รวมเล่มปี 1 PDF
Document Details
![NiceHexagon](https://quizgecko.com/images/avatars/avatar-16.webp)
Uploaded by NiceHexagon
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
Tags
Related
- Digital Citizenship (المواطنة الرقمية) PDF
- Media and Information Literacy (2nd Quarterly) PDF
- ICT as Platform for Change PDF
- MIL-Chapter-1.-The-Language-of-Literacy PDF
- Legal, Ethical, and Societal Issues in Media and Information Literacy PDF
- Oxford International Primary Computing Student Book 7 - Use Content Responsibly - PDF
Summary
เอกสารนี้เป็นคู่มือการเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy) สำหรับนักศึกษาปี 1 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น สิทธิความรับผิดชอบยุคดิจิทัล การเข้าถึงดิจิทัล และอื่นๆ
Full Transcript
1 โครงการยกระดับความสามารถดานดิจิทัลนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ อบรมเนื้อหาการเขาใจดิจิทัล (Digital Literacy) นักศึกษาชั้นปที่ 1 พัฒนาโดย ค...
1 โครงการยกระดับความสามารถดานดิจิทัลนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ อบรมเนื้อหาการเขาใจดิจิทัล (Digital Literacy) นักศึกษาชั้นปที่ 1 พัฒนาโดย คณะกรรมการพัฒนาความรูและทักษะดานดิจิทัล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ การเขาใจดิจิทัล (Digital Literacy) 01 สิทธิความรับผิดชอบยุคดิจิทัล (Digital Right) ประกอบไปดวยเนื้อหาทั้ง 9 สวน 02 การเขาถึงดิจิทัล (Digital Access) 03 การสื่อสารยุคดิจิทัล (Digital Communication) 04 ความปลอดภัยยุคดิจิทัล (Digital Safety) 05 การรูเทาทันสื่อและสารสนเทศ (Media and Information Literacy 06 มารยาทในสังคมดิจิทัล (Digital Etiquette) 07 สุขภาพดียุคดิจิทัล (Digital Health) 08 ดิจิทัลคอมเมิรซ (Digital Commerce) 09 กฎหมายดิจิทัล (Digital Law) 2 3 หัวขอที่ 1 สิทธิความรับผิดชอบยุคดิจิทัล (Digital Right) สิทธิความรับผิดชอบยุคดิจิทัล (Digital Right) 01 คําจํากัดความสิทธิและเสรีภาพ 02 ความเขาใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองดิจิทัล 03 การเขาใจความรับผิดชอบในโลกออนไลน 04 แนวโนมการใชสื่อสังคม (Social Media) ในปจจุบัน 05 ปญหาและผลกระทบจากการเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการสื่อสาร 06 ผลการวิเคราะหการประยุกตสิทธิ์และความ รับผิดชอบที่ใชกับชีวิตประจําวัน 4 5 1. คําจํากัดความสิทธิและเสรีภาพ คําจํากัดความสิทธิและเสรีภาพ สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไทย “ สิทธิ ” หมายถึง ความสําเร็จหรือ “บุคคลยอมมีเสรีภาพบริบูรณในการนับถือศาสนาหรือ อํานาจที่จะ กระทํา การใด ๆ ไดอยางอิสระ ลัทธิใด ๆ และมีเสรีภาพในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความ โดยไดรับการรับรองจากกฎหมาย” เชื่อของตน เมื่อไมเปนปฏิปกษตอหนาที่ของพลเมืองและ "เสรีภาพ” หมายถึง อํานาจตัดสินใจ ไมเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมของ ดวยตนเองของมนุษยที่จะเลือกทําเปน ประชาชน” และ “ภายในบังคับแหงกฎหมาย บุคคล พฤติกรรมของตนเอง ยอมมีเสรีภาพบริบูรณในรางกาย เคหสถาน ทรัพยสิน โดยไมมีบุคคลอื่นใดอางหรือใชอํานาจ การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การ แทรกแซงเกี่ยวของกับการตัดสินใจนั้น ประชุมโดยเปดเผย การตั้งสมาคม การอาชีพ ” 6 2. ความเขาใจในเรือ่ งสิทธิเสรีภาพของพลเมืองดิจิทัล เครือขายสังคมออนไลน เชน Facebook LINE YouTube Instagram และ Twitter เปนตน ประชาชนสื่อสารกันไดอยางสาธารณะไมวาจะเปนรูปแบบขอความ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว เชน การสรางขอความสาธารณะเพื่อบอกสถานะหรือกิจกรรมทํากําลังกระทําอยู เปนตน การนําเสนอขอมูลสวนตัวลงในพื้นที่สาธารณะโดย ขาดความตระหนักจะนํามาสูภัย อันตรายได อยางไมคาดคิด อาจละเมิดสิทธิบุคคลอื่นทั้งตั้งใจและไมตั้งใจ 7 ปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) “บุคคล มีสิทธิในเสรีภาพแหงความเห็นและการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะยึดมั่นในความเห็น ปราศจากการสอดแทรก และที่แสวงหาตลอดจนแจงขาว รวมทั้งความคิดเห็นผานสื่อใดๆ และ โดยมิตองคํานึงถึงเขตแดน” และ “บุคคลมีหนาที่ตอประชาคมอันเปนที่เดียวซึ่งบุคลิกภาพของ ตนจะพัฒนาไดอยางเสรีและเต็มความสามารถ” ดังนั้น ในการใชสิทธิและเสรีภาพ โดยบุคคล ตองอยูภายใตขอกําหนดแหงกฎหมายเพื่อใหไดมาซึ่งการยอมรับและการเคารพโดยชอบแก สิทธิเสรีภาพของผูอื่น กลุมเยาวชนถือวามีความเสี่ยงตอการถูกหลอกจาก ขอความลอลวง หรือกลโกงทางออนไลน ดังนั้น จึงมีการคุมครองสิทธิสําหรับกลุมเด็กและเยาวชนอยูใน “อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กของ สหประชาชาติ ซึ่งกลาววา การกระทําผิดในรูปแบบการคาเด็ก หมายถึง การกระทําที่เด็กถูกสง มอบโดยบุคคลหรือกลุมบุคคลไปยังอีกบุคคลหรือกลุมบุคคลเพื่อคาตอบแทนหรือผลประโยชน หรือการคาประเวณีเด็กและสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก ความเขาใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองดิจิทัล 8 พลเมืองดิจิทัล คือ พลเมืองผูใชงานสื่อดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน ที่เขาใจถึงการปฏิบัติตัวให เหมาะสม และมีความรับผิดชอบในการใชเทคโนโลยี เครือขายสังคมออนไลนมีหลากหลายชองทาง เชน Facebook LINE YouTube Instagram และ Twitter เปนตน สื่อสารกันไดอยางสาธารณะดวย รูปแบบขอความ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว ผูใชงานควรมีการเรียนรูการตั้งคาเกี่ยวกับความเปนสวนตัว การกําหนดขอบเขตการเขาถึงพื้นที่สวนตัวของตนเองได ***คุณไมควรดูขอมูลสวนตัวของผูอื่น ***และสามารถแสดงออกไดตามที่สิทธิและไมรบกวนผูอื่น 9 3. การเขาใจความรับผิดชอบในโลกออนไลน สื่อสามารถแบงไดเปน 2 ประเภท ไดแก สื่อดั้งเดิม (Traditional Media) หมายถึง สื่อที่ผูสงสารทําหนาที่สงสารไปยังผูรับสารไดทางเดียว ที่ผูรับสารไมสามารถติดตอกลับไปทางผูสงสารได เชนหนังสือพิมพวิทยุโทรทัศนภาพยนตร สื่อใหม (New Media) หมายถึง สื่อที่เอื้อใหผูสงสารและผูรับสารทําหนาที่สงสารและรับสารไดพรอม กันเปนการสื่อสารสองทาง และสื่อยังทําหนาที่สงสารไดหลายอยางรวมกัน คือ ภาพเสียง และขอความไป พรอมกัน 10 ปจจุบันเทคโนโลยีไดพัฒนาอยางตอเนื่องทําใหเกิดกระแสของสื่อแนวใหมขึ้น นั่นคือ สื่อประสม (Multimedia) ซึ่งหมายถึงการใชคอมพิวเตอรรวมกับโปรแกรมประยุกตในการสื่อ ความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด เชน ขอความ กราฟกภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดิทัศน สื่อประสมเชิงโตตอบ การโตตอบของผูใชสามารถจะกระทําไดโดยผานทางแผงแปนอักขระ เมาส หรือตัวชี้ เปนตน และเมื่อผนวกสื่อดั้งเดิมเขากับสื่อออนไลนและสื่อประสม ซึ่งทําใหรูปแบบการ นําเสนอสื่อใหม เชน หนังสือ E-book นิตยสารออนไลน แบบเรียนออนไลน โฆษณาแผนพับที่ ปจจุบันอยูในรูปแบบของ “ แบนเนอร” (Banner) บนเว็บไซตตาง ๆ เปนตน ทั้งนี้หากแบงตามประเภทเนื้อหาสื่อ (Mass Media Content) สามารถแบงประเภทไดดังนี้ ขาว (News) การประชาสัมพันธ (Public Relations) การโฆษณา(Advertising) ความบันเทิง (Entertainment) 11 สื่อสังคมออนไลนปจจุบันสามารถแบงประเภทหลักไดดังนี้ 1) Weblogs หรือ Blogs 2) Social Networking 3) Micro Blogging Online Video เปนเว็บไซตที่ใหบริการดานหรือที่เรียกกันวา “บล็อกจิ๋ว” 4) วิดีโอออนไลน 5) Photo Sharing เปนเว็บไซตที่เนนบริการฝากรูปภาพโดยผูใชบริการสามารถอัปโหลด (Upload) และดาวนโหลด (Download) 6) Wikis เปนเว็บไซตที่มีลักษณะเปนแหลงขอมูลหรือความรู (Data / Knowledge) 7) Worlds คือการสรางโลกจินตนาการผานการจําลองสวนหนึ่งของชีวิตจัดเปนสื่อสังคมออนไลนใชเพื่อ สื่อสารระหวางกันบนอินเทอรเน็ตในลักษณะโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) 12 8) Crowd Sourcing ใชหลักการขอความรวมมือจากบุคคลใน เครือขายสังคมออนไลนโดยจัดทําในรูปของเว็บไซตที่มี วัตถุประสงคหลักเพื่อคนหาคําตอบและวิธีการแกปญหาตาง ๆ 9) Podcasting หรือ Podcast หมายถึงบริการดานบันทึกภาพ และเสียงแลวนํามาไวในเว็บเพจ (Web Page) 10) Discuss / Review / Opinion เปนลักษณะเว็บบอรดที่ผูใช อินเทอรเน็ตสามารถแสดงความคิดเห็นโดยอาจจะเกี่ยวกับ สินคาหรือบริการประเด็นสาธารณะทางการเมืองเศรษฐกิจ สังคมเชน Epinions, Moutshut, Yahoo! Answer, Pantip, Yelp เปนตน 13 ประเภทของสื่อออนไลนสามารถแบงไดออกเปน 4 ประเภทดังนี้ 1) Paid Media หมายถึง สื่อที่จายเงินเพื่อใหไดพื้นที่ในการสื่อสารเชน Google AdWords 2) Owned Media หมายถึง สื่อที่องคกรหนวยงาน บริษัท หรือบุคคลนั้นเปนคนสรางขึ้นเอง 3) Earned Media หมายถึง พื้นที่ซึ่งผูรับสารหรือผูบริโภคกลายเปนชองทางในการพูดถึง เชน การรีวิวการจัดอันดับการชวยประชาสัมพันธหรือการสงตอขอมูลอยางรวดเร็ว (Viral content) เชนการติด hashtag 4) Shared Media เนนที่กิจกรรมที่เกิดขึ้นบนสื่อสังคม (Social Media) ตารางที่ 2 ตารางเปรียบความแตกตางขององคประกอบการสื่อสารระหวางสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม 14 สื่อดั้งเดิม สื่อใหม ผูสงสาร สื่อดั้งเดิมสื่อใหมองคกรขนาดใหญเชน บุคคลหรือสื่อสารกันภายในกลุมเชน Facebook ทวิตเตอร หนังสือพิมพบุคคลทั่วไปที่สื่อสารกันระหวาง เว็บบอรด เปนตน โทรทัศนเปนตน สาร สื่อมวลชนเปนผูถูกกลั่นกรองความถูกตอง เนื้อหาความคิดเห็นสวนบุคคล และเปนเนื้อหาที่สราง ชองทางการ สื่อมวลชน ไดแก หนังสือพิมพสื่อนิตยสารสื่อ สื่ออินเทอรเน็ตเปนหลักโดยมีอุปกรณสื่อสารที่สงผานระบบ สื่อสาร วิทยุสื่อโทรทัศนเปนตน ออนไลนทางอินเทอรเน็ตไดจาํ นวนมากมายเปนเครื่องมือในการ สื่อสารเชน สมารตโฟน แท็บเล็ต เปนตน ผูรับสาร ผูรับสารไมเปนที่รูจักของผูสงสาร ผูรับสารของสื่อใหมมักเปนที่รูจักกันกับผูสงสาร (สื่อมวลชน) ปฏิกิริยาสะทอน ไมมีปฏิกิริยาสะทอนกลับไปยังผูสงสาร(การ มีปฏิกิริยาสะทอนกลับไปยังผูสงสาร กลับ สงสารทางเดียว) (การสื่อสารสองทาง) 15 4. แนวโนมการใชสื่อสังคม (Social Media) ในปจจุบัน 1) การเขาถึงแหลงขอมูลเพื่อการเรียนรูความสนใจในประเด็นตาง ๆ สื่อเพื่อการบันเทิงไดงาย 2) การเพิ่มยอดขายทางธุรกิจ 3) การเพิ่มโอกาสการมีสวนรวมทางสาธารณะการเขาถึงสังคมหมูมาก 4) แหลงการเรียนรูและคลังขอมูลที่สนับสนุนการสรางสรรค 5) การถายทอดและแชรประสบการณของแตละบุคคล 6) การสงเสริมศักยภาพและความสามารถของบุคคล 7) การสรางตัวตน (Identity) ของตัวเองในโลกออนไลน 8) การสงเสริมความรูความเขาใจและเขาถึงขอมูลที่เกี่ยวกับสุขภาพ เชนการรักษาทางไกล (Telemedicine) 16 5. ปญหาและผลกระทบจากการเทคโนโลยีดิจิทัลเพือ่ การสือ่ สาร โซเชียลเปนเครื่องมือทางอาชญากรรมกอความรุนแรงแนวโนมความเสี่ยงของการใชสื่อสังคมบนโลกอินเทอรเน็ตมีดังนี้ 1) ปญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร (Cyber Crime) การเขาถึงโดยไมไดรับอนุญาต การสรางความ เสียหายแกขอมูลการกอกวนการทํางานของระบบคอมพิวเตอร และการจารกรรมขอมูลบนคอมพิวเตอร 2) ปญหาการกลั่นแกลงทางไซเบอร (Cyberbullying) การเหยียด ลวนลาม การขมขูทางเพศ ประจาน เกิดจากพฤติกรรมการเกาะติดชีวิตออนไลนของผูอื่น (Cybers stalking) การเกาะติดชีวิต ออนไลนของผูอื่นสะทอนปญหาสุขภาพจิตและอาจผิดกฎหมาย 17 3) สภาวะทางอารมณที่เกิดจากการติดโซเชียล ใชเวลาอยูบนเครือขายสังคมออนไลนมาก เชน เฟซบุกจะไดรับผลกระทบจากความทุกข 4) ปญหาเกี่ยวกับสิทธิสวนบุคคล (Privacy) รอยเทาหรือรองรอยการกระทําในโลกดิจิทัล (Digital Footprint) โพสตไปดวยความคึกคะนอง 5) สื่อหลอกลวงดวยภาพหรือขอความที่เปนเท็จ *** นนท โอนไว *** ภาพไมตรงปก 18 การกระทําที่มีผลกระทบตอบุคคลทั้งในฐานะผูบ ริโภคและประชาชน แบงเปน 6 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทที่เกี่ยวกับการเงิน 2. ประเภทที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ 3. ประเภทที่เกี่ยวกับการเจาะระบบ 4. ประเภทที่เกี่ยวกับการกอการรายทางคอมพิวเตอร 5. ประเภทที่เกี่ยวกับสื่อลามกและอนาจาร (Pornography) 6. ประเภทที่เกี่ยวกับการลักลอบใชบริการ 6. ผลการวิเคราะหการประยุกตสิทธิ์และความรับผิดชอบที่ใชกับชีวิตประจํา19วัน จากแนวโนมการใชอินเทอรเน็ตและแนวโนมความเสี่ยงของการใชสื่อสังคมออนไลน ซึ่งมีทั้งประโยชนและ โทษแลว การแกไขปญหาในระดับบุคคล (Individual) ไดแก การใหความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการรูเทาทันสื่อ (Media and Information Literacy) การเขาใจดิจิทัล (Digital Literacy) ซึ่งปจจุบันรวมกันเรียกวา“ การรูเทาทันสือ่ สารสนเทศ และดิจิทัล เพื่อรูเทาทันและสามารถระวังภัยจากโลกออนไลนตามแนวทางของการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 การแกไข ในระดับสถาบัน ยกตัวอยางเชน สถาบันของรัฐสถาบันสือ่ มวลชน สถาบันเอกชนที่ใหบริการดานทีวีดิจิทัลและสื่ออินเทอรเน็ต สถาบันระดับ นานาชาติ ฯลฯ จะตองมีการปรับกลไกการติดตามสื่อจากบริบทเดิมมาเปน“ สื่อออนไลนหรือสื่อดิจทิ ัล” แทน สรุป การละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ไมควรกระทําทั้งในชีวิตจริงและชีวิตออนไลน เพราะไมวาจะอยูในสังคมจริง (Real World) หรือสังคมเสมือน (Virtual Society) บุคคลจะตองรับผิดชอบผลจากการกระทําของตนเอง ดวยเหตุนี้ ประชาชนควรตองมีจิตสํานึกในการเคารพสิทธิของผูอื่นไมวาจะเปนการเคารพผูอื่น ทั้งตอหนาและลับหลัง การไมละเมิดความเปนสวนตัวของผูอ ื่น รวมถึงมีความรับผิดชอบตอการอยูรวมกันในสังคม ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไดรับอยางถูกตองตามกฎหมาย 20 หัวขอที่ 2 การเขาถึงดิจิทัล (Digital Access) หนวยที่ 2 การเขาถึงดิจิทัล 01 การเชื่อมตอ (Digital Access) 02 สื่อดิจิทัล 03 การสืบคนขอมูล 04 ผลการวิเคราะหการประยุกตการเขาถึงสื่อ ดิจิทัลใชกับชีวิตประจําวัน 21 การเขาถึงสื่อดิจิทัล 22 การเขาถึงสื่อดิจิทัล คือความสามารถในการคนหาขอมูล และสารสนเทศดวยเครื่องมือทาง เทคโนโลยี สามารถใชเครื่องมือเชื่อมตออินเทอรเน็ตคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ตได ใช Search Engine ในการคนหาขอมูลไดอยางรวดเร็ว แมนยํา 1. การเชื่อมตอ 23 อินเทอรเน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือขายคอมพิวเตอรทุกเครือขายเขาดวยกัน ประเภทของการเขาถึงอินเทอรเน็ต 3. อินเทอรเน็ตตามสาย 1. การเชื่อมตออินเทอรเน็ตแบบใชสาย - ระบบอินเทอรเน็ตผานสายทองแดง แบงไดเปน ประเภท 2. การเชื่อมตออินเทอรเน็ตแบบไรสาย หลักคือ ประเภทผานระบบโทรศัพท (Dial-up) และแบบที่ใชสัญญาณโทรศัพทคูขนานกับสัญญาณ เทคโนโลยีการสื่อสารไรสาย ผานการ อินเทอรเน็ต หรือ DSL เชื่อมตอทั้งแบบ 2G, 3G, 4G และ 5G ที่ - ADSL และ VDSL เปนเทคโนโลยีที่พัฒนาตอจาก ADSL สามารถรองรับความเร็วสูงระดับ 1 Gbps โดยมีอัตราการรับสงขอมูลที่เร็วยิ่งขึ้น - อินเทอรเน็ตผานสายโทรทัศนเคเบิล - อินเทอรเน็ตผานไฟเบอรออปติก 24 นโยบายการใชอยางยุติธรรม (Fair Usage Policy; FUP) คือ นโยบายการใชอินเทอรเน็ต ความเร็วสูงอยางยุติธรรม และยึดถือเปนมาตรฐานสากล ไดแก การกําหนดปริมาณขอมูลสูงที่สุดที่ผูใชแตละราย จะไดรับในแตละเดือนขึ้นอยูกับ ราคาที่ ผูใชบริการจายตอเดือน 2. สื่อดิจิทัล 25 สื่อที่คอมพิวเตอรสามารถจัดเก็บและจัดการได เชน เสียง วิดีโอ ภาพถาย หนังสืออิเล็กทรอนิกส วิถีชีวิตดิจิทัล (Digital เทคโนโลยีการเชื่อมตอ ระบบระบุพิกัด (Location Service) Lifestyle) ที่นํา ดวยบลูทูธ (Bluetooth) คือ การบอกตําแหนงทางภูมิศาสตร โดย เทคโนโลยีดิจิทัลมา เปนเทคโนโลยีการสื่อสารไร ใชอุปกรณพกพา บริการที่เกิดขึ้น เชน ผสานเขากับการใชชีวิต สายรูปแบบเครือขายสวน การเรียกแท็กซี่ รถพยาบาล การคนหา ในประจําวัน บุคคล (Personal Area ธนาคารหรือรานอาหารตาง ๆ ปจจุบันมี 2 เทคโนโลยี คือ Networks-PAN) 1) ระบบระบุตําแหนงบนพื้นโลกของ สหรัฐอเมริกา 2) ระบบทางน้ําผานดาวเทียมสากล ของรัสเซีย สื่อดิจิทัลชนิดตาง ๆ 26 1. เสียงดิจิทัล เชน ระบบอานตัวอักษรเปนเสียง 2. การรูจําเสียง (Speech Recognition) คือ ระบบพิมพขอความดวยเสียง (Voice Input) และ ระบบผูชวยสวน บุคคล (Virtual Assistant) 3. การจําหนายเพลงลิขสิทธิ์ผานชองทางดิจิทัล 4. การสตรีมมิ่งเพลงออนไลน (Music Streaming) ไดแก Apple Music,Joox,Spotify และ TIDAL 5. วิดีโอดิจิทัล รูปแบบไฟลนามสกุลตางๆ ดังเชน นามสกุล MP4, AVI, WMV 6. ดิจิทัลวิดีโอสตรีมมิ่ง (Digital Video Streaming) แบงออกเปน 3 รูปแบบ บริการรับฝากวิดีโอ นี้ เชน YouTube, Vimeo, Daily Motion บริการถายทอดสดออนไลน (Livestream) บริการภาพยนตรออนไลน เชน Netflix, iflix, Amazon Prime Videos 7. การถายทอดสดทางออนไลน (Livestream) เชน Facebook Live, Periscope, Twitch หรือ YouTube Live สื่อดิจิทัลชนิดตาง ๆ (ตอ) 27 8. ภาพถายดิจิทัล (Digital Photography) ผูใชสามารถนําภาพที่ไดมาตัดตอ หรือมาปรับแตงตามตองการ 9. หนังสืออิเล็กทรอนิกส (eBook) อื่นๆ เชน Apple Books, Barnes and Noble, Google Play Books หรือ Kobo เปนตน 10. จดหมายอิเล็กทรอนิกส (Email) 11. ระบบสงขอความทันใจ (Chat) 12. การโทรทางอินเทอรเน็ต (Internet Calling) ปจจุบัน ผูใหบริการดานการโทรทางอินเทอรเน็ต มีหลายราย เชน Skype Google Voice LINE Viber เปนตน 13. การประชุมทางไกลผานวิดีโอ (Video Conference) ตัวอยางบริการ เชน Skype, Google Hangouts, Zoom หรือ Apple FaceTime เชน ของ Google Hangouts Meet รูปภาพหนาจอของแอปพลิเคชัน Google Maps 3. การสืบคนขอมูล 28 การคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ต (Search Engine) ประเภทการคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ต 1. ระบบการคนหาขอมูลที่อาศัยการดึงขอมูลจากเนื้อหาบนเว็บไซต (ที่เรียกวา Web-crawler หรือ Spider) ตัวอยางของระบบการคนหา กลุมนี้คือ Google, Bing และ DuckDuckGo เปนตน 2. สารบัญเว็บ (Web Directory) 3. ระบบการคนหาที่อิงจากปายที่ระบุของเว็บไซต (Meta Search Engine) การสืบคนขอมูลดิจิทัล 29 การคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ต (Search Engine) เทคนิคการสืบคนขอมูล เวนวรรค เพื่อชวยใหการคนหา กรณีที่ตองการหาที่มีคําคนหามากกวาหนึ่ง ผูใชสามารถใช เวนวรรคเพื่อระบุถึงคําคนหาที่มากกวา 1 คํา ได ประโยชน ดิจิทัล ขอสอบ 30 การสืบคนขอมูลดิจิทัล การคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ต (Search Engine) ถาตองการคนหาวลีนั้นทั้งวลี ใชเครื่องหมายคําพูดครอบคําคนหาได เชน ถาหากตองการคนหาคําวา “อินเทอรเน็ตเพื่อการศึกษา” การสืบคนขอมูลดิจิทัล 31 การคนหาขอมูลในอินเทอรเน็ต (Search Engine) 32 4 ผลการวิเคราะหการประยุกตการเขาถึงสือ่ ดิจิทัลใชกับชีวิตประจําวัน สําหรับประเทศไทยนั้น มีแนวโนม ในการใชงานสื่อดิจิทัลที่สูงมากขึ้น ถาหากอางอิง จากผลการสํารวจพฤติกรรมทางดิเล็กทรอนิกส (องคการมหาชน) หรือ สพธอ. ในป พ.ศ.2561 พบวา ประชาชนไทยใช อินเทอรเน็ตเปนระยะเวลาโดยเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง 5 นาทีตอวัน ซึ่งสูงกวาป พ.ศ.2560 ถึง 3 ชั่วโมง 41 นาที สรุป 33 การเขาถึงสื่อดิจิทัล นั้นสามารถแบงออกเปน 2 หัวขอหลัก คือดานการเชื่อมตอ และดานบริการ การเชื่อมตอ ประกอบไปดวย อินเทอรเน็ตตามสาย เชน อินเทอรเน็ตตามสายโทรศัพท และอินเทอรเน็ต ตามสายไฟเบอร อินเทอรเน็ตไรสายไรสาย อยาง วายฟาย หรือ อินเทอรเน็ตบนโทรศัพทมือถือ บลูทูท และระบบระบุ พิกัด เปนตน ดานบริการ ที่สามารถสื่อออกมาทั้งในรูปแบบตัวอักษร ภาพ เสียง เชน เสียงดิจิทัล การสตรีมมิ่งเพลง ออนไลน วิดีโอดิจิทัล การถายทอดสดทางออนไลน หนังสืออิเล็กทรอนิกส จดหมายอิเล็กทรอนิกส ระบบสงขอความ ทันใจ การโทรทางอินเทอรเน็ต การประชุมทางไกลผานวิดีโอ รวมไปถึงการคนหาขอมูลและสถานที่ในอินเทอรเน็ต 34 หัวขอที่ 3 การสื่อสารยุคดิจิทัล Digital Communication 1. พื้นฐานการสื่อสาร 35 การสื่อสารเปนปจจัยสําคัญในการดํารงชีวิต เนื่องจากมนุษยมีลักษณะอยู รวมกันเปนกลุม หรืออยูรวมกับบุคคลอื่น ดังที่ อริสโตเติล นักปราชญชาวกรีก 1.พื้นฐาน ไดกลาววา มนุษยเปนสัตวสังคม (Social Animal) การสื่อสาร ดังนั้น การสื่อสารจึงเปนกิจกรรมสําคัญ และเกิดขึ้นอยูตลอดเวลาภายใน สังคมมนุษย การสื่อสารเปนกระบวนการสําคัญที่ทําใหสังคมพัฒนาหรือ เจริญกาวหนา ผานทางการ ถายทอดและการแบงปนองคความรู ภูมิปญญา ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี จากบุคคลหนึ่งไป สูบุคคลหนึ่ง การสื่อสารทําใหมนุษยมีความรูและเปดโลกที่กวางขึ้น จึงทําให มนุษย สามารถ สืบทอดพัฒนา เรียนรู และสรางวัฒนธรรมของตนและสังคมได ซึ่ง ถือไดวาการสื่อสาร เปนปจจัย ขับเคลื่อนที่จะสามารถบงชี้ระดับการพัฒนา การสังคมในทุกดาน 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 36 กระบวนการที่ใชทักษะในการวิเคราะหผูรับสารและสงสารใหมี ความเหมาะสมกับ ระดับของการสื่อสารของแตละบุคคล ผานชองทางในการสื่อสารตาง ๆ ในที่นี้คือ สื่อดิจิทัล ทําใหเกิดการแลกเปลี่ยนสาร เชน ขอความ ภาพ เสียง เปนตน เพื่อใหผูรับ การสื่อสาร สารเขาใจสาร ที่ตามจุดประสงคของผูสงสารตั้งใจ ดิจิทัล รูป 1 องคประกอบหลักของกระบวนการสื่อสาร (วาดโดย สุภาภรณ เกียรติสิน) 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 37 1. ผูสงสาร คือ ผูเปนเจาของสาร สารสนเทศ หรือขอความ ที่จะตองการสงสาร ของตัวเอง ไปยังผูรับสาร องคประกอบหลัก 2. สาร คือ เนื้อหาที่ตองการสื่อความหมายไปยังผูร ับสาร ซึ่งผูรับสารเมื่อไดรับ สาร ของกระบวนการสื่อสาร ดังกลาวอาจเกิดปฏิกริยาสะทอนกลับ เชน ปฏิบัติตามเนื้อสาร เกิดความสนใจ เกิดการ ประกอบดวย 5 สวน เรียนรู เกิดการโตแยง เปนตน 3. ชองทางการสื่อสาร คือ ชองทางที่นําสารไปยังผูรับสาร ชองทางสื่อสารดั้งเดิม เชน สื่อ บุคคล สื่อสิ่งพิมพ สื่อโทรศัพท สื่อวิทยุ เปนตน ชองทางสื่อดิจิทัล เชน สื่ออินเทอรเน็ต สื่อ สังคมออนไลน สื่อชุมชนออนไลน เปนตน 4. ผูรับสาร คือ เปาหมายที่ผูสงสารตองสื่อสารความหมายใหไปถึง ซึ่งเปนบุคคล หรือกลุม คน 5. ปฏิกิริยาสะทอนกลับ คือ ปฏิกิริยาตอสารที่ผูสงสารสงมา โดยผูรับสารสามารถ มี ปฏิกิริยาทางบวก หรือทางลบก็ไดหลังจากไดรับสารไปแลว 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 38 การสื่อสารจัดเปนกิจกรรมสําคัญที่มนุษยใชในการดํารงชีวิตประจําวัน ซึ่งกอใหเกิด ความสัมพันธระหวางบุคคลและสังคม มีผลกระทบตอ ความสําคัญของ ความสัมพันธระหวางบุคคลและสังคมทั้ง ทางตรงและทางออม อีกทั้งยังเปน ปจจัยสําคัญตอการพัฒนาของสังคมและเจริญกาวหนาในดาน ตาง ๆ ทั้งใน การสื่อสาร ดานบุคคล สังคม คุณธรรม จริยธรรม นวัตกรรม เปนตน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ คือ การที่ผูสงสารไดสงสารไปยังผูรับสารให เขาใจ ความหมายของสารมากที่สุด หรือเกิดปฏิกิริยาสะทอนกลับตามที่ผูสง สารตั้งเปาหมายไวภายใต สภาพแวดลอมและสิ่งรบกวนกวนตาง ๆ 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 39 1. เพื่อแจงใหทราบ (Inform) ในการทําการสื่อสาร เชน การชี้แจง การเลาขาว เหตุการณหรือเรื่องราว เปนตน 2. เพื่ออบรม สอน หรือถายทอดวิชาความรู (teach for education) เพื่อใหผูรับสาร มีพัฒนาการดานความรูเพิ่มเติมขึ้น วัตถุประสงคในการ 3. เพื่อสรางความพอใจ หรือใหความบันเทิง (please of entertain) โดยสามารถสง สื่อสารที่แตกตางกัน สารทั้งในรูปแบบคําพูด ขอความ กิริยาหรือทาทาง เพือ่ ใหผูรับสารเกิดความบันเทิง 4. เพื่อเสนอ โนมนาว หรือชักจูงใจ (propose or persuade) มีจุดประสงคเพื่อใหผูรับ สารมีความคลอยตามจนยอมปฏิบตั ิตามสิ่งที่ผูสงสารตองการ เชน การเสนอแนะสินคา เปนตน 5. เพื่อแสวงหาความรู หรือเรียนรู (learn) เกี่ยวของกับสารที่มีเนื้อหาที่เปนสาระ ความรู ที่ผูรับสารตองการเรียนรู และรวมถึงกระบวนการท าความเขาใจบทเรียนตาง ๆ 6. เพื่อกระทําหรือตัดสินใจ (dispose or decide) เปนการสื่อสารที่ใหขอมูล ขอเสนอแนะหรือชักจูง เพื่อใหผูรับสารตัดสินใจเลือกปฏิบัติหรือกระทําการอยางใดอยาง หนึ่ง 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 40 การสื่อสารนั้นขึ้นอยูกับปจจัยทั้งหมด 2 ปจจัย กลาวคือ ปจจัยดาน เวลา และปจจัยดานสถานที่ ดังนี้ รูปแบบการสงสาร ปจจัยดานเวลา หมายถึง การสื่อสารระหวางผูร ับสารและผูสง สารโดยมีการสงสารผานชองทางภายในชวงเวลา เดียวกัน (Synchronous) กับการสื่อสารระหวางผูรับสารและผูสงสารในชวงเวลาที่ แตกตางกัน (Asynchronous) ปจจัยดานสถานที่ หมายถึง การสื่อสารระหวางผูรับสารและผูสง สารอยูใ นสถานที่เดียวกัน (In-Person) และผูรับสาร และผูสงสารอยูต างสถานที่กัน (Roam) หรือการสื่อสารผานชองทางออนไลน (Online) 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 41 รูปแบบการสงสาร รูป 2 โครงสรางรูปแบบการสื่อสาร 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 42 การสื่อสารแบบเปนทางการ (Formal communication) มีรูปแบบของภาษาเปนทางการหรือภาษาราชการ เปนประเภทของการสื่อสารที่ ประเภทของ มีระเบียบ แบบแผนและมีขอกําหนดที่ไดวางไวเปนมาตรฐานขององคกร หรือสังคม สวนมากมักจะใชในการติดตอในระดับหนวยงานและองคกรตาง ๆ การสื่อสาร การสื่อสารแบบไมเปนทางการ (Informal Communication) เปนประเภทของการสื่อสารที่ไมอิงรูปแบบการสื่อสารแบบเปนทางการไมมี ขอกําหนดรูปแบบของภาษาที่ชัดเจน ซึ่งจะเปนการติดตอสื่อสารระหวางบุคคลหรือ กลุมสังคมที่อางอิงระดับการสื่อสารจากระดับความ สัมพันธของแตละบุคคล 1.1 ความหมายของการใชสื่อดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร 43 การสื่อสารแบบตัวตอตัว (1-1 Communication) เปนการสื่อสารที่มีผูรับสารและผูสง สารเพียงไมเกิน 3 คน ครอบคลุมทั้งการสื่อสาร ระยะใกลและระยะไกลอาจเผชิญหนากันหรือไมก็ได ขึ้นอยูกับบริบทและจุดประสงคของการ รูปแบบการ สื่อสารซึ่งมีจุดประสงคไดหลากหลายรูปแบบ เชน การสรางความสัมพันธ การแจงขาว การถายทอดความรู และการเสนอแนะชักจูง เปนตน ติดตอสื่อสาร การสื่อสารแบบกลุม (Group Communication) เปนการสื่อสารระหวางกลุม บุคคลจํานวนมากที่มีความสนใจรวมหรือตองการแสดงออกใน เรื่องราวเดียวกัน ซึ่งสามารถเปนไดตั้งแตการสื่อสารภายในกลุมเล็ก เชน การลอมวง สนทนา การอภิปราย การสื่อสารแบบกลุมใหญ เชน การสัมมนา การบรรยาย เปนตน ลักษณะการสื่อสารยุคดิจิทัล 44 การสื่อสารแบบดวยตัวอักษร (Text) การสื่อสารยุคดิจิทัล หมายถึง การสื่อสารแบบดวยภาพนิ่ง (Image) การสื่อสารระหวางบุคคลและสังคม ผานเครือขายอินเทอรเน็ตโดยการใชอุปกรณ การสื่อสารดวยภาพเชิงสัญลักษณ ดิจิทัลตาง ๆ เชน คอมพิวเตอร โทรศัพท (Emoticon และ Sticker) สมารตโฟน โทรศัพทดิจิทัล เปนตน และผาน การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหวจริง ชองทางการสื่อสารดิจิทัลหรือดิจิทัล (Video) แพลตฟอรม (Digital Platform) การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหว จริงแบบทันที่ทันใด (Real Time Video/Live Video) ลักษณะการสื่อสารยุคดิจิทัล 45 การสื่อสารแบบดวยตัวอักษร (Text) การสื่อสารยุคดิจิทัล หมายถึง การสื่อสารแบบดวยภาพนิ่ง (Image) การสื่อสารระหวางบุคคลและสังคม ผานเครือขายอินเทอรเน็ตโดยการใชอุปกรณ การสื่อสารดวยภาพเชิงสัญลักษณ ดิจิทัลตาง ๆ เชน คอมพิวเตอร โทรศัพท (Emoticon และ Sticker) สมารตโฟน โทรศัพทดิจิทัล เปนตน และผาน การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหวจริง ชองทางการสื่อสารดิจิทัลหรือดิจิทัล (Video) แพลตฟอรม (Digital Platform) การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหว จริงแบบทันที่ทันใด (Real Time Video/Live Video) ลักษณะการสื่อสารยุคดิจิทัล 46 การสื่อสารแบบดวยตัวอักษร (Text) เปนรูปแบบการสื่อสารทางดิจิทัลพื้นฐาน ที่พบไดทุกรูปแบบสื่อ และทุกชองทางสื่อสาร การสื่อสารแบบดวยภาพนิ่ง (Image) เปนรูปแบบการสื่อสารทางดิจิทัลที่พบไดทุก รูปแบบสื่อ และทุกชองทางสื่อสาร การสื่อสารดวยภาพเชิงสัญลักษณ (Emoticon และ Sticker) เปนรูปแบบการ สื่อสารทางดิจิทัลที่พบไดบอยในสื่อสังคมออนไลน เชน Facebook, Line, Twitter, Instagram เปนตน และไดรับความนิยมมากขึ้นในปจจุบัน เนื่องจากมี การผสมผสานสื่อภาพ เสียง และสามารถเปนตัวแทนของผูสงสารเพื่อแสดงออก ทางความรูสึกได 2. ลักษณะการสื่อสารยุคดิจิทัล 47 การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหวจริง (Video) เปนรูปแบบการสื่อสารทางดิจิทัล ที่พบไดบอยในสื่อ สังคมออนไลน เชน Youtube, Facebook, Twitch เปนตน การสื่อสารแบบดวยภาพเคลื่อนไหวจริงแบบทันที่ทันใด (Real Time Video/Live Video) เปน รูปแบบการสื่อสารทางดิจิทัลที่พบไดบอยในสื่อสังคมออนไลน เชน Youtube, Facebook, Twitch เปน ตน 2.1 การสื่อสารผานเครือขายสังคมออนไลน 48 ปจจุบันเครือขายสังคมออนไลนอยูมากมาย แตที่ไดรับความนิยมมาก ไดแก Facebook, Twitter, Line, YouTube และ Instagram เปนตน Facebook ไดกําหนดระดับความเปนสวนตัว 3 ระดับ คือ สาธารณะเปนการกําหนดวาไมใครก็ตามสามารถเห็นโพสตขอความที่นําเสนอได เพือ่ นเปนการกําหนดวา เฉพาะ เพือ่ นใน Facebook เทานั้นที่สามารถมองเห็นโพสต ของเราได เฉพาะฉันเปนกําหนดใหเฉพาะตนเองเทานั้นที่จะเห็นโพสต นั่นคือ บุคคลอื่นไม สามารถเห็นโพสตนั้นได “การโพสตสถานะ” ที่สามารถ แสดงความคิดเห็นความรูสึกผานตัวอักษร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ระบุ กิจกรรม กลุมผูรับสาร สามารถสง ปฏิกิริยาสะทอนกลับผานคุณสมบัติหลักของ Facebook คือ การกดไลค (Like) หรือ การกดถูกใจ ซึ่งเปนการแสดงออก วาเห็นดวยหรือชื่นชอบกับโพสตนั้น 2.1 การสื่อสารผานเครือขายสังคมออนไลน 49 รูปที่ 3 การกดถูกใจและการแสดงความคิดเห็น รูปที่ 4 การกําหนดกลุมผูรับสาร (ผูที่สามารถมองเห็นโพสต) การสื่อสารผานเครือขายสังคมออนไลน 50 Twitter เปนชองทางการสื่อสารออนไลนที่มคี วามรวดเร็ว สามารถสราง กระแสของขอมูลสารสารไดอยางรวดเร็วผานการ Tweet (ทวีต) และ Retweet (รีทวีต) ที่เปนการแบงปนขอมูลนี้ ไปสูบุคคลอื่นบนแพลตฟอรม Twitter ซึ่งเราสามารถกําหนดวาจะ ติดตาม(Follow) บุคคลหรือบัญชีผูใชใด เพื่อตองการทราบขาวสาร ความเคลื่อนไหวที่บุคคลนั้นตองการสือ่ สารผานการทวีต รูปที่ 6 การแสดงความคิดเห็น การถูกใจ การรีทวีต รูปที่ 5 การทวีต (Tweet) การสื่อสารผานเครือขายสังคมออนไลน 51 วิธีการรูปแบบใหมของการสื่อสารดิจิทัลที่ นาสนใจ Mentions (เรียกวา การ tag บุคคลอื่นๆ) ทําได โดยพิมพ @ และตามดวยชื่อบัญชีของบุคคล Hashtag (เรียกวาการติดแฮชแท็ก) คือ การกําหนด คําสําคัญ โดยพิมพตามหลังสัญลักษณ # ซึ่งจะทํา ใหสะดวกตอการคนหาเรื่องราวที่เปนประเด็นสนใจ รวมกัน ซึ่งในปจจุบันถือเปนศูนยขาวหรือเรื่องราว ตามกระแสที่สามารถคนหาไดอยางรวดเร็ว รูปที่ 7 ตัวอยางกระแส # ผานทวีตเตอร การสื่อสารผานเครือขายสังคมออนไลน 52 การใช Emoticon หรือ Sticker คือ การสื่อสารดวย สัญลักษณ ซึ่งแตเดิมมีการเริ่มตนมาจากการงานโปรแกรมสนทนา โดยมีการพิมพตัวอักษรเพื่อที่จะแสดงความรูสึก เชน :) หมายถึง ยิ้ม และ :- ( หมายถึง ไมพอใจ เปนตน และไดมีการพัฒนารูปแบบ ขึ้นเปนรูป (มักเรียกวาEmoticon มาจาก Emotion + Icon) เชน 🙂🙂แทนหนายิ้ม หรือ 🙁🙁แทนหนาเศราและในการสื่อสารยุค ปจจุบัน สัญลักษณเหลานี้ไดมีการปรับปรุงและพัฒนาใหมีความ นาสนใจและสามารถสื่อแทนอารมณไดมากขึ้น นั่นคือ Sticker ซึ่ง รูปที่ 8 ตัวอยางสติ๊กเกอรจากแอปพลิเคชัน LINE ไดรับความนิยมในการสื่อสารดิจิทัลเปนอยางมาก โดยเฉพาะแอป พลิเคชัน Line 53 3. แนวทางการสื่อสารยุคดิจิทัลเพื่อสื่อสารใหไดความหมายและสรางคุณคา มีความรับผิดชอบ คือ คํานึงถึงผลกระทบที่จะตามมา การสื่อสารดวยรูปแบบใด หลังจากสื่อสารนั้นเกิดขึ้นไปแลว หรือสารถูกเผยแพร ซึ่งอาจจะ ก็ตามผูสงสารหรือผู กอใหเกิดผลดานบวกและดานลบตอบุคคลและสังคม ดังนั้น สื่อสารตองคํานึงหลักการ กอนที่จะสื่อสารหรือเผยแพรสิ่งใดออกไปใหผูสื่อสารตองศึกษา สําคัญ 3 ขอ ไดแก คนควา และคิดไตรตรองกอนเสมอ ผูประกอบการสื่อควรตองมี จรรยาบรรณ โดยใหคํานึงถึงความถูกตอง ความเปนเหตุเปนผล ถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม ถูกธรรมเนียมประเพณี คิดถึงจิตใจของ ผูรับสาร เคารพในสิทธิและเกียรติ และเหมาะสมกับสถานการณ 54 3.แนวทางการสื่อสารยุคดิจิทัลเพื่อสื่อสารใหไดความหมายและสรางคุณคา การสื่อสารดวยรูปแบบใด มีความประณีต คือ คือ การเลือกระดับของภาษา การ ก็ตามผูสงสารหรือผู เลือกสรรถอยคําการใชสํานวนทางภาษา การจัดองคประกอบ สื่อสารตองคํานึงหลักการ การจัดรูปแบบ ลําดับเนื้อหา และแสดงเนื้อหาสาระ ความหมาย สําคัญ 3 ขอ ไดแก โดยสารที่ถูกสงออกไปตองมีความกระชับ ความไพเราะ สุภาพ เพื่อใหบรรลุตามจุดประสงคของการสื่อสาร รวมถึงเลือกใช ชองทางและอุปกรณที่เหมาะสม 55 3.แนวทางการสื่อสารยุคดิจิทัลเพื่อสื่อสารใหไดความหมายและสรางคุณคา การสื่อสารดวยรูปแบบใด ถูกกาลเทศะ คือ การคํานึงถึงผูรับสาร จุดประสงคการ ก็ตามผูสงสารหรือผู สื่อสาร กฎระเบียบขอบังคับ ระยะเวลา เครื่องมือ เทคโนโลยี สื่อสารตองคํานึงหลักการ และสถานการณแวดลอม ตัวแปรเหลานี้จะเปนตัวกําหนดความ สําคัญ 3 ขอ ไดแก เหมาะสมของสารและองคประกอบการสื่อสาร 56 4 การสื่อสารยุคดิจิทัลใหปลอดภัย จากองคประกอบและรูปแบบการสื่อสารดิจิทัลที่ไดกลาวมาขางตน ซึ่งมีจุดประสงคหลัก คือ เพื่อใหเกิดการสื่อสารที่มีคุณภาพ ที่ไมเพียงแตการบรรลุวัตถุประสงค แตยังตองมีความสรางสรรค และปลอดภัยตอผูรับสาร โดยมีการพิจารณาวาผูสงสารจะสงสารอะไรมายังผูรับสาร และผูรับสารจะรับสารเหลานั้น หรือไม การที่ผูรับสารจะรับสารเหลานั้น ก็ยอมขึ้นอยูกับดุลพินิจของผูรับสารวาสื่อที่จะรับมีความ เหมาะสมในระดับใด ทั้งนี้ เพื่อเปนการเสริมสรางความปลอดภัยในการใชการสื่อสารดิจิทัล ผูใชควร คํานึงถึงหลัก 2P และ 2F ซึ่งประกอบดวยรายละเอียด ดังนี้ 57 4 การสื่อสารยุคดิจิทัลใหปลอดภัย Prevention (ปองกัน) 2P สื่อสารดิจิทัลผูใช Protection (ปกปอง) ควรคํานึงถึงหลัก 2P และ 2F Final Decision (ไตรตรอง) 2F Friend Acceptation Filtering (คัดสรร) 58 4 การสื่อสารยุคดิจิทัลใหปลอดภัย Prevention (ปองกัน) ผูใชงานควรเรียนรูเครื่องมือหรือชองทางที่จะใชสื่อสาร (มุงเนนที่สื่อ 2P สังคมออนไลน) วามีคุณสมบัติอยางไร รวมถึงตรวจสอบแหลงที่มาของ สารและขอมูล ปฏิเสธไมรับสารหรือสื่อที่ไมเหมาะสม การตั้งคาปองกัน ทั้งใน รูปแบบของเว็บไซต หรือไฟล Protection (ปกปอง) ใหปองกันความปลอดภัยของการใชงานสื่อดิจิทัล ผานการตั้ง คาในแต ละแพลตฟอรม รวมทั้งความตระหนักในการใชงานเพื่อปกปองขอมูล สวนบุคคลของตนเอง และไมละเมิดขอมูลสวนบุคคลของผูอื่น 59 4 การสื่อสารยุคดิจิทัลใหปลอดภัย Final Decision (ไตรตรอง) ใหปองกันความเปนสวนตัวของการใชงานสื่อดิจิทัลและการวิเคราะห ไตรตรองอยางรอบคอบถึงผลกระทบในดานตางๆ กอนที่จะสื่อสารขอมูล 2F ขาวสารใด ๆ บนเครือขายสังคมออนไลน เพราะ เมื่อมีการสงสารนั้นไปแลว ดวยธรรมชาติของสื่อดิจิทัลจะสามารถเผยแพรไปไดอยางรวดเร็วและแกไข ปญหาไดยาก Friend Acceptation Filtering (คัดสรร) การสรางสังคมบนเครือขายออนไลนตองคัดกรองบุคคลที่จะเขามาเปน เพื่อนในสังคมออนไลน หรือคัดเลือกผูที่ติดตอผานสื่อดิจิทัลไมควรเปดใหคนที่ ไมรูจักเขามาได เนื่องจากบนสื่อสังคมออนไลน ถึงแมจะเสมือนพื้นที่สวน บุคคล แตถือเปนจุดเสี่ยงที่ทําใหบุคคลที่ไมประสงคดีเขามาแสวงหา ผลประโยชนในทางมิชอบได 60 5.การจัดการปญหาการสื่อสารยุคดิจิทัล การใชระบบการสือ่ สารดิจทิ ัล นั้นเปรียบเสมือนการอยูรวมกันในสังคม ซึ่งจะตอง คํานึงถึงบุคคลอื่นที่ใชงานการสือ่ สารดิจทิ ลั ดวยเชนกัน ดวยเหตุนี้จงึ มีประเด็นดาน จรรยาบรรณและขอกฎหมายที่เกีย่ วกับการใชงานการสื่อสารดิจทิ ัล เพื่อเปนควบคุมและเปน ขอกําหนดสําหรับผูใ ชงานใหสามารถอยูรวมกันกับผูอ ื่นไดอยางสงบสุข ซึ่งตองไมขัดตอหลัก กฎหมายที่บังคับใชในประเทศ ทั้งนี้กฎหมายและขอบังคับเปนการปองกันปญหาที่เกิดจากการสื่อสารบนโลกออนไลน ที่ตน เหตุ และสรางความเกรงกลัวตอบทลงโทษเพื่อลดโอกาสการกระทําผิดตางๆ 61 5.การจัดการปญหาการสื่อสารยุคดิจิทัล จรรยาบรรณของการสื่อสารดิจทิ ัลนั้น มีประเด็นหลากหลายที่จะเปนแนวทางในการ ปฏิบัติใหถูกตองและเหมาะสม แตประเด็นสําคัญหนึง่ ที่ผใู ชควรคํานึงถึงในการใชงานการ สื่อสารดิจทิ ัลนั่นก็คือ ขอเท็จจริงและขอคิดเห็น ซึ่งผูใชงานควรจะแยกแยะไดวาขอมูลใดคือ ขอเท็จจริง และขอมูลใดคือขอคิดเห็น เพื่อนํามาวิเคราะหจดุ ประสงคของการสือ่ สารและมี ผลตอปฏิกริ ิยาสะทอนกลับของการสื่อสาร ซึ่งมีขอเปรียบเทียบดังตาราง ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบลักษณะขอเท็จจริง (Fact) และขอคิดเห็น (Opinion) 62 5.การจัดการปญหาการสื่อสารยุคดิจิทัล ตารางที่ 2 ตัวอยางขอความที่เปนขอเท็จจริงและขอคิดเห็น จากตารางที่ 2 กลาวไดวาขอเท็จจริงมีความแตกตางจากขอคิดเห็นอยางชัดเจน นั่นคือขอคิดเห็นมักรวมเอา ความรูสึกสวนบุคคลของผูสงสาร มีสารที่บงบอกความไมแนนอน หรือแสดงการคาดคะเน ดังนั้น ผูใชจึงควรที่จะสามารถแยกแยะไดวาสิ่งไหนที่เปนขอเท็จจริง สิ่งไหนคือขอคิดเห็นและนําสิ่งที่ แยกแยะไดมาพิจารณาวาสมควรที่จะสงตอ แบงปนหรือบอกตอทางชองทางการสื่อสารดิจิทัลหรือไม 63 5. การจัดการปญหาการสื่อสารยุคดิจิทลั นอกเหนือจากการวิเคราะหถึงสื่อที่ผูสงสื่อตองการจะสื่อสารแลว อีกสิ่งหนึ่งที่ผูใชควรที่จะคํานึงถึง คือ แนวทางการสื่อสารดิจิทัลอยางสรางสรรค ตามหลัก 7C ซึ่งประกอบดวย Complete Consideration C1 C2 C3 C4 Conciseness Clarity 64 5. การจัดการปญหาการสื่อสารยุคดิจิทลั Complete Consideration C5 C6 C7 Consideration 65 C1 – Complete สิ่งที่จะสื่อสารออกมาควรมีความสมบูรณครบถวน ซึ่งสามารถ ทําไดดวยการอานเนื้อความที่จะสื่อสารใหครบถวนเสียกอน เพื่อให ผูใชไดมีโอกาส ในการทบทวนเนื้อหาที่จะสื่อสารออกไปใหเขาใจใน วัตถุประสงคเดียวกัน 66 C2 – Conciseness สิ่งที่จะสื่อสารออกมาควรมีความกระชับ คือ ใหสื่อสารออกมาเฉพาะ ใจความสําคัญที่ตองการสื่อสารใหสั้นและกระชับ ไมจําเปนตองเขียนหรือ พูดยาวๆ โดยไมจําเปน 67 C3 - Consideration ควรพินิจพิเคราะหสิ่งที่จะสื่อสารอกมา โดยผูสงสารควร คํานึงถึงผูรับสารวาจะรูสึกอยางไรกับสิ่งที่ผูสงสารตองการจะสื่อ ออกมาควรเปนขอความในเชิงบวก 68 C4 – Clarity สิ่งที่จะสื่อสารออกมาควรมีความชัดเจน ไมวาจะเปนการพูด การเขียน ตองมีความชัดเจน เรียบงาย และเขาใจไดทันทีที่รับสาร 69 C5 – Concrete สิ่งที่จะสื่อสารออกมาสารควรเปนรูปธรรม มีความชัดเจน เนื้อหาประกอบดวยขอเท็จจริงและหลักฐานที่สามารถยืนยัน ขอเท็จจริงไดเพื่อปองกันไมใหตีความผิดไป 70 C6 – Courtesy สิ่งที่จะสื่อสารออกมาควรมีความสุภาพ เพื่อแสดงถึงความมี มารยาทของผูสงสาร รวมไปถึงเปนการสะทอนความรูสึกที่ดีของ ผูสงสารที่จะสงถึงผูรับสาร 71 C7 – Correct สิ่งที่จะสื่อสารออกมาควรมีความถูกตอง อันเกิดจากการพิจารณา และตรวจสอบสิ่งที่จะสงสารจากทางผูสงสาร ซึ่งถาหากสิ่งที่จะสื่อสาร ออกไปนั้นไมมีความถูกตอง ควรแกไขทันที 72 6 ผลการวิเคราะหการประยุกตการสื่อสารยุคดิจิทัลในชีวิตประจําวัน รูปแบบของการสื่อสารในปจจุบันมีรูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายและรวดเร็วกวาในอดีต มากการเขาถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการใชงานที่งายขึ้น ทําใหเปนที่นิยมสื่อสารกันผานทางออนไลน เพราะมีประสิทธิภาพและตัวเลือกที่มากกวา เชน การโทรศัพทแบบเห็นหนา (FaceTime) การประชุม รวมกันแบบเรียลไทมผานแอปพลิเคชัน (Real-Time Meeting Conference) การสงขอความ อัตโนมัติที่มีผูรับหลายคน (Online Broadcast) เปนตน 73 6 ผลการวิเคราะหการประยุกตการสื่อสารยุคดิจิทัลในชีวิตประจําวัน ดังนั้น จะตองเขาใจจุดประสงคของเรื่องที่ตองการจะสื่อสารวาควรใชชองทางใดจึงจะ เหมาะสมที่สุด โดยตองคํานึงถึงหลักการสื่อสารพื้นฐาน ไมตางจากการสื่อสารในรูปแบบดั้งเดิม เชน การสงเอกสารที่สําคัญและเปนพิธีการไมควรสงทางไลน (Line) แตควรสงทางอีเมลใหเปน กิจลักษณะการนําเสนอผลงาน (Presentation) ควรมีรูปภาพที่สื่อความหมาย หรือคลิปวิดีโอ มากกวาการมีแตตัวหนังสือ ซึ่งสามารถดึงความสนใจและสรางความรับรูใหกับผูรับสื่อไดมากกวา นอ?