🎧 New: AI-Generated Podcasts Turn your study notes into engaging audio conversations. Learn more

1. สรุป บริหาร มิด.pdf

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

Full Transcript

🩷 🩷 🩵 🩵 Why แนวคิดระบบสุ ขภาพและนโยบายด้ านสุ ขภาพ 1.ระบบบริการทางการแพทย์...

🩷 🩷 🩵 🩵 Why แนวคิดระบบสุ ขภาพและนโยบายด้ านสุ ขภาพ 1.ระบบบริการทางการแพทย์ คือ ระบบเน้ นบริการทางการแพทย์ ในสถานบริการสาธารณสุ ข ซึ่ งเป็ นส่ วน หนึ่ งของระบบสาธารณสุ ข แนวคิดระบบสุ ขภาพ 2.ระบบสาธารณสุ ข มีความกว้างกว่าระบบบริการทางการแพทย์ รวมถึ งระบบการให้ บริการใน ระบบ ชุ มชน การส่ งต่อให้ เกิดการดูแลต่อเนื่ อง การสาธารณสุ ขมู ลฐานที่ เน้ นบริการ องค์ประกอบทุกสิ่ งท่่ี เกี่ยวข้อง ท่่ี มีความสั มพันธ์ กับสิ่ งนั้ นๆ สุ ขภาพในครอบครัว ชุ มชน ระบบสาธารณสุ ขเป็ นส่ วนหนึ่ งของระบบสุ ขภาพ ระบบการทํางานขององค์การต่างๆ ที่ ประกอบด้ วยระบบย่อยๆ หลายระบบ 3.ระบบสุ ขภาพ รวมกันและทํางานร่วมกัน ซึ่ งจะต้องมีการปฏิ บัติงานอย่างใด อย่างหนึ่ งเพ่่ือประ คือ ระบบที่ กว้างใหญ่ครอบคลุมทั้ งระบบบริการ บริการทางการแพทย์ ระบบ โยชน์ หรือวัตถุประสงค์รว่ มกันหรืออย่างเดี ยวกัน เช่ น ระบบโรงเรียน ระบบโรง สาธารณสุ ข และระบบอื่น ที่ มีส่วนสั มพันธ์ กับปั จจัยกําหนดสุ ขภาพ (Health พยาบาล ระบบธนาคาร ระบบรพ.สต. เป็ นต้น Determinants) ระบบสาธารณสุ ขดี เพื่อเกิดผลลัพธ์ ดี ประสิ ทธิ ผล ประสิ ทธิ ภาพ เป็ นธรรม ความพึงพอใจของประชาชน (สุ ขภาพของประชาชนให้ ดีข้ึน...ลดความเหลื่อมล้า...คุ้มค่า...พอใจ) ผลลัพธ์ ของระบบสาธารณสุ ข 1 ผลลัพธ์ ด้านประสิ ทธิ ผล คือ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงปั จจัยนํ าเข้า > เป็ นผลลัพธ์ ตามท่่ี ระบบ ตั้งเป้ าประสงค์ไว้ระบบสาธารณสุ ขมีเป้ าประสงค์ท่ี สํ าคัญ คือการสร้างเสริม สถานะสุ ขภาพของประชาชนให้ ดีข้ึน 2. ผลลัพธ์ ด้านประสิ ทธิ ภาพ ระบบสุ ขภาพ ประสิ ทธิ ภาพ ( Efficiency ) เป็ นการเปรียบเที ยบต้นทุนหรือราคาของปั จจัย ระบบความสั มพันธ์ ทั้งมวลที่ เกี่ยวข้องกับสุ ขภาพ โดยมีขอบเขตและ ความหมาย นํ าเข้ากับคุณค่าของผลผลิตที่ ได้ ที่ กว้างขวางเกี่ยวข้องกับเหตุและปั จจัยต่างๆ ที่ มีผลเกี่ยวข้องกระทบกับสุ ขภาพ เศรษฐศาสตร์ หมายถึ ง การใช้ ประโยชน์ สู งสุ ด จากทรัพยากรที่ มีจํากัด มากมายหลายด้ าน ใช้ เงินน้ อย คนสุ ขภาพดี >>> ประสิ ทธิ ภาพ ทั้ งปั จจัยด้ านบุ คคล ปั จจัยด้ านสภาพแวดล้อม และปั จจัยด้ านระบบบริการสุ ขภาพ ในปั จจุบันมีการใช้ 2 คําแทนกัน “ระบบสุ ขภาพ” “ระบบสาธารณสุ ข” 3. ผลลัพธ์ ด้านความเป็ นธรรมในสั งคม มุ มมองของนั กสาธารณสุ ข คือการลดความเหลื่อมล้า ในสถานะสขุภาพ(inequalitiesinhealth)ให้ เหลือน้ อยท่่ี สุ ดเพ่่ือเสริมสร้าง ความมั่นคงของสั งคม(socialsolidarity)และเคารพในความเป็ นมนษุ ย์ ควรมี สิ ทธิ ์ ในสุ ขภาพท่่ี พอเพียงต่อการดารงชี วิตในสงัคมได้ อย่างมีศักดศิ ์ รี 4. ผลลัพธด์้ านความพึงพอใจของประชาชน เกิดจากการที่ ระบบสามารถตอบสนองความคาดหวังของประชาชนได้ ความคาดหวังของประชาชนได้ แก่ ์ ความเป็ นมนุ ษย์การได้ รบ 4.1การเคารพในศั กดิ ศรี ั การปฏิ บัติจากบุ คลากร ด้ านการแพทย์ 4.2การรักษาความลับของผู ้ป่วย 4.3การมีโอกาสในการรับทราบข้อมู ลข่าวสารต่างๆท่่ี เก่ียวกับการเจ็บป่ วยตน ั บริการท่่ี สะดวกในการบริการท่่ี รวดเร็วทั นเวลา 4.4การได้ รบ 4.5การได้ รบั ความสะดวกสบายความเป็ นระเบียบสะอาดของสถานท่่ี บริการ ระบบสาธารณสุ ข ความหมายรวมกิจกรรมทางสาธารณสุ ข รวมทั้ งกิจกรรมที่ ทําให้ สุขภาพของ Healthy ประชาชนดี ข้ึน เช่ น การบริการสาธารณสุ ขต่างๆทั้ งแผนปั จจุบันและแผน ทางเลือก “ระบบดี นํ าไปสู่ สุขภาพประชาชนดี ” อื่นๆ ทั้ งด้ านการส่ งเสริมสุ ขภาพ ป้ องกันโรค รักษาพยาบาล หรือการฟื้ นฟู สุขภาพ “คนหายจากเจ็บป่ วย” ร่างกาย >>> รณรงค์ โครงการ บริการในรพ. “ชุ มชนลดโรค ปั ญหาชุ มชนลดลง” ระบบบริการทางการแพทย์ เป็ นระบบย่อยที่ สํ าคัญในระบบสุ ขภาพ :ระบบที่ เน้ นบริการทางการแพทยใ์นสถาน บริการสาธารณสุ ข ซึ่ งถื อเป็ นส่ วนหนึ่ ง ของระบบสาธารณสุ ข องค์ประกอบระบบสาธารณสุ ข 1. โครงสร้างองค์กร (Organization Programs) 2. การบริหารจัดการ (Management Methods) 3. ทรัพยากรสาธารณสุ ข (Product of Resources) 4.การเงินการคลังสาธารณสุ ข (Economic Support) 5. แบบแผนการให้ บริการสุ ขภาพ (Delivery of Health Services) ข้อเสนอแนะเชิ งนโยบาย การพัฒนาระบบสขุภาพในปั จจุบนั ไปสู่ “ระบบสุ ขภาพท่ี พงึประสงค์”จําเป็ นต้อง 1.โครงสร้างองคก์ร อาศั ยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสั งคม และ ประชาชน โครงสร้างองค์กรท่ี ดี จะทําให้ การนํ าทรัพยากรท่่ี มีอยู่ไป ใช้ ให้ เกิดประโยชน์ ่ การกําหนดนโยบายและจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม สู งสุ ด โดยทั่ วไประบบสาธารณสุ ขจะใช้ ระบบภาครัฐเป็ นหลัก โดยมีเอกชน การวิจัยด้ านสุ ขภาพ เป็ นหนึ่ งในกลไกสํ าคัญ ไม่ว่าจะเป็ นการวิจัยในสาขา อยู่ในสั ดส่ วนท่่ี แตกต่างกัน วิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน (basic sciences) สาขาชี วการแพทย์ (biomedicine) สาขานโยบายและระบบสขุภาพ (healthpolicy and systems) และสาขาพฤติกรรมศาสตร์ (behavioral science) เพ่ือสร้างหลักฐานและองค์ความรู ท ้ ่ี จําเป็ นในการตัดสิ นใจ องค์ประกอบระบบบริการสุ ขภาพ ⑩ก บุตคร - ขภาพ โครงสร้างองค์กร ในระบบสาธารณสุ ขประเทศไทย / I ↑สอบถาม หน่ วยงานที่ มีหน้ าที่ รับผิดชอบในการจัดระบบสาธารณสุ ข กระทรวงสาธารณสุ ข หน้ าท่่ี วางแผนยุ ทธศาสตร์ ทิ ศทางพัฒนงาน เขากร ญอาหาไ , G สาธารณสุ ข ทั้ งประเทศ ควบคุม กํากับ หน่ วยงานภาครัฐ หน่ วยงานด้ านสาธารณสุ ขภูมิภาค หน่ วยงานเพื่อบริหาร เช่ น สสจ. หน่ วยงานเพื่อบริการ เช่ น รพ.สต. · หัดี กุ สุ ม่ 💚 🧡 🧡 ระบบสาธารณสุ ขไทย: กลุ่มที่ มีส่วนร่วม 4.การเงินการคลัง ด้ านแหล่งท่่ี มาของเงินท่่ี ใช้ จ่ายทางสาธารณสขุ การสนั บสนุ นงบประมาณ การประกันสั งคม การประกันแบบสมัครใจ หลักประกันสุ ขภาพ การบริจาคเพื่อการกุศล บริจาคจากบุ คคล และครอบครัว สนั บสนุ นจากองค์การระหว่างประเทศ 5.การให้ บริการทางสุ ขภาพ การให้ บริการทางสุ ขภาพมีหลายรู ปแบบ ได้ แก่ บริการสาธารณสุ ขมู ลฐาน การดูแลสุ ขภาพส่ วนบุ คคล บริการสาธารณสุ ขชุ มชน และบริการพิเศษเฉพาะ กลุ่ม บริการสุ ขภาพ ในประเทศไทย แบ่งตามระดั บของการให้ บริการ แบ่งตามลักษณะบริการ 2.การบริหารจัดการองค์กร เป็ นสิ่ งสํ าคัญท่่ี จะทําให้ ระบบสขุภาพบรรลุเป้ าประสงค์ ประกอบด้ วยปั จจัยต่างๆ ได้ แก่ การกําหนดนโยบาย การวางแผนการควบคุม กํากับ การออกกฎหมาย และการรวบรวม วิเคราะห์ ข้อมู ลเพื่อการบริหาร การบริหารจัดการ ระดั บบริการสุ ขภาพและความเช่่ื อมโยงนโยบาย. การวางแผนงาน การบริหารงาน การสร้างกฎระเบียบ การออกกฎหมาย นโยบายสาธารณสุ ข 1. การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ 2. การลดความเหลื่อมล้าของสั งคมและโอกาสเข้าถึ งบริการของรัฐ 3. การศึ กษาและเรียนรู ้ การทะนุ บํารุ งศาสนา ศิ ลปะและวัฒนธรรม 4. การยกระดั บคุณภาพบริการและสุ ขภาพ โดยวางรากฐานให้ ระบบหลักประกัน 5. การเพิ่มศั กยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ 6. การส่ งเสริมบทบาทและการใช้ โอกาสในประชาคมอาเซี ยน 7.การพัฒนาและส่ งเสริมการใช้ ประโยชน์ จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและ การพัฒนา และนวัตกรรม ระดั บบริการสาธารณสุ ขภาครัฐในสั งกัดกระทรวงสาธารณสุ ข การบริการระดั บสู ง (ตติยภูมิ)(Tertiary care level) 3. ทรัพยากรด้ านสาธารณสุ ข การบริการระดั บกลาง (ทุติยภูมิ) (Secondary care level) ทรัพยากรด้ านสาธารณสุ ขที่ สํ าคัญ ได้ แก่ บุ คลากร สาธารณสุ ข โครงสร้างพื้นฐาน การบริการระดั บต้น (ปฐมภูมิ ) ( Primary care level) เช่ น จํานวนเตียงอาคาร สถานท่่ี และ เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ องค์ความรู ท ้ าง สาธารณสุ ข จึงต้องมีการผลิตจัดหาและมีการกระจายที่ เหมาะสม บุ คลากรด้ านสาธารณสุ ข การวางแผนการผลิต จัดหาบุ คลากรให้ เพียงพอ กระจายอัตรากําลังให้ เหมาะสม การบริหารจัดการให้ เหมาะสม เช่ น กําหนดค่าตอบแทนดึ งดูดใจให้ ทํางาน วัสดุ ครุ ภัณฑ์ ด้านสาธารณสุ ขอาคารสถานที่ สถานท่่ี หมายถึ ง สถานที่ ประกอบกิจกรรมทางสาธารณสุ ข ได้ แก่ รพ.สต. รพ คลินิก ร้านขายยา วัสดุ ครุ ภัณฑ์ เช่ น น้ ายา เครื่องวัดความดั น องค์ความรู้ ด้ านสาธารณสุ ข จะช่ วยพัฒนาขีดความสามารถของบุ คลากร Tertiary Care บริการระดั บปฐมภูมิ (Primary Care) ่ การบริการในระดั บท่ี 3 (Tertiary Medical Care) >>> เน้ นการจัดบริการด้ านการแพทย์ละสาธารณสุ ขที่ ใช้ ผู ้เชี่ ยวชาญเป็ น การจัดบริการในระดั บการสาธารณสุ ขมู ลฐาน (Primary health care) การจัดบริการในระดั บที่ 1 (Primary medical Care ) พิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะทางเป็ นระดั บสู งสุ ด ของระบบบริการสุ ขภาพ หน่ วยบริการในระดั บนี้ โรงพยาบาลทั่ วไป โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาล บริการระดั บปฐมภูมิ (Primary Care) มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ เป็ นสถานบริการขนาดเล็กท่ี ใกล้กับประชาชน ถื อเป็ นจุดท่่ี ให้ บริการสุ ขภาพอย่าง >>> เน้ นหนั กในด้ านการรักษาพยาบาลและการฟื้ นฟู สภาพร่างกายเป็ นหลัก ครบวงจรทั้ ง บริการส่ งเสริมสุ ขภาพ ป้ องกันโรคและฟื้ นฟู สมรรถภาพ โดยมีทีม บริการสุ ขภาพระดั บต้น ซึ่ งอาจประกอบด้ วยแพทย์ประจําครอบครัวหรือแพทย์ การบริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง (Excellent Center) เวชปฏิ บัติท่ั วไป มีพยาบาลและบุ คลากรสาธารณสุ ขอื่นๆร่วมให้ บริการ เป็ นการบริการที่ ใช้ เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสู ง โดยมีระบบบริการที่ เชื่ อมโยงไปถึ งการสนั บสนุ นการดูแลสุ ขภาพของตนเองที่ มีความสลับซั บซ้ อนมาก บ้านและชุ มชน ตลอดจนการเชื่ อมโยงกับระบบบริการทุติยภูมิและระดั บตติยภูมิ มีบุคลากรทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง เพื่อการส่ งต่อผู ้ป่วยได้ อย่างมีคุณภาพและประสิ ทธิ ภาพ โรงพยาบาลศูนย์ สถาบันเฉพาะทางต่างๆ การจัดบริการในระดั บการสาธารณสุ ขมู ลฐาน (Primary health care) เป็ นการจัดบริการที่ มุ่งเน้ นให้ ประชาชนได้ มีส่วนร่วมในการดูแลสุ ขภาพ สั งกัดมหาวิทยาลัย กันเอง โดยความพยายามร่วมกันของสมาชิ กในชุ มชนนั้ นๆเป็ นสํ าคัญและรัฐจะ คอยให้ การสนั บสนุ นในกรณี ท่ี เกินขีดความสามารถของชุ มชน ซึ่ งในระดั บหน่ วย สรุ ประบบสุ ขภาพระบบสาธารณสุ ขในประเทศไทย บริการที่ สํ าคัญคือ ศูนย์สาธารณสุ ขมู ลลฐานชุ มชน (ศสมช.) และอาสาสมัคร ระบบสาธารณสุ ข ทุกกิจกรรม ทั้ งการจัดการและกิจกรรมทางสาธารณสุ ข สาธารณสุ ขประจําหมู่บ้าน อสม. ที่ คอยดูแลและประสานงานกับระบบริการ เกี่ียวข้องกับการป้ องกัน รักษา ส่ งเสริมและการฟื้ นฟู สมรรถภาพ ที่ ทําให้ สุ ขภาพที่ สู งขึ้นขึ้นไปโดยในระดั บนี้ จะเน้ นหนั กในด้ านการส่ งเสริมสุ ขภาพ และ สุ ขภาพของประชาชนดี ข้ึนของทุกส่ วนท่่ี เก่่ียวข้อง การป้ องกันและควบคุมโรคเป็ นหลัก องค์ประกอบของระบบสาธารณสุ ข โครงสรา้งองค์กรการบริหารจัดการ ทรัพยากร การเงิน การคลัง การให้ บริการสุ ขภาพ การจัดบริการในระดั บที่ 1 (Primary medical Care ) ระดั บบริการสาธารณสุ ขไทย การบริการระดั บสู ง(ตตยิภูมิ) การจัดบริการในระดั บนี้ เป็ นการจัดบริการที่ ดํ าเนิ นการโดยเจ้าหน้ าที่ สาธารณสุ ข การบริการะดั บกลาง(ทตุิยภูมิ) การบริการระดั บต้น (ปฐมภูมิ) และประชาชนมากที่ สุ ดเป็ นการให้ บริการสุ ขภาพเบื้องต้นที่ มีอาการไม่รุนแรงและ ผลลัพธ์ : ประสิ ทธิ ภาพ ประสิ ทธิ ผล ความเป็ นธรรม ตอบสนองให้ พึงพอใจ ั บริการสามารถเข้าใจและดูแลตนเองต่อไปได้ โดยเจ้าหน้ าที่ สาธารณสุ ขของ ผู้รบ รัฐที่ ใกล้ชิดกับชุ มชนหน่ วยบริการในระดั บนี้ สถานบริการสาธารณสุ ขชุ มชน (สสช.) โรงพยาบาลส่ งเสริมสุ ขภาพตาํบล(รพ.สต.) สถานี อนามัย(สอ.) ศูนยส์ ุขภาพชุ มชน (ศสช.) โรงพยาบาลชุ มชน (รพช.) หรือหน่ วยบริการอื่นๆ การจัดบริการในระดั บที่ 1 (Primary medical Care) เป็ นบริการท่่ี อยู่ใกล้ชิดประชาชนและชุ มชนมากที่ สุ ด มีการบริการผสมผสาน4ด้ าน >>> การรักษาพยาบาลการส่ งเสริมสุ ขภาพการป้ องกนั ควบคุมโรคฟ้ื นฟู สภาพ จัดบริการปฐมภูมิในเขตพื้นที่ ชนบท เช่ น รพ.สต. ศูนย์,สุ ขภาพชุ มชน จัดบริการปฐมภูมิในเขตเมือง เช่ น ศูนย์บริการสาธารณสุ ขของกรุ งเทพมหานคร หรือ ศูนย์แพทย์ชุมชน Secondary Care การจัดบริการในระดั บที่ 2 ( secondary medical Care) เป็ นการดํ าเนิ นการโดยเจ้าหน้ าที่ สาธารณสุ ขของรัฐที่ จําเป็ นต้องใช้ ความรู ค ้ วาม ชํ านาญในระดั บสู ง เพื่อดูแลให้ การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ มีอาการของโรคที่ ค่่อน ข้างรุ นแรงและผู้ป่วยอาจจะต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้ าที่ สาธารณสุ ขระยะ หนึ่ งด้ วย >>> หน่ วยปฏิ บัติการในระดั บนี้ โรงพยาบาลชุ มชน โรงพยาบาลทั่ วไป โรง พยาบาลเอกชน คลินิกเอกชน หรือหน่ วยบริการอย่างอื่น >>> เป็ นหน่ วยที่ จะต้องมีแพทย์พยาบาล หรือบุ คลากรทางการแพทย์คอยให้ การ ดูแล เน้ นหนั กในด้ านของการรักษาพยาบาลและการฟื้ นฟู สภาพร่างกายเป็ นส่ วน ใหญ่ เป็ นบริการที่ ใช้ เทคโนโลยีทางการแพทย์ในระดั บสู งกว่าระดั บปฐมภูมิ ทรัพยากร มีศักยภาพมากกว่าระดั บปฐมภูมิ เน้ นการบริการรักษาพยาบาลโรคท่่ี ยากซั บซ้ อนมากขึ้น ได้ แก่ o โรงพยาบาลชุ มชนในระดั บอําเภอ o โรงพยาบาลทั่ วไปในระดั บจังหวัด o โรงพยาบาลในสั งกัดกระทรวงกลาโหม wkz ~ การบริหาร (Administration) Administrative Functions and Process (Henry Fayol) การบริหาร เป็ นศาสตร์ (องค์ความรู ้ ท่ องจํา ) องการใชห้ ลกัการและเทคนิ คการ บริหารต่างๆซึ่ งได้ มาจากการเรียนรู ้ และศึ กษาวิจยัมาประกอบรวบรวมให้ เป็ น · ระบบมีกฎเกณฑ์ และทฤษฏี ท่่ี นํ ามาประกอบในการบริหาร (วิเชี ยร วิทยอุ ดม ) การบริหาร เป็ นศิ ลปะเน่่ื องจากการนํ าหลักการของการบริหารไปใช้ ให้ เกิด ประโยชน์ จําเป็ นต้องอาศั ยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการใช้ ดุลยพินิจท่ี ดีซ่ึ งสิ่ ง เหล่านี้ ได้ รบ ั มาจากประสบการณ์ การทํางานของผู้บริหารเท่ านั้ น (สมยศ นาวีการ) แ งงานก ควบ ก ก การบริหาร จะใช้ ในการบริหารระดั บสู งโดยเน้ นที่ การกาหนดนโยบายที่ สํ าคัญ · & และกําหนดแผนของผู ้บริหารระดั บสู งเป็ นค่านิ ยมใช้ ในการบริหารรัฐ ประเ นผ กิจ(PublicAdministration)หรือใช้ ในหน่ วยงานราชการ การบริหาร คือ กลุ่มของกิจกรรม ประกอบด้ วย การวางแผน (Planning) การจัดองค์กร (Organizing) การสั่ งการ(Leading/Directing) · ผ น ป ะ -ป ู้ ระ หรือการอํานวยและการควบคุม(Controlling) เพื่อนํ าทรัพยากรของ องค์กรไปใช้ ให้ เกิดประโยชน์ และด้ วยจุดมุ่งหมายสํ าคัญใน การบรรลุความสํ าเร็จตามเป้ าหมายขององค์กรอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและเกิด Planning ↑- KPI ว ช ประสิ ทธิ ผลครบถ้ วน Determining organizational goals and a means for achieving them “ผู้บริหาร”(Administrator) หมายถึ ง ผู้บริหารที่ ทํางานอยู่ในองคก์รของรัฐหรือ จัดกระบวนการถึ งเป้ าหมาย โครงการ(ปฎิ บัติการ,กลยุ ทธ์ ) องค์กรที่ ไม่มุ่งหวังกําไร (Schermerhorn, 1999, p. 2) Organizing Deciding where decisions will be made ! Who will do what jobs and tasks ! การจัดการ (Management) Who will work for whom ! การจัดการ จะเน้ นการปฏิ บัติการให้ เป็ นไปตามนโยบาย (แผนที่ วางไว้) ซึ่ งนิ ยม รู ว้ ่าทําอะไร? >>> แบ่งงานกัน นท บาท ใช้ ในการจัดการรก็จ.(Business management) เอกชน "ผู้จัดการ" (Manager) จะหมายถึ ง บุ คคลในองค์กรซึ่ งทําหน้ าที่ รับผิดชอบต่อ ผ กิจกรรมในการบริหารทรัพยากรและกิจการงานอื่นๆ เพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์ท่ี งใ กําหนดไว้ขององค์กร (Schermerhorn) & && กจ ด ด -4 Suppo Controlling Monitoring progress toward - KPI ระ / ว ดไ goal achievement and taking -เป ยบเ พบต ตามมาตรฐาน >ส เ อเ corrective action when needed -การเป ยนแปลง - > ลดเ า -ส วัดว่าบรรลุเป้ าหมาย??? && - WHY WE NEED MANAGERS/ADMINISTRATORS TODAY คําว่า "การบริหาร" (Administration) และ "การจัดการ" (Management) Then อ Now จ มีความหมายแตกต่างกันเล็กน้ อย โดยการบริหารจะสนใจและสั มพันธ์ กับการ กําหนดนโยบายไปลงมือปฏิ บัติ นั กวิชาการบางท่ านให้ ความเห็ นว่าการบริหารใช้ Work in families Work in factories โรงงา ในภาครัฐ ส่ วนการจัดการใช้ ในภาคเอกชน ห ก บร อย่างไรก็ดี ในตําราหรือหนั งสื อส่ วนใหญ่ทั้ง 2 คํานี้ มีความหมายไม่แตกต่างกัน Skilled laborers Specialized, unskilled laborers < สามารถใช้ แทนกันได้ และเป็ นที่ ยอมรับโดยทั่ วไป เนื่ องจากมีจุดมุ่งหมายเหมือน กันคือเพื่อทําให้ งานสํ าเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ Small, self-organized groups Large factories && Unique, small batches of production Large standardized mass production เศรษฐศาสต /ท น อย - ตตาม ประ ท ภ บรรล ุตา มาเป ประ ท ชี ติ ชั จู ตั วั ทุ รื คั ลั ำ น้ บ่ ำ ผู้ ำ บุ ข้ ขั สิ สิ คุ ด้ รี มิ ธิ ธิ ปั ลี่ ที จุ ร์ ดี Important skills of each level of administrator ทั กษะผู้บริหาร &* * วหน ท งา นใ นแผ โครงส า ง ง ส ร้ตในเ ย อ บาย / ดระเ ยบ -ครอบค ม, สอดคล ④ - กษะการ ด เคร ⑨ อ บาย -/ ท ค.เ ้าใจ อเท -มอง การ ไกล/ ยท · เสน นอกรอบ แนว ด -> ด น ใจในท ฤษ วิ ย, กการ รป 3 skil HISTORICAL BACKGROUND OF ADMINISTRATION HENRY MINTZBERG'S MANAGERIAL ROLES บทบาทผู ้บริหาร *** JumLEng, Thail ADMINISTRATIVE THEORIES ⑤- ก 1.แนวคิดการบริหารแบบดั้ งเดิ ม (Classical Approach) * เ 2.แนวคิดการบริหารแบบพฤติกรรมศาสตร์ (BehavioralManagementApproach) * งาน 3.แนวคิดการบริหารเชิ งปริมาณ (QuantitativeApproach) 4.แนวคิดการบริหารตามสถานการณ์ (ContingencyApproach) 5.แนวคิดการบริหารสมัยใหม่ (ModernApproach) } moder && & 1.แนวคิดการบริหารแบบดั้ งเดิ ม (Classical Approach) MANAGERIAL ROLES &4 & หลักการสํ าคัญของแนวคิดนี้ คือ องค์การทุกองค์การจะต้องกําหนด Interpersonal Roles บทบา ทระห า ง ค กระบวนการบริหารขึ้นอย่างมีเหตุมีผลและทุกคนจะต้องทํางานตามกระบวน การนั้ นๆ เหมือนกันทุกคนแนวคิดนี้ เสนอแนะว่าผู ้บริหารจะต้องพยายาม Figurehead >>> Managers perform ceremonial duties กรร ม =3 ก าวเ เพิ่มประสิ ทธิ ภาพขององค์การการเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่ อง Leader >>> Managers motivate and encourage workers to accomplish แนวคิดต่างๆ ที่ อยู่ในกลุ่มแนวคิดการบริหารแบบดั้ งเดิ มสามารถแยกออก objectives กระ ้น ได้ อีก 3 แนวคิด คือ Liaison >>> Managers deal with people outside their units อตก ลงกับบ ษ 1) การบริหารแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ตั้งสมมติฐาน 2) การบริหารแบบระบบราชการ (Bureaucratic Manageme) Informational Roles ม อ ลค 3) ทฤษฎี การบริหารทั่ วไป (General Administrative The) ทางการ ( SU) ไม่ทางกา าร( แล กน Monitor >>> Managers scan their environment for information ดตาม อ มูลในอง ายทอ ดวัยมูล นอก +ในอง Disseminator >>> Managers share information with others in their company 1) การบริหารแบบวิทยาศาสตร์ (Scienific Mangement) Spokesperson >>> Managers share information with others outside their แนวคิดการบริหารเชิ งวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในยุ คปฏิ วัติอุตสาหกรรม departments or companies - กระจา บ ใน นมก ง ย ล ห อ แนวคิดนี้ ได้ ถูกพัฒนาขึ้นโดยชาวอเมริกา Frederick Winsiow Toylan เน้ นเรื่องการพัฒนาประสิ ทธิ ภาพการทํางานของคนงานโดยอาศั ยวิธีการที่ ได้ Decisional Roles การ ด น จากการศึ กษาในเชิ งวิทยาศาสตร์ คือ มีการตั้งสมมติฐาน กําหนดตัวแปร ทดลอง แล้วจึงวัดผลการทดลองในกรณี ต่างๆ การทดลองตามกระบวนการย้า Entrepreneur >>> Managers adapt to incremental change ป บตัว อ การป ป.. แล้วซ้ าอีกจนค้นพบวิธีการทํางานที่ มีประสิ ทธิ ภาพสู งขึ้น กระทั่ งสามารถ น Disturbance Handler >>> Managers respond to problems that demand * * * -> 2 ทาง ดผ ล นไหน ค้นพบวิธีท่ี ดี ท่ี สุ ด (One Best Way) ในการทํางาน * one. immediate action เ ด ญหา -3 แก้ไ Putting the right person on the job with the correct tools and equ Resource Allocator >>> Managers decide who gets what resources จ น ท พยา ดสร ราค Having a standardized method of doing the job. Negotiator >>> Managers negotiate schedules, projects, goals, Providing an economic incentive to the worker. outcomes, resources, and raises การ อรอง / ด sic) โครงร ร ! * แนเ ดแบ บ งเดิม Clas หั รี รู จั ลุ วิ ตั พิ นิ มี ริ ข้ มู ติ ถ่ ต่ อั วั จั นั กิ ทั สั ตั ธิ ที่ ข้ ธิ ต์ จั รั ำ ำ ทั ล่ ธี ธี มู รั ำ ด์ ปั บุ ฏิ ข้ สิ ลู ข้ ดั้ ดู ฎี จู บั คิ งิ ตุ้ ต่ ร้ ข้ สิ บี คิ ตั ว่ ร้ วิ ลุ มี ต็ สิ 2 แนวคิดการบริหารแบบพฤติกรรมศาสตร์ 2) การบริหารแบบระบบราชการ (Bureaucratic Management) ควบคุมให้ ได้ (Behavioral Management Approach) แนวคิดนี้ ได้ ถูกพัฒนาโดยชาวเยอรมัน Max Weber เป็ นชาวเยอรมัน โดยมีหลัก การที่ สํ าคัญ ดั งนี้ 1) หลักของการแบ่งงานกันทํา (Division of Labour) & 1) Hawthorne Studies สั งคมสร้างคสพ.(หั วหน้ า-ลูกน้ อง) โดยเริมตังแต่การที Elton Mayo (1982) ผู ้ท่ี ได้ ช่ื อว่าเป็ นบิดาแห่ งการศึ กษา ่ ้ ่ 2) หลักของการกําหนดอํานาจหน้ าที่ ตามสายการบังคับบัญชา การจัดการเชิ งพฤติกรรมศาสตร์ และเป็ นบุ คคลผู ้ท่ี ได้ มีการท้ าทายทฤษฎี ท่ี (Hierarchy of Authority) หั วหน้ า- ลูกน้ อง อยู่ในกลุ่มการศึ กษาการบริหารงานแบบคลาสสิ คโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ 3) หลักของความสามารถ (Technical Competency) การจัดการ โดยทําการศึ กษาระหว่างลุ่มทดลอง กับ กลุ่มควบคุม 4) หลักของกฏ ระเบียบ ความมีวินัย และการควบคุม ในกลุ่มทดลองจะมีวิธีการนํ าเอาการจัดการเชิ งวิทยาศาสตร์มาใช้ เช่ น การ (Rules, Disciplines and Control) จ่ายค่าตอบแทนไห้ ในกรณี ท่ี คนงานทํางานได้ เกินเกณฑ์ มาตรฐาน การเพิ่ม 5) หลักของความเป็ นกลางทางการบริหาร (Administrative Officials) แสงสว่างในการทํางาน การปรับอุ ณหภูมิในที่ ทํางานให้ มีความเหมาะสม 6) หลักของการเป็ นบุ คลากรของฝ่ ายบริหารและได้ รบ ั เงินเดื อนประจํา ในกลุ่มความคุมไม่มีการนํ าเอาวิธีการจัดการเชิ งวิทยาศาสตร์มาใช้ (Career Official and Fixed Salary) ซึ่ งจากการวิจัยทดลองปรากฏว่าผลผลิตที่ เกิดขึ้นจากการทํางานของทั้ งสอง กลุ่มไม่มีความแตกต่างกันซึ่ งก็ชี้ให้ เห็ นว่าวิธีการจัดการเชิ งวิทยาศาสตร์ถูก 3) ทฤษฎี การบริหารทั่ วไป (General Administrative Theory) นํ ามาใช้ ไม่ได้ ผลที่ โรงงานแห่ งนี้ > นั กทฤษฎี มีความเชื่ อว่าในการที่ จะทําให้ การทํางานขององค์การบรรลุเป้ าหมาย ้ ้ เมโยได้ ข้อสรุ ปที่ สํ าคัญเกี่ยวกับพฤติกรรม >>> ซึ่ งจากการวิจัยทดลองครังนี นั้ น จะต้องมีการกําหนดหน้ าที่ ของคนที่ เป็ นผู ้บริหารและหลักการบริหารงานเพื่อใช้ ้ มนุ ษย์ ในการทํางาน ดั งนี เป็ นแนวทางในการปฏิ บัติงาน 1) ปั จจัยทางด้ านกายภาพ หรือวิธีการบริหารงานแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ > นั กทฤษฎี ท่ี นํ าเสนอทฤษฎี นี้ประกอบด้ วย เป็ นตัวกําหนดปริมาณผลผลิต ปั จจัยที่ เป็ น 1) Henri Fayol : Planning Organizing Leading Controlling ตัวกําหนดปริมาณผลผลิต คือ ปั จจัยทางด้ านสั งคม :14 Principles of Management 14 หลัก แข่งขันได้ 2) พฤติกรรมการทํางานของคนงานถูกกําหนดโดยระบบการให้ รางวัล และ 2) Luther Gulick and Lyndal Urwick : "POSDCoRB" & การลงโทษทางสั งคม ไม่ใช่ การให้ รางวัลและการลงโทษทางเศรษฐกิจ Planning Organizing Staffing Directing Cooperating Reporting Budgeting 3) ผู ้นําของกลุ่มที่ เป็ นทางการ และกลุ่มที่ ไม่เป็ นทางการ จะมีบทบาทในการ บังคับใช้ และสร้างปทั สถานของกลุ่มที่ เป็ นทางการ และไม่เป็ นทางการ 4) กลุ่มจะมีอิทธิ พลต่อพฤติกรรมของบุ คคล 5) ควรที่ จะมีการแสวงหาภาวะผู้นําแบบต่างๆ เพื่อให้ ได้ ผู้นําที่ เหมาะสมกับ & && 2 แนวคิดการบริหารแบบพฤติกรรมศาสตร์ ภารกิจขององค์การอย่างแท้ จริง เนื่ องจากภารกิจขององค์การ แต่ละองค์การ (Behavioral Management Approach) จะมีความแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งองค์การ ทฤษฎี องค์การเชิ งพฤติกรรมศาสตร์เป็ นการจัดการที่ มุ่งลักษณะผลกระทบของ แต่ละบุ คคล และพฤติกรรมของกลุ่มในองค์การ โดยการศึ กษาทฤษฎี กลุ่มนี้ & ครอบคลุม ทฤษฎี และแนวความคิดของนั กทฤษฎี ท่ี สํ าคัญ ได้ แก่ 1) Hawthorne Studies (Elton Mayo) การศึ กษา classic > พฤติกรรม 2) Maslow’s Human Needs Theory ความต้องการ Jum 3) McGregor’s X and Y Theories ลักษณะคน Classi tes Contro & หา ห กกา · ⑩ One best Why Interventio ไ ม Interventi -เ น - บืนท & - ักท ง แ ่ พฤ กรรม · = ( ไ มี นั ต่ ลั ม่ ม่ งิ ต่ ำ ำ ติ && f 3 แนวคิดการบริหารเชิ งปริมาณ (Quantitative Approach) &&& 5. แนวคิดการบริหารสมัยใหม่ (Modern Approach) ้ ่ สองโดยนั กวิชาการชาว การบริหารเชิ งปริมาณเกิดขึ้นช่ วงสงครามโลกครังที เนื่ องมาจากความสลับซั บซ้ อนใน การบริหารงานมีมากขึ้น ตลอดจนสิ่ ง อังกฤษจํานวนหนึ่ ง แวดล้อมขององค์การสมัยใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงได้ มี ประกอบด้ วย นั กคณิ ตศาสตร์ นั กฟิ สิ กส์ และอื่นๆ ได้ รวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหา การนํ าเสนอทฤษฎี การบริหารสมัยใหม่ ทางสงคราม เป็ นการจัดการซึ่ งนํ าเทคนิ คทางคณิ ตศาสตร์ เครื่องมือสถิ ติและข้อมู ลมาใช้ ใน 1. ทฤษฎี ชิงระบบ (System Theory) เห็ นภาพรงม การแก้ปัญหาทางการจัดการ โดยใช้ หลักการที่ สํ าคัญ คือ 2. การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Mangemen) 3. องค์การแห่ งการเรียนรู ้ (Learning Organization) 1) การรบริหารศาสตร์ (Management Science) 2) การบริหารปฏิ บัติการ (Operations Management) 1. ทฤษฎี เชิ งระบบ (System Theory) 3) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information Systems) เป็ นทฤษฎี ท่ี ทําให้ นักบริหาร สามารถที่ จะมองเห็ นภาพรวมขององค์การ ทั้ งหมดตามหน้ าที่ ที่ สั มพันธ์ กับสิ่ งแวดล้อม 1) การบริหารศาสตร์ (Management Science) โดยพิจารณาองค์การในลักษณะระบบนั้ นจะก่อให้ เกิดการวิเคราะห์ และ ยืดหลักการที่ มุ่งเพิ่มความมีประสิ ทธิ ผลในการตัดสิ นใจ จากการใช้ ตัวแบบทาง การแก้ไขปั ญหาขององค์การทั้ งระบบ คณิ ตศาสตร์** และ วิธีการเชิ งสถิ ติ ** ซึ่ งแพร่หลายอย่างรวดเร็ว อันเนื่ องจากความก้าวหน้ าด้ านคอมพิวเตอร์ ที่ สามารถ 2. การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Managemen) TQM วิเคราะห์ ข้อมู ลได้ อย่างสลับชั บช้ อนมากขึ้น ทฤษฎี การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management) ความสํ าคัญไปที่ ความรับผิดชอบต่อการผลิตหรือการให้ บริการที่ มีคุณภาพ 2) การบริหารปฏิ บัติการ (Operations Management) ร่วมกันกระตุ้นให้ คนทํางานแต่ละฝ่ ายมุ่งพัฒนาคุณภาพของงาน มีพันธะ ยึดหลักการที่ เน้ นการบริหารกระบวนการผลิตและการให้ บริการขององค์การให้ มี ผู กพันกับองการค์ ประสิ ทธิ ภาพ ประกอบด้ วย การกําหนดตารางการทํางาน การวางแผนการผลิต แนวคิดนี้ เริ่มต้นในอเมริกา และ W. Edwards Deming (2001) ได้ นํามา การอกแบบอาคารสถานที่ ตลอดจนการประกันคุณภาพ โดยอาศั ยเครื่องมือต่างๆ พัฒนาใช้ ในญี่ปุ่ น โดยกําหนดหลัก 15 ประการเพื่อพัฒนาคุณภาพของงาน ในการบริหารงาน เช่ น ขึ้น โดยเชื่ อว่าเป็ นสิ่ งที่ นั กบริหารโดยเฉพาะในระดั บสู ง เทคนิ คการทํานายอนาคต (forecasting) มาตรฐาน การวิเคราะห์ รายการ (inventory analysis) ให้ มีพันธะผู กพันระยะยาว เพื่อปรับปรุ งผลผลิตและการบริการ ตัวแบบเครือข่ายการทํางาน (networking models) ให้ นําปรัชญาใหม่ๆ มาใช้ ในการปรับปรุ งคุณภาพ ตลอดจนเทคนิ คการวางแผนและการควบคุมโครงการ (project planning and สร้างคุณภาพกับผลผลิตเป็ นอันดั บแรก controlling techniques) สร้างความจงรักภักดี และความเชื่ อถื อระยะยาว ปรับปรุ งระบบการผลิตและการให้ บริการอยู่เสมอ 3) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System) ให้ มีการอบรมบุ คลากร ยึดหลักการที่ เน้ นการออกแบบและการนํ าเอาระบบข้อมู ลสารสนเทศมาประกอบ ให้ มีสภาวะความเป็ นผู ้นํา การตัดสิ นใจ โดยอาศั ยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ เพื่อการบริหารผลิตข้อมู ล (data) และสารสนเทศ (information) ที่ เป็ นประโยชน์ ต่อผู้บริหารทุกระดั บ ขจัดบรรยากาศแห่ งความกลัว ทํางานด้ วยความเป็ นสุ ข & && ขจัดอุ ปสรรคระหว่างหน่ วยงานเพื่อความเป็ นที ม 4 แนวคิดการบริหารตามสถานการณ์ (CONTINGENCY APPROACH) ขจัดคําขวัญหรือคําชั กชวนเพื่อให้ ปรับปรุ งคุณภาพ เพราะอาจเป็ นสาเหตุให้ คุณภาพและการผลิตตกต่า ้ ยกว่าแนวทางสถานการณ์ ไม่มีชุดหลักการจัดการ (กฎ) ที่ ใช้ ได้ ท่ั วไป บางครังเรี ขจัดการใช้ มาตรฐานการทํางานและเป้ าหมายเชิ งปริมาณกับระดั บล่าง แต่ใช้ ในการจัดการองค์กร องค์กรต่างๆ กันเป็ นรายบุ คคล เผชิ ญกับสถานการณ์ ต่างๆ ภาวะผู ้นําแทน กัน (continency variables) และต้องการวิธีการจัดการต่างๆ กัน เปลี่ยนจุดเน้ นจากมุ่งปริมาณเป็ นมุ่งคุณภาพ Katz and Rosenzweig (1984) มีแผนงานให้ การศึ กษาและการพัฒนาตนเอง ให้ ยึดถื อการเปลี่ยนแปลงเป็ นภารกิจแห่ งตน **การเลือกใช้ หรือ บู รณาการแนวคิดทั้ ง 3 ยุ คตามสถานการณ์ ** 1. แนวคิดการบริหารแบบดั้ งเดิ ม (Classical Approach) 3. องค์การแห่ งการเรียนรู ้ (Learning Organization) 2. แนวคิดการบริหารแบบพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Management Peter Senge (1990) wis Massochusetts Institute of Technology Approach) กล่าวว่า องค์กรแห่ งการเรียนรู ้ คือ สถานที่ ซึ่ งทุกคนสามารถขยายศั กยภาพ 3. แนวคิดการบริหารเชิ งปริมาณ (Quantitative Approach) ของตนเองได้ อย่างต่อเนื่ อง สามารถสร้างผลงานตามที่ ตั้งเป้ าหมายไว้ เป็ นที่ ซึ่ งเกิดรู ปแบบการคิดใหม่ๆ หลากหลายมากมาย ที่ ซึ่ งแต่ละคนมีอิสระที่ จะ สร้างแรงบันดาลใจ และเป็ นที่ ซึ่ งทุกคนต่างเรียนรู ว้ ิธีการเรียนรู ร ้ ว่ มกัน องค์การการเรียนรู จ้ ะมีการแก้ปัญหาเป็ นระบบ ทดลองความรู ใ ้ หม่ เรียน จากประสบการณ์ ในอดี ต ผู ้บริหารต้องพยายามสร้างองค์การการเรียนรู ้ สร้างสภาพแวดล้อมส่ งเสริมการเรียนรู ้ สนั บสนุ นการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ข้อมู ล เศรษฐศาสตร์ หมายถึ ง การตัดสิ นใจเลือกใช้ ทรัพยากรที่ มีอยู่อย่างจํากัด สามารถ ใช้ ประโยชน์ ได้ หลายทาง มาใช้ ผลิตสิ นค้าและบริการอย่างประหยัดที่ สุ ดหรือ อย่างมีปะสิ ทธิ ภาพสู งสุ ด การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิ ทธิ ภาพเพื่อให้ เกิด ความพอใจสู งสุ ดแก่สังคม สิ่ งที่ สนใจ / มุ่งเน้ น ในทางเศรษฐศาสตร์ คือ ความจํากัดของทรัพยากรที่ มีอยู่ (scarcity) สวัสดิ การทางเศรษฐกิจของคนในสั งคม หรือ ความอยู่ดีกินดี คนในสั งคม เศษฐศาสตร์สาธารณสุ ข เศษฐศาสตร์สาธารณสุ ข คือ ศาสตร์ท่ี ศึ กษาแนวทางการจัดสรรทรัพยากรด้ าน สุ ขภาพ (health resources) และกระจายบริการสุ ขภาพ (health senices) ใน สั งคมหนึ่ งๆ โดยมีจุดประสงค์ท่ี จะส่ งเสริมความเข้าใจประเด็ นทางสุ ขภาพในทาง เศรษฐศาสตร์ รวมทั้ งเสนอแนะนโยบายและการปฏิ บัติท่ี เหมาะสมแก่ประเด็ น เหล่านั้ น (Follan et.al. 1997) หลากหลา บริการสุ ขภาพมีลักษณะพิเศษ 5 ประการ (PHELPS, 1997) 1 มีส่วนประกอบหลักที่ เป็ นความรู ้ Knowledge & Information 2 เผชิ ญกับความไม่แน่ นอน Uncertainty 3 เกิดผลกระทบภายนอก Externality 4ไม่สามารถแบ่งย่อยได้ Indivisibility 5 มีการแทรกแซงจากรัฐ Government involvement

Use Quizgecko on...
Browser
Browser