีชวี ต ิ เซลล์เดียวทีอ ั อยู่ ่ าศย ในน้ า Robert Brown ได ้พบจุดทึบในเซลล์ของ สงิ่ มีชวี ต ิ และเรียกว่านิวเคลียส Mathias Schleidenwfhได ้ศก ึ ษาเกีย่ วกับเซลล์ มากขึน ้ และได ้สรุปว่าพืชทุกชนิดประกอบด ้วย เซลล์ Theodor Schwann ได ้ศก ึ ษาเนือ ้ เยือ ่ ของสตั ว์ และสรุปว่า เนือ ้ เยือ ่ ของสตั ว์ประกอบด ้วยเซลล์ เชน ่ เดียวกับพืช ดังนัน ้ Mathias Schleiden และ Theodor Schwann จึงสรุปว่าสงิ่ มีชวี ต ิ ทุกชนิด ประกอบด ้วยเซลล์ซงึ่ เป็ นหน่วยพืน ้ ฐานของ สงิ่ มีชวี ต ิ และได ้ตัง้ ทฤษฎีเซลล์ขน ึ้ มาซงึ่ มี หลักการสาคัญ 2 ประการ 1. สงิ่ มีชวี ต ิ ทุกชนิดประกอบด ้วยเซลล์แม ้จะมี ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ต ิ บนโลก 2. เซลล์ของสงิ่ มีชวี ต ิ ทุกชนิดมีโครงสร ้าง คล ้ายกัน ต่อมา Rudolf Virchow ศก ึ ษาการเจริญและ การสบ ื พันธุข์ องเซลล์ ได ้เสนอทฤษฎีเซลล์ข ้อ ่ ล่าวว่า เซลล์ของสงิ่ มีชวี ต ที่ 3 ทีก ิ ทุกชนิดมี กาเนิดมาจากเซลล์ทม ี่ อ ี ยูก ่ อ่ น ขนาดและรูปร่างของเซลล์ มีเซลล์บางเซลล์มข ี นาดใหญ่ทส ี่ ามารถมองเห็น ได ้ด ้วยตาเปล่าเชน ่ เซลล์ไข่ไก่ เซลล์ไข่กบ เซลล์ทม ี่ ข ี นาดยาวทีส ่ ดุ ได ้แก่ เซลล์กล ้ามเนือ ้ บางชนิดและเซลล์ประสาท เซลล์ทม ี่ ขี นาดเล็กทีส่ ดุ ได ้แก่ เซลล์ของ แบคทีเรียไมโครพลาสมา 0.1-1.0 ไมโครเมตร เซลล์ทั่วไปมีขนาดค่อนข ้างเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร ขนาดและรูปร่างของเซลล์เกีย ่ วข ้องกับหน ้าทีข ่ อง เซลล์ -เซลล์ของไข่สต ั ว์ปีกมีขนาดใหญ่เนือ ่ งจากมีสารอาหาร สาหรับการเจริญของตัวอ่อน -เซลล์ทยี่ าวของกล ้ามเนือ ้ ชว่ ยในการยึดสว่ นต่างๆ ของ ร่างกายเข ้าไว ้ด ้วยกัน -เซลล์ประสาททีย ่ ให ้สามารถสง่ สญ ่ าวเพือ ั ญาณได ้ อย่างรวดเร็ว -เซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กเพือ ่ สามารถอยูภ ่ ายใน ้ อดได ้ เสนเลื เซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic cell) และ เซลล์ยค ู าริโอต (Eukaryotic cell) โครงสร ้างของเซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic cell) เป็ นเซลล์ของสงิ่ มีชวี ติ ทีม ่ โี ครงสร ้างไม่ซบ ั ซอน ้ สงิ่ มีชวี ต ิ ทีม ่ ล ี ักษณะเซลล์ประเภทนีไ ้ ด ้แก่ แบคทีเรีย และสาหร่ายสน ี ้ าเงินแกมเขียว เซลล์โพรคาริโอตไม่มน ี วิ เคลียสทีแ ่ ท ้จริง เนือ ่ งจากไม่มเี ยือ ่ หุ ้มสารพันธุกรรม DNA หรือสารพันธุกรรมของเซลล์โพรคาริโอต เรียกว่า Prokaryotic chromosome มีรป ู ร่างไม่ แน่นอน โดยทั่วไปโครโมโซมของเซลล์โพรคาริโอตเป็ น สายคูข่ อง DNA ทีป ่ ลายทัง้ 2 ข ้างเชอ ื่ มกัน นอกจากโครโมโซมแล ้วอาจพบโมเลกุลของ DNA เล็กๆทีป ื่ มกันหนึง่ หรือ ่ ลายทัง้ 2 ข ้างเชอ มากกว่าหนึง่ โมเลกุลเรียก DNA นัน ้ ว่า พลาส มิด (Plasmid) พลาสมิดประกอบด ้วยยีนทีไ่ ม่สาคัญต่อการอยู่ รอดของเซลล์ ในบางสภาวะอาจมีประโยชน์ตอ ่ เซลล์โดยเป็ น ตัวพายีนเพือ ่ การต ้านทาน ่ กิจกรรมต่างๆ เชน สารปฏิชวี นะ การทนต่อโลหะพิษ การสร ้าง สารพิษ การสงั เคราะห์เอนไซม์ พลาสมิดสามารถถูกถ่ายทอดจากแบคทีเรีย ้ เซลล์หนึง่ ไปยังแบคทีเรียอีกเซลล์หนึง่ (ใชงาน ทางพันธุวศ ิ วกรรม) โครงสร ้างอีกชนิดหนึง่ ทีล ่ อยอยูใ่ นไซโทพลาส ซมึ ของเซลล์โพรคาริโอตคือ ไรโบโซม ชว่ ยใน การสงั เคราะห์โปรตีน ประกอบด ้วย rRNA และ โปรตีน ไรโบโซมของโพรคาริโอตต่างจากเซลล์ยค ู าริ โอตทีป ่ ริมาณโปรตีนและจานวนโมเลกุลของ rRNA - ไรโบโซมของโพรคาริโอตมีขนาดเล็กกว่า ยูคาริโอตเรียกว่า ไรโบโซม 70S ประกอบด ้วย 2 หน่วยย่อยคือ 30S และ 50S ซงึ่ ประกอบด ้วย rRNA 1 และ 2 โมเลกุล ตามลาดับ อินคลูชน ั (Inclusion) เป็ นโครงสร ้างอีกชนิด ้ หนึง่ ทีใ่ ชสะสมสารต่ างๆ เชน่ คาร์บอน ไนโตรเจน ซล ั เฟอร์ ฟอสฟอรัส เยือ ่ หุม้ เซลล์ (Plasma membrane) ทา หน ้าทีห ่ ุ ้มรอบไซโทพลาสซม ึ ควบคุมการ เคลือ ่ นทีข ่ องโมเลกุลของสารต่างๆ เข ้าและ ออกจากไซโทพลาสซม ึ ผน ังเซลล์ (Cell wall) - ทาให ้เซลล์คงรูปอยูไ่ ด ้ - ป้ องกันเซลล์จากการเปลีย ่ นแปลงความดัน ออสโมติก ่ งั ้ ของสว่ นฐานของแฟลกเจลลา - เป็ นจุดทีต - ผนังเซลล์ของแบคทีเรียบางชนิดเกีย ่ วข ้องกับ ความสามารถของแบคทีเรียในการก่อโรค ผนังเซลล์ของแบคทีเรียประกอบด ้วยเปปติโน ไกลแคน (Peptidoglycan) เป็ นโพลิเมอร์ขนาด ใหญ่ ประกอบด ้วยอนุพันธ์ของน้ าตาลเชอ ื่ มกับ Polypeptide สายสน ั้ ผนังเซลล์ของแบคทีเรียแบ่งเป็ น 2 ประเภทตาม ความแตกต่างองค์ประกอบของผนังเซลล์โดย อาศยั การย ้อมแกรม - แบคทีเรียแกรมบวก (Gram-positive bacteria) มีชน ั ้ ของเปปติโดไกลแคนหนา สามารถเก็บสค ี ริสตัลไวโอเล็ตให ้อยูใ่ นเซลล์ได ้ - แบคทีเรียแกรมลบ (Gram-negative bacteria) ผนังเซลล์มโี ครงสร ้างทีซ ั ซอนกว่ ่ บ ้ า ประกอบด ้วยเยือ ั ้ นอกเป็ นชน ่ หุ ้มชน ั ้ ของไล โพโพลีแซค ็ คาไรด์ ไม่สามารถเก็บส ี คริสตัลไวโอเล็ตให ้อยูใ่ นเซลล์ได ้จึงติดส ี ย ้อมของซาฟรานิน Gram-positive bacteria) (Gram-negative bacteria) แบคทีเรียบางชนิดมี แคปซูล (Capsule) เป็ น ั ้ ทีม ชน ่ ล ี ักษณะเป็ นเมือกลืน ั ้ เยือ ่ หุ ้มอยูเ่ หนือชน ่ หุ ้มเซลล์ แบคทีเรียทีเ่ คลือ ่ นทีไ่ ด ้จะมีโครงสร ้างทีย ่ าวและ บางยืน่ ออกมาทีข ่ วั ้ เซลล์หรือรอบๆ เซลล์ เรียกว่า แฟลกเจลลา (Flagella) ู าริโอต (Eukaryotic cell) เซลล์ยค เซลล์ยค ู าริโอตมีโครงสร ้างทีใ่ หญ่และซบ ั ซอนกว่ ้ า โพรคาริโอต สงิ่ มีชวี ติ ทีม ่ ล ี ักษณะเซลล์ประเภทนี้ ได ้แก่ สาหร่าย (ยกเว ้น สาหร่ายสน ี ้ าเงินแกมเขียว) โปรโตซวั รา พืช ชนั ้ สูงและเซลล์สต ั ว์ ความแตกต่างทีส ่ าคัญของเซลล์โพรคาริโอตและ ยูคาริโอต คือ -ประกอบด ้วยนิวเคลียสทีแ ่ ท ้จริง -ประกอบไปด ้วยโครงสร ้างต่างๆ ในไซโทพลาสซม ึ ที่ เรียกว่า ออร์กาเนล (Organelles) ทีเ่ กีย ่ วข ้องกับ กิจกรรมต่างๆ ของเซลล์ทเี่ รียกว่า เมแทบอลิซม ึ ของ เซลล์ ความแตกต่างระหว่างเซลล์พช ื ั และเซลล์สตว์ โครงสร ้างของเซลล์ยค ู าริโอต 1.แฟลกเจลลา (Flagella) และ ซเี ลีย (Cilia) เซลล์ยค ู าริโอตหลายชนิดมีโครงสร ้างทีย ่ นื่ ออกไปนอกเซลล์เพือ ้ ่ ใชในการเคลื อ่ นที่ แฟลกเจลลา (Flagella) และ ซเี ลีย (Cilia) ประกอบด ้วยไมโครทิวบลูทงั ้ หมด 9 คู่ จัดเรียง ตัวเป็ นวงแหวน มีไมโครทิวบลูอก ี 1 คูอ ่ ยูต ่ รง กลาง 2. ผนังเซลล์ (Cell wall) และ ไกลโคคาลิกซ ์ (Glycocalyx) ผนังเซลล์ทาหน ้าทีช ่ ว่ ยป้ องกันเซลล์และรักษา รูปร่างของเซลล์ ผนังเซลล์ของยูคาริโอตจะไม่มเี ปปติโดไกล แคน เซลล์ของพืชและสาหร่ายจานวนมากมีผนัง เซลล์ประกอบด ้วยโพลีแซคคาไรด์ทเี่ รียกว่า เซลลูโลส ผนังเซลล์ของราสว่ นใหญ่ประกอบด ้วยโพลี แซคคาไรด์ทเี่ รียกว่าไคติน สาหรับยูคาริโอตทีไ่ ม่มผี นังเซลล์จะมีเยือ ่ หุ ้ม เซลล์อยูด ่ ้านนอกและมีสงิ่ อืน ่ ปกคลุมอีกทีหนึง่ เชน่ โปรโตซวั มีเพลลิเคิล (Pellicle) ซงึ่ เป็ นผิว โปรตีนบางๆ เซลล์ยค ู าริโอตอืน ่ ๆ รวมทัง้ เซลล์สต ั ว์จะถูกปก คลุมด ้วยไกลโคคาลิกซซ ์ งึ่ เป็ นชน ั ้ ของสารที่ ประกอบด ้วยโพลีแซคคาไรด์ทเี่ หนียวทาให ้เกิด ความแข็งแรงกับผิวของเซลล์และชว่ ยให ้เซลล์ ติดกัน 3. เยือ ่ หุ ้มเซลล์ (Cytoplasmic membrane/ Plasma membrane) เยือ ่ หุ ้มเซลล์ทงั ้ เซลล์ยค ู าริโอตและเซลล์โพรคาริ โอตคล ้ายกันทัง้ โครงสร ้างและหน ้าที่ แต่ชนิดของ โปรตีนทีพ ่ บทีเ่ ยือ ่ หุ ้มเซลล์ทงั ้ 2 จะแตกต่างกัน ึ (Cytoplasm) 4. ไซโทพลาสซม ไซโทพลาสซม ึ ของยูคาริโอตมีโครงสร ้างภายใน ทีซ ั ซอนกว่ ่ บ ้ าโพรคาริโอต ประกอบด ้วย ้ โครงสร ้างทีเ่ ป็ นเสนใยเล็ กๆ เรียกรวมกันว่า ไซโทสเกลลีตัน (Cytoskeleton) ซงึ่ โครงสร ้างนี้ ประกอบด ้วย - ไมโครฟิ ลาเมนต์ - อินเตอร์มเี ดียทฟิ ลาเมนต์ - ไมโครทิวบลู ้ ว่ ยค้าจุนให ้รูปร่าง ชว่ ยในการขนสง่ - โครงสร ้างนีช สาร ชว่ ยกระจายสารอาหาร เป็นโปรตีนที่ มีล ักษณะ เป็นเสน้ ใย เป็ นท่ อยาวทรงกระบอกกลวง ประกอบด้ วยโปรตีนรูปร่ าง กลมเรียกว่า ทิวบลูลนิ มีล ักษณะเป็นรูปท่อนพ ันก ันเป็น บ ันไดเวียนประกอบด้วยโปรตีน รูปร่างกลมเรียกว่า แอคติน 4.1ไมโครฟิ ลาเมนต์ (Microfilament) หน ้าที่ ชว่ ยให ้เซลล์เปลีย ่ นรูปร่างและชว่ ยใน การเคลือ ่ นทีข ่ องเซลล์ หรือเกีย ่ วกับการหดตัว ของกล ้ามเนือ ้ 4.2 อินเทอมีดย ี ทฟิ ลาเมนต์ (Intermediate filament) หน ้าที่ ชว่ ยเสริมความแข็งแรงให ้กับไมโครฟิ ลา เมนต์ ทาให ้ทนต่อแรงดึง และชว่ ยยึดเพือ ่ ให ้ ตาแหน่งทีต ่ งั ้ แก่ออร์กาเนลล์บางชนิด เชน่ นิวเคลียส 4.3 ไมโครทิวบลู (Microtubules) หน ้าทีส่ าคัญ -ให ้ความแข็งแรงกับเซลล์ -ชว่ ยยึดให ้ออร์กาเนลล์อยูใ่ นตาแหน่งทีต ่ งั ้ -ทาหน ้าทีใ่ นฐานะชอ ่ งทางการเคลือ ่ นทีข ่ อง ออร์กาเนลล์ในไซโทพลาสซม ึ -ชว่ ยนาทางการเคลือ ่ นทีข ่ องโครโมโซมเมือ ่ มี การแบ่งเซลล์ 5. ออร์กาเนลล์ (Organelle) เป็ นโครงสร ้างทีม ่ รี ป ู ร่างและหน ้าทีเ่ ฉพาะ 5.1 5.1 นิวเคลียส (Nucleus) ปกติมรี ป ู ร่างทรง กลมหรือรูปไข่ เป็ นโครงสร ้างทีม ่ ี ขนาดใหญ่ทส ี่ ด ุ ใน เซลล์ ประกอบด ้วยข ้อมูล ทางพันธุกรรม (DNA)เกือบ ทัง้ หมด นิวเคลียสล ้อมรอบด ้วยเยือ ่ หุ ้ม 2 ชนั ้ เรียกว่า Nuclear envelope ภายใน Nuclear envelope ประกอบด ้วยก ้อนกลมเล็กๆ 1 หรือมากกว่า 1 เรียกว่า Nucleolus บนผิวเยือ ่ หุ ้มนิวเคลียสมีชอ ่ งเล็กๆ หลายชอ ่ ง เรียกว่า Nuclear pore ทาหน ้าทีค ่ วบคุมการ เคลือ ่ นทีข ่ องสารต่างๆ ระหว่างนิวเคลียสกับ ไซไทพลาสซม ึ 5.2 ร่างแหเอนโดพลาสซม ึ (Endoplasmic Reticulum) เป็ นออร์กาเนลทีม่ ล ี ักษณะเป็ นท่อทีม ่ เี ยือ ่ หุ ้มขดพับไป มาเรียกว่า ซสี เทิล (Cisterns) อยูต ่ ดิ ต่อกับ Nuclear envelope ร่างแหเอนโดพลาสซม ึ ของเซลล์ยค ู าริโอตมี 2 แบบ - ร่างแหเอนโดพลาสซม ึ ชนิดหยาบ (Rough Endoplasmic Reticulum, Rough ER) - ร่างแหเอนโดพลาสซม ึ ชนิดเรียบ ( Smooth Endoplasmic Reticulum, Smooth ER) - เยือ่ หุ ้มเอนโดพลาสซม ึ ชนิด หยาบ ( Rough ER) จะต่อกับ เยือ ่ หุ ้มนิวเคลียส - ผิวด ้านนอกของ Rough ER มี ไรโบโซมเกาะ ทาให ้ร่างแหมี ลักษณะขรุขระ - การสงั เคราะห์โปรตีนเกิดขึน ้ ที่ ไรโบโซมทีต ่ ด ิ อยูก ่ บั Rough ER จากนัน ้ โปรตีนทีส ่ ร ้างขึน้ จะเข ้าสู่ ซสี เทิลภายใน ER เพือ ่ ผ่าน กระบวนการต่างๆ - เอนไซม์ภายในซส ี เทิลยังชว่ ยจับโปรตีนทีส ่ ร ้าง ขึน ้ เข ้ากับคาร์โบไฮเดรตเพือ ่ สร ้างไกลโคโปรตีน หรือจับโปรตีนเข ้ากับฟอสโฟลิพด ิ - ร่างแหเอนโดพลาสซม ึ ชนิดเรียบ (Smooth ER) เป็ นสว่ นทีข ่ ยายต่อจาก rough ER -Smooth ER ไม่สงั เคราะห์โปรตีนแต่จะ สงั เคราะห์ฟอสโฟลิปิด ไขมัน และสเตอรอยด์ - เอนไซม์ของ Smooth ER ในเซลล์ตบ ั ชว่ ย ปล่อยกลูโคสลงในกระแสเลือดและชว่ ยทา หน ้าทีก ่ าจัดสารพิษ 5.3 ไรโบโซม (Ribosomes) ประกอบด ้วยสารเคมี 2 ชนิด คือ กรดไรโบนิวคลีอิ ิ ก (ribonucleic : RNA) กับโปรตีน อยูร่ วมกัน เรียกว่า ไรโบนิวคลีโอโปรตีน (ribonucleoprotin) RNA เป็ นชนิด ไรโบโซมอล อาร์เอนเอ (ribosomal RNA) สว่ นโปรตีนแตกต่างกันไปตามชนิดของสงิ่ มีชวี ติ พบอิสระในไซโทพลาสซม ึ หรือบางสว่ นพบอยูต ่ ด ิ กับ ผิวนอกของ rough ER ไรโบโซมของยูคาริโอตมีขนาดใหญ่และหนา กว่าโพรคาริโอตเป็ นไรโบโซม 80S แต่ละไรโบ โซมประกอบด ้วยหน่วยย่อย 60 S ทีม ่ ี rRNA 3 โมเลกุล และหน่วยย่อย 40S ซงึ่ มีขนาดเล็กกว่า และมี rRNA เพียง 1 โมเลกุล หน่วยย่อยเหล่านีถ ้ ก ู สร ้างขึน ้ ในนิวคลีโอลัส ไรโบโซมอิสระ (free ribosome) ทาหน ้าที่ สงั เคราะห์โปรตีนสาหรับใชภายในเซลล์ ้ ไรโบโซมทีต ่ ดิ กับเยือ ่ หุ ้มนิวเคลียสและร่างแห เอนโดพลาสซม ึ เรียกว่า membrane-bound ribosome ทาหน ้าทีส ่ งั เคราะห์โปรตีนสาหรับ นาไปไว ้ในเยือ่ หุ ้มเซลล์หรือเพือ ่ นาออกจาก เซลล์ ในไมโทครอนเดรียก็มไี รโบโซมสาหรับ สงั เคราะห์ mitochodrial protein 5.4 กอลจิคอมเพลกซ ์ (Golgi Complex) ประกอบด ้วยถุงแบนๆทีม ่ เี ยือ ่ หุ ้มประมาณ 3-20 ถุงขดไปมามีลักษณะคล ้ายถ ้วย หน ้าทีส ่ าคัญ คือ เก็บสะสมสารทีเ่ ซลล์สร ้างขึน ้ ก่อนปล่อยออกนอกเซลล์ ซงึ่ สว่ นใหญ่เป็ น โปรตีนมีการจัดเรียงตัวให ้เหมาะสมกับการ ทางาน โปรตีนสว่ นใหญ่ทส ี่ งั เคราะห์ขนึ้ โดยไรโบโซมที่ ติดอยูก ่ บั rough ER จะถูกขนสง่ ไปยังบริเวณ ่ ของเซลล์ การขนสง่ ในขัน อืน ้ แรกจะผ่านออร์ กาเนลล์ทเี่ รียกว่า กอลจิคอมเพลกซ ์ 5.5 ไลโซโซม (Lysosome) ไลโซโซมสร ้างขึน ้ โดย rough ER และกอลจิ คอมเพลกซ ์ มีลักษณะเหมือนทรงกลมทีม ่ เี ยือ ่ หุ ้มชนั ้ เดียว ประกอบด ้วยเอนไซม์ยอ ่ ยสลายโมเลกุลต่างๆ ถึง 40 ชนิดรวมทัง้ แบคทีเรียทีเ่ ข ้าสูเ่ ซลล์ เม็ดเลือดขาวของคนประกอบด ้วยไลโซโซม ้ จานวนมาก โดยใชกระบวนการ Phagocytosis ในการย่อยแบคทีเรีย 5.6 แวคคิวโอล (Vacuoles) แวคิวโอลเป็ นชอ ่ งว่าง ในไซโทพลาสซม ึ ของ เซลล์ซงึ่ หุ ้มด ้วยเยือ่ หุ ้มทีเ่ รียกว่า Tonoplast ในเซลล์พช ื 5-90% ของปริมาตรเซลล์ เป็ นแวคิวโอล หน ้าทีไ่ ด ้แก่ เป็ นออร์กาเนลชว่ ยสะสมสาร (Storage organelle) ชวั่ คราวสาหรับสารบาง ชนิด เชน ่ โปรตีน น้ าตาล กรดอินทรียแ ์ ละ ไอออนของสารอินทรีย ์ บางครัง้ เซลล์สร ้างแวคิวโอลเพือ ่ ชว่ ยนาอาหาร เข ้าสูเ่ ซลล์ เซลล์พช ื จานวนมากเก็บของเสย ี และสารพิษจาก กระบวนการเมแทบอลิซม ึ ในแวคิวโอล แวคิวโอลยังชว่ ยเก็บน้ าทาให ้เซลล์พช ื มีขนาด เพิม่ ขึน ้ และให ้ความแข็งแรงกับใบและลาต ้น 5.7 ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็ นออร์กาเนลทีม ่ รี ป ู ร่างกลม หรือท่อนพบทั่วไปใน ไซโทพลาสซม ึ ไมโทคอนเดรียประกอบด ้วย เยือ ่ หุ ้มสองชน ั ้ โดยเยือ ่ หุ ้ม ชนั ้ นอกมีลักษณะเรียบแต่เยือ ่ หุ ้มชน ั ้ ในหยักไปมาเรียกว่า คริสตี (Cristae) เพือ ่ เพิม ่ พืน ้ ทีผ ่ วิ ในการเกิดปฏิกริ ย ิ า เคมี ไมโทคอนเดรียมีชอ ่ งว่าง 2 ชอ ่ ง - ชอ ่ งว่างระหว่างเยือ ่ หุ ้มทัง้ สองซงึ่ มีของเหลว บรรจุอยู่ - ชอ ่ งว่างทีส ่ องอยูถ ่ ัดจากเยือ ั ้ ในมีสารกึง่ ่ หุ ้มชน เหลวบรรจุอยูเ่ รียกว่าไมโทคอนเดรียลเมทริกซ ์ ซงึ่ ปฏิกริ ย ิ าเคมีสว่ นใหญ่ของกระบวนการหายใจ ระดับเซลล์เกิดขึน ้ ในเมทริกซน ์ ี้ ไมโทคอนเดรียสามารถเจริญและเพิม ่ จานวนได ้ ด ้วยตัวเองโดยการแบ่งเป็ นสอง ไมโทคอนเดรียมีบทบาทในการหายใจระดับ เซลล์ โดยเปลีย ่ นพลังงานเคมีจากอาหารหรือ สารอินทรียไ์ ปเป็ นพลังงานในรูปของ ATP ทาใหไมโทคอนเดรียได ้ชอ ื่ ว่าเป็ น “ Powerhouses of the cell ” 5.8 คลอโรพลาสต์ (Chloroplasts) เซลล์ยค ู าริโอตทีส่ ามารถสงั เคราะห์แสงได ้เชน ่ เซลล์ของสาหร่ายและพืชสเี ขียว มีคลอโร พลาสต์ทาหน ้าทีเ่ ปลีย ่ นพลังงานแสงไปเป็ น พลังงานเคมี เม็ดสคี ลอโรฟิ ลล์ โปรตีน และเอนไซม์ใน คลอโรพลาสต์จะทางานร่วมกันดูดซบ ั พลังงาน แสงและเปลีย ้ ่ นเป็ นพลังงานเคมีทใี่ ชในการ สร ้างโมเลกุลของน้ าตาลและสารอินทรียอ ์ น ื่ ๆ คลอโรพลาสต์เป็ นโครงสร ้างทีม ่ เี ยือ ั้ ่ หุ ้ม 2 ชน ในคลอโรพลาสต์ มีชอ่ งว่าง 3 สว่ น - ชอ ่ งว่างแรกเป็ นชอ ่ งแคบๆระหว่างเยือ ่ หุ ้ม ชนั ้ นอกกับเยือ ่ หุ ้มชน ั ้ ใน -ชอ ่ งว่างที่ 2 อยูถ ่ ัดจากเยือ ั ้ ในเข ้าไปมี ่ หุ ้มชน ของเหลวข ้นบรรจุอยูเ่ รียกว่า สโตรมา (Stroma) และมีถงุ แบนๆ เรียกว่า ไทลาคอยด์ (Thylakoid) หลายๆถุงซอนกั ้ นอยูเ่ รียกว่า กรานัม (Granum) ในแต่ละถุงของไทลาคอยด์มค ี ลอโรฟิ ลล์ซงึ่ เป็ น บริเวณทีม ี ารสงั เคราะห์แสง ่ ก - ชอ ่ งที่ 3 ในคลอโรพลาสต์เป็ นชอ ่ งว่างทีอ ่ ยู่ ภายในถุงแบนและท่อต่อระหว่างกรานัม -ในคลอโรพลาสต์ยังประกอบด ้วยไรโบโซม 70S DNA และเอนไซม์ทเี่ กีย ่ วข ้องกับการ สงั เคราะห์โปรตีน ทาให ้คลอโรพลาสต์สามารถ เพิม่ จานวนได ้ด ้วยตัวเองภายในเซลล์ 5.9 เพอร๊อกซโิ ซม (Peroxisome) เป็ นออร์กาเนลล์ทมี่ โี ครงสร ้างคล ้ายไลโซโซม แต่มขี นาดเล็กกว่า ประกอบด ้วยเอนไซม์หนึง่ ชนิดหรือมากกว่าหนึง่ ชนิดทีส่ ามารถออกซไิ ดซส ์ ารอินทรีย ์ นอกจากนีเ้ อนไซม์ในเพอร๊อกซโิ ซม ยังสามารถ ออกซไิ ดสส ์ ารพิษได ้อีกด ้วย 5.10 เซนโทโซม (Centrosome) ประกอบด ้วย Pericentriolar area และ เซนทริ โอล Pericentriolar area - เป็ นบริเวณหนึง่ ในไซโทพลาสซม ึ ทีม ้ ่ เี สนใย เล็กๆของโปรตีนอยูห ่ นาแน่น -เป็ นศูนย์กลางของ Mitotic spindle ซงึ่ มี บทบาทในการแบ่งเซลล์ และมีบทบาทในการ สร ้างไมโครทิวบลูในเซลล์ทไี่ ม่ได ้อยูใ่ นระหว่าง การแบ่งเซลล์ เซนทริโอล - เป็ นออร์กาเนลทีไ่ ม่มเี มมเบรนหุ ้ม -พบเฉพาะในเซลล์สต ั ว์และโปรตีสต์บางชนิด โดยในแต่ละเซลล์จะมีเซนทริโอล อยู่ 2 อันอยู่ ใกล ้นิวเคลียส - เซนทริโอล แต่ละอันมีไมโครทิวบลู 9 กลุม ่ ๆ ้ ละ 3 เสนและไม่ มก ี ลุม ่ ไมโครทิวบลู อยูต ่ รง กลาง เซนตริโอชว่ ยในการรวมตัวและคลายตัวของไม โครทิวบลู ่ ร ้างสายสปิ นเดิลชว่ ยควบคุม เซนตริโอมีหน ้าทีส การเคลือ่ นทีข ่ องโครโมโซมในขณะแบ่งเซลล์ และชว่ ยควบคุมการเคลือ ่ นไหวของซเี ลียและ แฟลกเจลลา

Use Quizgecko on...
Browser
Browser