เวกเตอร์ PDF
Document Details
Uploaded by SharpestPeace
Tags
Summary
เอกสารนี้เกี่ยวกับเรื่องเวกเตอร์ในวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04. เนื้อหาครอบคลุมเวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสองมิติและสามมิติ รวมถึงแนวคิดพื้นฐานของการหาขนาดและทิศทางของเวกเตอร์ด้วย
Full Transcript
ชุดที่ 1 ชื่อ ……………………..............………….………………………………….………………………. ชั้น ม.5/……… เลขที่ ……… เวกเตอร เวกเตอร์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ ความเร็ว และความเร่งแล้...
ชุดที่ 1 ชื่อ ……………………..............………….………………………………….………………………. ชั้น ม.5/……… เลขที่ ……… เวกเตอร เวกเตอร์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาเรื่องการเคลื่อนที่ ความเร็ว และความเร่งแล้ว เวกเตอร์ยังเป็นประโยชน์ ในการศึกษาสาระคณิตศาสตร์อื่นๆ เช่น เรขาคณิต พีชคณิต เป็นต้น แนวทางในการศึกษาเวกเตอร์เบื้องต้นคือ การศึกษาใน เชิงเรขาคณิตโดยให้นิยามว่า เวกเตอร์เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาดและทิศทาง และใช้ลูกศรแทนเวกเตอร์ เวกเตอร์มีทั้งเวกเตอร์ใน สองมิติและสามมิติ ซึ่งความรู้เกีย่ วกับเวกเตอร์สามารถนาไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆได้มากมาย ทั้งในชีวิตประจาวันและ การวางแผนการทางานในอนาคต เช่น 1) ใช้ในการหาระยะระหว่างต้นทางกับปลายทางในแผนที่ต่างๆ เช่น หาระยะกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ 2) ใช้ในบอกทางให้คนเดินทางหรือรถที่แล่นมาให้เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวากีท่ ี คือการบอกแบบเวกเตอร์อย่างหนึ่ง 3) เวลาโยนเศษกระดาษหรือสิ่งของให้ไปตกลงในถังขยะที่ห่างจากตัว ก็อาศัยเวกเตอร์ในการประมาณระยะการโยน เพื่อให้ลงถังขยะได้ ซึ่งเรื่องเวกเตอร์ในสามมิติมีเนื้อหาดังนี้ เวกเตอร์ในสามมิติ ระบบพิกัดฉากสามมิติ เวกเตอร์ ระยะทางระหว่างจุดสองจุด การบวกและการลบเวกเตอร์ การคูณเวกเตอร์ด้วยสเกลาร์ เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสองมิติ เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสามมิติ เวกเตอร์หนึ่งหน่วย โคไซน์แสดงทิศทาง ผลคูณเชิงสเกลาร์ ผลคูณเชิงเวกเตอร์ การใช้เวกเตอร์ในการหาพื้นทีข่ องรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน การใช้เวกเตอร์ในการหาปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 1 1. ระบบพิกัดฉากสามมิติ 1.1 แกนพิกัดฉากในระนาบ จากความรูเ้ ดิม แกนพิกัดฉากในระนาบ จะประกอบด้วย เส้นจานวน 2 เส้นตัดกันเป็นมุมฉากที่จุดแสดงตาแหน่ง ของจานวน 0 ดังรูป โดยเรียกแกนนอนว่าแกน X และเรียกแกนตั้งว่าแกน Y เรียกระนาบ (coordinate planes) ที่เกิดขึ้น ว่าระนาบ XY เรียกจุดตัดว่า จุดกาเนิด (origin) ตัวอยางที่ 1 จากรูป จงลงจุด A 1, 0 B 2,3 C 1, 2 D 4,1 E 3, 2 บนระบบพิกัดฉากในระนาบ 1.2 แกนพิกัดฉากในปริภูมิสามมิติ การกาหนดทิศทางมีได้ 2 ระบบ คือ ระบบมือขวา และระบบมือซ้าย แต่ในบทเรียนนี้กาหนดโดยใช้ระบบมือขวา โดยระนาบทั้งสามตั้งฉากซึ่งกันและกันที่จุด O เรียกวา จุดกําเนิด แกน X X axis เกิดจากการตัดกันระหว่างระนาบ XY และระนาบ XZ แกน Y Y axis เกิดจากการตัดกันระหว่างระนาบ XY และระนาบ YZ แกน Z Z axis เกิดจากการตัดกันระหว่างระนาบ YZ และระนาบ XZ ระบบพิกัดฉากสามมิติ ประกอบดวย ระนาบ 3 ระนาบ คือ ระนาบ XY ระนาบ XZ ระนาบ YZ คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 2 จะเห็นว่า ทั้งสามระนาบจะแบ่งบริเวณในปริภูมสิ ามมิติออกเป็น 8 บริเวณ เรียกแต่ละบริเวณว่า อัฐภาค (octant ) ดังรูป ทั้งนี้อัฐภาคที่มีแกน X แกน Y และ แกน Z ทางบวกจะเรียกวา อัฐภาคที่ 1 ส่วนอัฐภาคอื่นๆ ใช้นับทวน เข็มนาฬิกาไปตามลาดับ โดยพิจารณาบริเวณเหนือระนาบ XY ก่อน 1.3 การลงจุด (plot points) ในระบบพิกัดฉากสามมิติ ระนาบ YZ Z ถ้า เป็นจุดในปริภมู ิสามมิติ เราจะบอกตาแหน่งของจุด P P ด้วย x, y, z เรียก x, y, z ว่า พิกัดฉากของจุด P x y P( x, y, z ) x คือ ระยะที่มีทิศตามแนวแกน X ซึ่งใช้ระบุว่า จุด P อยู่ห่างจากระนาบ YZ เท่าใด z Y y คือ ระยะที่มีทิศตามแนวแกน Y ซึ่งใช้ระบุว่า จุด P อยู่ห่างจากระนาบ XZ เท่าใด X z คือ ระยะที่มีทิศตามแนวแกน Z ซึง่ ใช้ระบุว่า จุด P อยู่ห่างจากระนาบ XY เท่าใด ระนาบ XY ขอสังเกต ระยะ x เปนจํานวนบวก ระยะ x เปนจํานวนลบ เมื่อวัดจากระนาบ YZ ไปยังจุด P ทางด้านบวกของแกน X เมื่อวัดจากระนาบ YZ ไปยัง จุด P ทางด้านลบของแกน X ระยะ y เปนจํานวนบวก ระยะ y เปนจํานวนลบ เมื่อวัดจากระนาบ XZ ไปยังจุด P ทางด้านบวกของแกน Y เมื่อวัดจากระนาบ XZ ไปยัง จุด P ทางด้านลบของแกน Y ระยะ z เปนจํานวนบวก ระยะ z เปนจํานวนลบ เมื่อวัดจากระนาบ XY ไปยัง จุด P ทางด้านบวกของแกน Z เมื่อวัดจากระนาบ XY ไปยัง จุด P ทางด้านลบของแกน Z ตัวอยางที่ 2 จากรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากในปริภมู ิสามมิติ จงบอกพิกัดของจุดต่อไปนี้ 4 E จุด A 3,0,0 จุด B ............. F 2 จุด C ............. จุด D ............. C D -5 O G 5 จุด E ............. จุด F ............. A -2 B จุด G ............. จุด O ............. คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 3 ตัวอยางที่ 3 จงลงจุดต่อไปนี้บนระบบพิกัดฉากในปริภูมสิ ามมิติ 3.1) A 3, 4,0 B 0,1,3 C 2,1,3 3.2) D 1, 2, 1 F 2, 3,3 G 2,2, 1 · C · · 3.3) J 1,3,4 K 1, 1,3 H 1, 2, 4 3.4) A3,5,2 B 3,0,4 C 4,4,5 1.4 ระยะทางระหวางจุดสองจุดในปริภูมิสามมิติ ภาพฉาย(projection)ของจุด P บนระนาบ XY ภาพฉายของจุด P บนระนาบ XZ ถ้าลากเส้นผ่านจุด P x, y, z ให้ขนานกับแกน Z ไปตัด ถ้าลากเส้นผ่านจุด P x, y, z ให้ขนานกับแกน Y ไป ระนาบ XY จะได้จดุ ตัดมีพิกัด Q x, y,0 เรียกจุด Q นี้ ตัดระนาบ XZ จะได้จุดตัดมีพิกดั S x,0, z เรียกจุด ว่าเป็น ภาพฉายของจุด P บนระนาบ XY S นี้ว่าเป็น ภาพฉายของจุด P บนระนาบ XZ ภาพฉายของจุด P บนระนาบ YZ Z R( 0, y, z ) ถ้าลากเส้นผ่านจุด P x, y, z ให้ขนานกับแกน X ไปตัด S( x, 0, z) P( x, y, z ) ระนาบ YZ จะได้จดุ ตัดมีพิกัด R 0, y, z เรียกจุด R นี้ Y ว่าเป็น ภาพฉายของจุด P บนระนาบ YZ X Q( x, y, 0 ) คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 4 Z ตัวอยางที่ 4 จงหาภาพฉายของจุด P 2,1,3 บนระนาบ XY YZ และ XZ B P(2, 1, 3) C ภาพฉายของจุด P 2,1,3 บนระนาบ XY คือจุด.................... Y ภาพฉายของจุด P 2,1,3 บนระนาบ YZ คือจุด.................... ภาพฉายของจุด P 2,1,3 บนระนาบ XZ คือจุด.................... X A การหาระยะทางระหวางจุดสองจุดในปริภูมิสามมิติ ให้ P x1 , y1 ,z1 แล ะ Q x 2 , y 2 , z 2 จงหา PQ เราอาศัยทฤษฎีบทพีทาโกรัส เพื่อพิสูจน์สตู รดังนี้ 1. ให้จุด A และ C เป็นภาพฉายของจุด P และ Q บนระนาบ XY 2. ให้จุด R และ Q เป็นภาพฉายของจุด P และ Q บนระนาบที่ขนานกับ ระนาบ YZ พิกัดจุดต่างๆ เป็นดังนี้ A x1 , y1 ,0 , C x 2 , y2 ,0 , R x 2 , y2 ,z1 ดังนั้น AC = x 2 x1 2 y 2 y1 2 แต่ PR = AC และ QR z2 z1 และ PQ2 PR 2 QR 2 x 2 x1 y 2 y1 z 2 z1 2 2 2 นั่นคือ PQ x 2 x1 2 y 2 y1 2 z 2 z1 2 ทฤษฎีบท ระยะทางระหวางจุด P x1 , y1 ,z1 และ Q x 2 , y 2 , z 2 หรือ PQ x 2 x1 2 y 2 y1 2 z 2 z1 2 ตัวอยางที่ 5 จงหาระยะทางระหว่างจุดสองจุดต่อไปนี้ พร้อมทั้งเขียนรูปประกอบ 1. A 1,0,3 และ B 1,3, 2 วิธีทา AB x 2 x1 2 y2 y1 2 z 2 z1 2 …………………………………… …………………………………... 2. C 3, 2, 1 และ D 1,3, 4 วิธีทา CD x 2 x1 2 y2 y1 2 z 2 z1 2 …………………………………… …………………………………… คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 5 3. จากรูป กาหนดให้ A 3, 2,0 และ F 1,4,3 Z จงหาพิกัดของจุดมุมที่เหลือของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากซึ่งมีหน้า G F ทั้งหกขนานกับระนาบอ้างอิง H E G Y O 5 D C X A B 4. จงหาระยะทางระหว่าง จุด P 2, 1,5 และ 5. จงหาระยะทางระหว่าง จุด R 2,1, 7 และ Q 3,1,7 S 3,2, 5 PQ = RS = 6. A 2,1,1 , B 7, 3,9 , C 4,11,2 เป็นจุดยอด 7. P 1,1,1 , Q 3, 3,3 , C 4,4,4 เป็นจุดยอด ของรูปสามเหลี่ยมชนิดใด ของรูปสามเหลี่ยมชนิดใด AB = PQ = BC = QR = AC = PR = คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 6 2. เวกเตอร 2.1 ปริมาณ (Quantity) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ปริมาณสเกลาร (Scalar Quantity) เป็นปริมาณทีบ่ อกขนาดเพียงอย่างเดียว ซึ่งการบอกปริมาณจะเป็นการบอก โดยใช้จานวนกับหน่วยของสิ่งที่วัด เช่น พิมสูง 175 เซนติเมตร วันนี้อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส รถไฟแล่นด้วยอัตราเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แพรวขับรถด้วยอัตราเร่ง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปริมาณเวกเตอร (Vector Quantity) เป็นปริมาณทีบ่ อกทั้งขนาดและทิศทาง เช่น ความเร็ว ความเร่ง แรง โม เมนตัม เป็นต้น ซึ่งมีตัวอย่างการบอก เช่น รถยนต์ของแก้วอยู่ห่างจากบ้าน 12 กิโลเมตร ทางทิศเหนือ บทนี้จะศึกษาเรื่องปริมาณของเวกเตอร์ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ พื้นฐานในการศึกษาโครงสร้างระบบคณิตศาสตร์ รากฐานของคณิตศาสตร์ชั้นสูง การพิสูจน์ ทฤษฎีบทต่าง ๆ เกี่ยวกับเรขาคณิตระบบยุคลิดและเรขาคณิตวิเคราะห์ เพื่อความสะดวก จะเรียก เวกเตอร แทน ปริมาณ เวกเตอร 2.2 สัญลักษณ จะใช้ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทาง (Directed line segment) หรือ Directed segment) แทนปริมาณเวกเตอร์ โดยใช้ความยาวของส่วนของเส้นตรงแทน ขนาด ใช้หัวลูกศรเพื่อบอกทิศทาง จากรูป จุด A เรียกว่าจุดเริ่มตน (Initial Point) B จุด B เรียกว่า จุดสิ้นสุด (Terminal Point) AB แทน เวกเตอร์จาก A ไป B เรียกว่า เวกเตอรเอบี A สัญลักษณ์แทนเวกเตอร์ใด ๆ อาจใช้ตัวอักษรเพียงตัวเดียว โดยใช้ตวั อักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กไม่ระบุจุดเริม่ ต้นและ จุดสิ้นสุด และมีเครื่องหมาย กากับ เช่น u , v , w AB แทนขนาดของ AB และ u แทนขนาดของ u B v u u A (1) (2) (3) หมายเหตุ โดยทั่วไป การเขียนเวกเตอร์แสดงได้ดังรูป ( 1 ) และ ( 2 ) แต่ถ้าแสดงรูปโดยมีแนวแกนประกอบดังรูป ( 3 ) เพื่อให้พิจารณาเป็นเวกเตอรในสามมิติ 2.3 สมบัติการเทากัน การขนานกัน และนิเสธของเวกเตอร ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ในระนาบ ขนาดของเวกเตอร u v ก็ต่อเมื่อ ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทศิ ทางที่แทน u และ v มีความยาวเท่ากัน จากรูป u v w a หน่วย w u v คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 7 ทิศทางของเวกเตอร a u และ v เป็นเวกเตอร์ที่มีทิศทางเดียวกัน ก็ต่อเมื่อ ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทางที่แทน u และ v ขนานกัน d c และมีหัวลูกศรชีไ้ ปทางเดียวกัน b จากรูป a , b, c, d เป็นเวกเตอร์ที่มีทิศทางเดียวกัน u และ v เป็นเวกเตอร์ที่มีทิศทางตรงขามกัน ก็ต่อเมื่อ u ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทางที่แทน u และ v ขนานกัน v และมีหัวลูกศรชีไ้ ปทางตรงข้ามกัน จากรูป u และ v เป็นเวกเตอร์ที่มีทิศทางตรงข้ามกัน การขนานกันของเวกเตอร บทนิยาม u และ v ขนานกัน ก็ต่อเมื่อ เวกเตอรทั้งสองมีทิศทางเดียวกัน หรือทิศทางตรงขามกัน การเทากันของเวกเตอร ( u v ) บทนิยาม u และ v เทากัน ก็ต่อเมือ่ เวกเตอรทั้งสองมีขนาดเทากันและมีทิศทางเดียวกัน จากรูป ให้ u w x 3 หน่วย และ v 4 หน่วย จะได้ w x แต่ u x เพราะมีทิศทางตรงข้ามกัน x u w v u v เพราะ u v ขอสังเกต เราสามารถสร้างเวกเตอร์ที่มีตาแหน่งแตกต่างไปจากเวกเตอร์ที่กาหนดให้ แต่ยังคงเท่ากับเวกเตอร์ที่กาหนดให้ ได้มากมายหลายเวกเตอร์ดังรูปข้างต้น นิเสธของเวกเตอร u คือ เวกเตอร์ที่มีขนาดเท่ากับเวกเตอร์ u แต่มีทศิ ทางตรงข้ามกับทิศทางของ u เขียน แทนด้วย u a b *** จากรูป ให้ a b จะได้ a b หรือ b a เวกเตอรศูนย (Zero Vector) คือ เวกเตอรที่มีขนาดเปนศูนย เขียนแทนด้วย 0 แบบฝกหัด 1. จากรูป ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน จงหาเวกเตอร์ที่เท่ากับเวกเตอร์ที่กาหนดให้ 1.1 AB = ……………. 1.2 BC = ……………. D C 1.3 AE = ……………. 1.4 ED = ……………. E 1.5 BC = ……………. 1.6 AE = ……………. A B คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 8 2. ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า จุด D,E,F เป็นจุดกึ่งกลางด้าน AB , BC , CA ตามลาดับ จงหา เวกเตอร์ที่มลี ักษณะดังนี้ 2.1 ทิศทางเดียวกับ BC 2.2 ทิศทางเดียวกับ AB C …………………………………………… …………………………………. D E 2.3 ทิศทางเดียวกับ CA 2.4 ทิศทางตรงข้ามกับ FE A F B …………………………………………… ………………………………………… 2.5 ทิศทางตรงข้ามกับ DE 2.6 ทิศทางตรงข้ามกับ DF …………………………………………… ……………………………………… 2.7 เท่ากับ AD 2.8 เท่ากับ AF ……………………………………………… ……………………………………… 2.9 เท่ากับ BE ……………………………………………… 3. กาหนด ABCDEFGH เป็นทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน จงหา E F 3.1 เวกเตอร์ที่ขนานกัน 3 คู่ AB ……………………………. D …………………………………………………… C …………………………………………………… H G 3.2 เวกเตอร์ที่เท่ากัน 3 คู่ AB = ………………………………. A B …………………………………………………… …………………………………………………… 3.3 เวกเตอร์ที่เป็นนิเสธซึ่งกัน AB กับ ……………………………. และกัน 3 คู่ …………………………………………………… …………………………………………………… การนําไปใช การกําหนดทิศทางดวยระบบเลข 3 ตัว ระบบที่ใช้เขียนแทนมุม เรียกว่า ระบบเลข 3 ตัว (Three Figure System) วิธีเขียน ใช้ตัวเลข 3 ตัว แทนมุมโดยค่าของมุมจะอยู่ระหว่าง 0 องศา ถึง 360 องศา ถ้าค่าของมุมน้อยกว่า 100 องศา ให้เติม 0 ในตาแหน่งแรกเสมอ วิธีวัด วัดจากทิศเหนือตามเข็มนาฬิกาไปยังทิศที่ต้องการ คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 9 ตัวอยางที่ 6 จงเขียนส่วนของเส้นตรงที่มีทิศทางแทนปริมาณเวกเตอร์ต่อไปนี้ 1. 150 เมตรไปทางทิศตะวันตก 2. 40 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มาตราส่วน 1 เซนติเมตร : 50 เมตร มาตราส่วน 1 เซนติเมตร : 20 เมตร 3. 20 เมตร ในทิศ 120 องศา 4. 100 กิโลเมตรในทิศ 045 องศา มาตราส่วน 1 เซนติเมตร : 10 เมตร มาตราส่วน..................................... 5. 400 เมตรในทิศ 300 องศา 6. 10 กิโลเมตร ในทิศ 075 องศา และต่อไปในทิศ 030 องศา อีก 8 กิโลเมตร มาตราส่วน ……………………….. มาตราส่วน ………………………… ตัวอยางที่ 7 ถ้า u แทนการเดินทาง 40 กิโลเมตรในทิศ 060 องศา จงเขียนรูปและบรรยายถึงการเดินทางที่แทนด้วย u มาตราส่วน 1 ซม.: 10 กม. N - u แทนการเดินทาง................. กิโลเมตร 60 u ในทิศ..................องศา ตัวอยางที่ 8 เครื่องบิน บินไปในทิศ 045 องศา ด้วยอัตราเร็ว 240 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง ถ้าพายุพัดไปในทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วย อัตราเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จงหาว่าเครื่องบินลานีจ้ ะบินไปในทิศทางใดด้วยอัตราเร็วเท่าใด วิธีทํา คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 10 แบบฝกหัด 1. นักสารวจออกเดินทางในทิศ 030 องศา เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร แล้วออกเดินทางต่อไปในทิศ 120 องศา เป็น ระยะทาง 0.75 กิโลเมตร เขาจะอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นเป็นระยะทางเท่าใด และอยู่ในทิศทางใดของจุดเริม่ ต้น 2. อัตราเร็วของการพายเรือในน้านิ่งของชายคนหนึ่งเป็น 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเขาพายเรือข้ามฝั่งแม่น้าโดยการไปทาง ทิศเหนือในขณะที่น้าไหลไปทางทิศตะวันออกด้วยอัตราเร็ว 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรือของเขาจะแล่นไปในทิศทางใดด้วย อัตราเร็วเท่าใด และเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที เขาพายเรือไปได้ไกลเท่าใด 3. เครื่องบิน บินไปทางทิศเหนือด้วยอัตราเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าพายุพัดไปในทิศ 240 องศา ด้วยอัตราเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องบินจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดและด้วยอัตราเร็วเท่าใด 2.4 การบวกและลบเวกเตอร การบวกเวกเตอร วิธีที่ 1 โดยใชบทนิยาม บทนิยาม ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ เลือกจุด A ใด ๆ เป็นจุดเริ่มต้นหาตาแหน่งของจุด B ที่ทาให้ AB u แล้ว หาตาแหน่งของจุด C ที่ทาให้ BC v คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 11 เวกเตอร์ที่เกิดขึ้นใหม่คือ AC จะเป็นผลบวกของ AB และ BC สัญลักษณ เขียนแทนด้วย AC AB BC u C และถ้าให้ w AC u+v จะได้ w u v v v A u B วิธีที่ 2 ใชรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน หาผลบวกของ u และ v โดยให้จุดเริม่ ต้นของ u และ v เป็นจุดเดียวกัน แล้วสร้างรูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนาน และ โดยอาศัยบทนิยามของการบวกเวกเตอร์ข้างต้น เวกเตอร์ผลลัพธ์จะเป็นเวกเตอร์ที่แทนด้วยเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมด้าน ขนานที่ผ่านจุดเริ่มต้นของเวกเตอร์ที่กาหนดให้ และมีจุดเริม่ ต้นเป็นจุดเดียวกับเวกเตอร์ที่กาหนดให้ดงั รูป v v uv uv u การลบเวกเตอร u บทนิยาม ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ในระนาบ ผลลบเวกเตอร์ u ด้วย v เขียนแทนด้วย u – v และ u – v = u + (– v ) การหา u – v ทาได้โดยหาผลบวกของ u กับนิเสธ v จากรูปจะได้ u AC = AB + BC u A B = + (– v ) u u-v -v =u –v v C หรือให้จุดเริ่มต้นของ u และ v เป็นจุดเดียวกัน แล้วลากส่วนของเส้นตรง เชื่อมจุดสิ้นสุดของเวกเตอร์ทั้งสอง *** ขอสังเกต เมื่อกาหนดเวกเตอร์ u และ v ให้ และให้เวกเตอร์ทั้งสองมีจดุ เริม่ ต้นทีจ่ ุด A โดยให้ AB = u , AD = v แล้วสร้างรูปสีเ่ หลี่ยมด้านขนาน ABCD ดังรูป จะได้ D C AC = u + v v BD = v – u u+v u-v DB = u – v A u B จะเห็นว่า เมื่อกําหนดเวกเตอรสองเวกเตอรแลว สามารถหาผลบวกและผลลบของเวกเตอรทั้งสองได โดยสรางรูปสี่เหลี่ยม ดานขนาน เสนทแยงมุมทั้งสองของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานจะแทนผลบวกและผลลบที่ตองการเมื่อระบุทิศทางให ถูกตอง คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 12 / ตัวอยางที่ 9 1. จงใช้รูปที่กาหนดให้เขียนการบวกกันของเวกเตอร์โดยให้ผลบวกเป็นเวกเตอร์ศูนย์ (อย่างน้อย 2 สมการ) เช่น AB BC CA 0 D C …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. B A แบบฝกหัด จงเติมคาตอบลงในช่องว่าง 1. กาหนดให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรสั D C 1.1 AB BC = …………………. 1.2 AO BO = …………………. O A B 1.3 OA OD = …………………. 2. กาหนดให้ ABCDEF เป็นรูปหกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่า E D 2.1 AB BC = …………………. 2.2 AO AB CD = …………………. F O C 2.3 OE DB DC = …………… A B 2.4 OA OB OC OD OE OF = …………………. 3. กาหนดให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน และ u AB , v DA , w CB , x DC D C 3.1 u –v = …………………. 3.2 v – w = …………………. O 3.3 OB OC OD OB = …………………. A B 4. กาหนดให้ ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มจี ุด D,E,F เป็นจุดกึ่งกลางด้าน AB , BC , CA ตามลาดับ C 4.1 CE FE = …………………. 4.2 EF ED = …………………. F 4.3 AC AB = …………………. E 4.4 CA DE = …………………. A D B คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 13 ชุดที่ 2 ชื่อ ……………………..............………….………………………………….………………………. ชั้น ม.5/……… เลขที่ ……… 3. เวกเตอรในระบบพิกัดฉาก เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสองมิติ บทนิยาม ถ้า Aa, b และ Bc, d เป็นจุดใดๆ ในระนาบ 4 B(c,d) XY เวกเตอร์ AB ในระบบแกนมุมฉากจะมีสญ ั ลักษณ์ดังนี้ A(a,b) 2 c a AB = d b จากรูป จุดเริ่มต้นคือ Aa, b และจุดสิ้นสุดคือ Bc, d 5 เวกเตอรหนึ่งหนวย (Unit Vector) หมายถึง เวกเตอร์ที่มีขนาดเท่ากับ 1 หน่วย (ทิศทางใดก็ตาม) เวกเตอร์หนึ่งหน่วยทีส่ าคัญ 1 1. i = เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับแกน x มีทิศทางไปทางบวก 0 0 2. j = เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับแกน y มีทิศทางไปทางบวก 1 a ดังนั้น เวกเตอร์ ใดก็ตาม สามารถเขียนในรูปของ i และ j ได้ดังนี้ b a a 0 1 0 = + b 0 b = a 0 + b 1 = ai + bj 3 เช่น AB = = 3i + 7 j 7 เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ บทนิยาม ถ้า A( x1, y1, z1 ) และ B( x2, y2, z2) เป็นจุดใดๆ Z E B ในปริภูมสิ ามมิติ เวกเตอร์ AB ในระบบแกนมุมฉากจะมีสัญลักษณ์ดังนี้ จากรูป จุดเริ่มต้นคือ A( x1, y1, z1 ) และจุดสิ้นสุดคือ F I G R B( x2, y2, z2) A H x2 x1 Y X AB = y 2 y1 z 2 z1 เวกเตอรหนึ่งหนวย (Unit Vector) หมายถึง เวกเตอร์ทมี่ ีขนาดเท่ากับ 1 หน่วย (ทิศทางใดก็ตาม) เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ สาคัญ 1 1. i = 0 เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับแกน x มีทิศทางไปทางบวก 0 คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 1 0 2. j = 1 เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับแกน y มีทิศทางไปทางบวก 0 0 3. k = 0 เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับแกน z มีทิศทางไปทางบวก 1 a ดังนั้น เวกเตอร์ b ใดก็ตาม สามารถเขียนในรูปของ i และ j ได้ดังนี้ c a a 0 0 1 0 0 b = 0 + b + 0 = a 0 + b 1 + c 0 = ai + bj + c k c 0 0 c 0 0 1 4 เช่น AB = 1 = 4 i – j + 2 k 2 ให้ a, b, c, d และ f เป็ นจํานวนจริงใดๆ เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสองมิติ เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ การเทากัน a c x1 x2 ถ้า AB = และ CD = แล้ว b d ถ้า AB = y1 และ CD = y แล้ว 2 AB = CD ก็ต่อเมื่อ a c และ b d z1 z 2 AB = CD ก็ต่อเมื่อ x1 x2 และ y1 y2 และ z1 z 2 การบวกเวกเตอร a c a d ถ้า u = และ v = b d ถ้า u = b และ v = e a c c f แล้ว u + v = b d a d แล้ว u + v = b e c f เวกเตอรศูนย 0 0 0 = 0 0 = 0 0 นิเสธของเวกเตอร a a a a นิเสธของ คือ b b b นิเสธของ คือ b c c คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 2 เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสองมิติ เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ การลบเวกเตอร a c a c a d a d b – d = b d b – e = b e c f c f การคูณเวกเตอรดวย a ka a ka k = สเกลาร b kb k b = kb เมื่อ k เป็นจานวนจริง c kc เมื่อ k เป็นจานวนจริง การขนานกันของ a a ถ้า u = 0 เวกเตอร b ถ้า u = b 0 c c และ v = 0 d d แล้ว u ขนานกับ v และ v = e 0 ก็ต่อเมื่อมีจานวนจริง k 0 ซึ่งทาให้ f a c b = k d หรือ ad bc แล้ว u ขนานกับ v ก็ต่อเมื่อมีจานวนจริง k 0 ซึ่งทาให้ เมื่อ a, b, c, d เป็นจานวนจริงที่ไม่เท่ากับ 0 a d b = k e c f เมื่อ a, b, c, d , e, f เป็นจานวนจริงที่ไม่เท่ากับ 0 ขอสังเกต 1. กําหนดให a 0 และ b 0 0 0 ถ้า u = และ v = แล้ว u ขนานกับ v a b a b ถ้า u = และ v = แล้ว u ขนานกับ v 0 0 ขอสังเกต 2. กําหนดให a 0 และ b 0 และ c 0 0 0 ถ้า u = 0 และ v = 0 แล้ว u ขนานกับ v a b 0 0 ถ้า u = a และ v = b แล้ว u ขนานกับ v 0 0 a b ถ้า u = 0 และ v = 0 แล้ว u ขนานกับ v 0 0 คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 3 แบบฝกหัด 3.1 1. จงหา AB และ BA เมื่อกาหนด A และ B ดังต่อไปนี้ 1.1 A(–2, 1 ), B( 3, 2 ) ; AB = = BA = 1.2 A(5, 6, 1 ), B(2, 2, –1) ; AB = = BA = 1.3 A(–3, 5, 2 ), B(–2, 7, 2 ) ; AB = = BA = 1.4 A(–3, 4), B(5, –3) ; AB = = BA = 2. กาหนด AB และจุด A จงหาจุด B 3 2.1 AB = , A(1, 2) ; B 5 1 2.2 AB = 5 , A( –6, 0, 1 ) ; B 2 3. กาหนด AB และจุด B จงหาจุด A 1 3.1 AB = , B(2, 1) ; A 1 2 3.2 AB = 1 , B(–3, –2, 2 ) ; A 1 4. จงหาผลลัพธ์ของ 3 2 4.1 + =.................................................... 4 3 1 2 4.2 3 + 1 =.................................................... 1 1 0 9 4 4.3 + + 5 =.................................................... 6 4 คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 4 3 2 5 5. ถ้ากาหนดให้ u = , v = และ w = 4 2 6 5.1 2 u + 3 v + w = 5.2 –3 u – 5 v – 2 w = 5.3 5 u + 2 v – 5 w = 6. เวกเตอร์ต่อไปนีเ้ วกเตอร์ใดบ้างที่ขนานกัน 1 2 8 9 1 7 8 2 1.1 2 , 1 , 4 , 3 , 3 , 0 , 0 , 4 2 1 2 1 1 0 0 4 0 1 1.2 2 , 1 , 3 , 3 , 8 , 1 , 2 2 1 2 2 2 4 3 1 2. จงหาจานวนจริง x และ y ที่สอดคล้องกับสมการแต่ละข้อ x 2 y 2 1 x 2 x 2.1 2 – 3 = 2.2 2 + 3 = – 2 y x 8 3 y 3 y คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 5 ขนาดของเวกเตอร หมายถึง ความยาวของส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทางที่แทนเวกเตอร์นั้น ถ้า p มีพิกัดจุด (x1, y1) และ Q มีพิกัดจุด (x2, y2) x x จะได้ PQ = 2 1 PQ = ( x2 x1 ) 2 ( y2 y1 ) 2 y 2 y1 a a ดังนั้น PQ = จะได้ขนาดของเวกเตอร์ = a 2 b2 b b ถ้า p มีพิกัดจุด (x1 , y1, z1) และ Q มีพิกัดจุด (x2, y2, z2) จะได้ ขนาดของเวกเตอร์ PQ มีค่าเท่ากับ x2 x1 2 y2 y1 2 z2 z1 2 ตัวอยางที่ 1 จงหาขนาดของเวกเตอร์ต่อไปนี้ 3 1.1 u = ดังนั้น u = 4 5 1.2 v = ดังนั้น v = 6 2 1.3 w = 1 ดังนั้น w = 2 1 1.4 x = 3 ดังนั้น x = 6 ตัวอยางที่ 2 กาหนดให้ A(2, –1), B(–2, 1), C(4, 2), D(3, 4) จงเขียนเวกเตอร์ต่อไปนี้ในรูปของ i และ j พร้อมทั้งหา ขนาดของเวกเตอร์ 2 2 4 2.1 AB = = = –4 i + 2 j 1 (1) 2 2.2 AB = (4)2 22 = 16 4 = 20 = 2 5 หน่วย 2.3 BC = ………………………………………………………………………………………. 2.4 BC = ………………………………………………………………………………………. 2.5 CD = ………………………………………………………………………………………. 2.6 CD = ………………………………………………………………………………………. คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 6 การหาเวกเตอรหนึ่งหนวย กาหนดให้ a 0 และ b 0 เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสองมิติ เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ เนื่องจาก a a u = = a i + b j ใด ๆ b u = b = a i + b j + c k ใด ๆ จะมีขนาดเท่ากับ a 2 b2 c จะมีขนาดเท่ากับ a 2 b 2 c 2 ดังนั้น เวกเตอรที่มีขนาดหนึ่งหนวย 1 a 1 a 2 b หรือ u 1 b หรือ 1 u และมีทิศทางเดียวกับ u คือ a b 2 u a 2 b 2 c 2 u c เวกเตอรที่มีขนาดหนึ่งหนวย 1 a 1 a หรื อ – u 1 b หรือ – 1 u และมีทิศทางตรงขามกับ u คือ a 2 b 2 b u – 2 u a b c 2 2 c เวกเตอรที่มีขนาดหนึ่งหนวย 1 a 1 a 2 b หรือ u 1 b หรือ และขนานกับ u คือ a b 2 u 2 a b c 2 2 c 1 u u ตัวอยางที่ 3 กาหนดให้ u = 3 i + 4 j และ v = i – 2 j จงหาเวกเตอร์ทตี่ ้องการ 1) เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่มีทิศทางเดียวกับ u 2) เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่มีทิศทางตรงข้ามกับ v 3) เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับ u – 2 v 4) เวกเตอร์ที่ขนานกับ v แต่มีขนาดเท่ากับ u คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 7 แบบฝกหัด 3.2 1. จงหาเวกเตอร์หนึ่งหน่วย ที่มีทิศทางเดียวกับ AB เมื่อกาหนดจุด A และจุด B มาให้ 1.1 A(1, 3), B(5, 3) 1.2 A(–4, –3), B(–4, 3) 1.3 A(0, 6, 1 ), B(–2, 2, 5) 2. จงหาเวกเตอร์หนึ่งหน่วยทีม่ ีทิศทางตรงกันข้ามกับ AB เมื่อกาหนดจุด A และจุด B มาให้ 2.1 A(0, 0), B(6, –8) 2.2 A(6, 1, –2 ), B(2, 5, 0) 3. จงหาเวกเตอร์ที่มีทิศทางเดียวกับ u แต่มีขนาดเท่ากับ v 3.1 u = 3 i – j + k , v = 2 i + j – k 3.2 u = – i + 2 j , v = –4 i – 2 j 4. กาหนดให้ u = – i + 5 j และ v = –2 i – j จงหาเวกเตอร์ต่อไปนี้ 4.1 เวกเตอร์หนึ่งหน่วย ที่มีทิศทางเดียวกับ u + v 4.2 เวกเตอร์หนึ่งหน่วย ที่มีทิศทางตรงกันข้ามกับ 2 u – v 4.3 เวกเตอร์หนึ่งหน่วย ที่ขนานกับ 5 u + v 4.4 เวกเตอร์ที่ขนานกับ u – v และมีขนาดเท่ากับ | u + v | คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 8 โคไซนแสดงทิศทาง (direction cosines) การกาหนดทิศทางของเวกเตอร์นนั้ นอกจากกาหนดด้วยพิกัดของเวกเตอร์แล้วยังสามารถกาหนดด้วยมุมที่เวกเตอร์ ทากับแกนพิกัดทั้งสามดังนี้ กาหนด O(0,0,0) และ P(a1, a2 , a3 ) จะได้ OP a1 i a2 j a3 k กาหนด , , 0, เป็นมุมที่วัดจากแกนพิกดั ด้านบวกทั้งสามตามลาดับ ไปยัง OP a1 i a2 j a3 k จะได้ OQ a1 OR a2 OS a3 cos cos cos OP OP OP OP OP OP หมายเหตุ ในที่นี้ OQ, OR, OS หมายถึงระยะที่มีทิศทางตามแนวแกน X , Y , Z ตามลาดับ , , เป็นมุมที่ OP ทากับแกน X , Y , Z ทางด้านบวก ตามลาดับ เรียกมุม , , ว่า มุมกาหนดทิศทาง ( direction angle ) ของ OP เรียก cos , cos และ cos ว่า โคไซน์แสดงทิศทาง ( direction cosine ) ของ OP ดังนั้น เราสามารถนิยามโคไซน์แสดงทิศทางของเวกเตอร์ใดๆ ได้ดังนี้ a1 บทนิยาม โคไซนแสดงทิศทาง ของ a เมื่อ a = a2 ซึ่ง a 0 เทียบกับแกน X, Y, Z ตามลาดับ a3 a1 a2 a3 คือ จานวนสามจานวนซึ่งเรียงกันตามลาดับ ดังนี้ , , a a a ตัวอยางที่ 4 4 1. ให้ a = 2 จงหาโคไซน์แสดงทิศทาง ของ a 4 วิธีทํา 2. จงหาโคไซน์แสดงทิศทางของเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่ P( 2, 2, 5 ) และจุดสิ้นสุดที่ Q( 1, 4, 2) วิธีทํา คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 9 บทนิยาม เวกเตอร์สองเวกเตอร์จะมีทิศทางเดียวกัน ก็ต่อเมื่อ มีโคไซน์แสดงทิศทางชุดเดียวกัน และจะมีทิศทางตรงขาม ก็ต่อเมื่อ โคไซน์แสดงทิศทางเทียบแต่ละแกนของเวกเตอร์หนึ่งเป็นจานวนตรงข้ามกับโคไซน์ แสดงทิศทางของอีกเวกเตอร์หนึ่ง ตัวอยางที่ 5 จงตรวจสอบว่าเวกเตอร์ต่อไปนี้คู่ใดขนานกัน a. เวกเตอร์ที่มจี ุดเริ่มต้นที่ P( 1, 2, 3 ) และจุดสิ้นสุดที่ Q( 2, –3, 5) b. เวกเตอร์ที่มจี ุดเริ่มต้นที่ O( 0, 0, 0 ) และจุดสิ้นสุดที่ R( –3, 15, –6) 2 c. a 10 4 วิธีทํา ผลคูณเชิงสเกลาร (Scalar Product of Dot Product) การคูณกันระหว่างเวกเตอร์ มี 2 แบบ คือ 1. ให้ผลลัพธ์เป็นสเกลาร์ เรียกว่า ผลคูณเชิงสเกลาร์ 2. ให้ผลลัพธ์เป็นเวกเตอร์ เรียกว่า ผลคูณเชิงเวกเตอร์ x x บทนิยาม กาหนดเวกเตอร์ u = 1 = x1 i + y1 j และ v = 2 = x2 i + y2 j y1 y2 ผลคูณเชิงสเกลาร ของ u และ v เขียนแทนดวย u v โดยที่ u v = x1x2 + y1y2 ถ้า u = x1 i + y1 j + z1 k และ v = x2 i + y2 j + z2 k ผลคูณเชิงสเกลาร ของ u และ v เขียนแทนดวย u v โดยที่ u v = x1x2 + y1y2 + z1z2 ตัวอยางที่ 6 ถ้า u = 3 i + 5 j และ v = 4 i – 6 j จงหา 1. u v = ……………………………………………………………………………. 2. v u = ……………………………………………………………………………. 3. 3 u 2 v = 3(3 i + 5 j )2(4 i – 6 j ) = ……………………………………………. คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 10 ตัวอยางที่ 7 ถ้า u = 3 i + 5 j + 2 k และ v = 4 i – 6 j + 3 k จงหา 1. u v = ……………………………………………………………………………. 2. v u = ……………………………………………………………………………. 3. 3 u 2 v = ……………………………………………………………………………. สมบัติที่สําคัญของผลคูณเชิงสเกลาร 1. u v = v u (สมบัติการสลับที่) 2. i i = j j = 1 3. i j=0 4. ถ้า a เป็นสเกลาร์ a u v = u (a v ) 5. u ( v + w ) = u v + u w (สมบัติการแจกแจง) u u = u 2 6. 7. ถ้ามุมระหว่าง u กับ v เป็น แล้ว u v = u v cos (มุมระหว่างเวกเตอร์ หมายถึง มุมที่ไม่ใช่มุมกลับ ซึ่งมีแขนของมุมเป็นรังสีที่ขนาน และมีทิศทางเดียวกันกับ เวกเตอร์ทั้งสอง นั่นคือ 0 180 ) ขอสังเกต 1. ถ้า u 0 และ v 0 แล้ว u v = 0 ก็ต่อเมื่อ u ตั้งฉากกับ v หรือ ถ้า u และ v เป็นเวกเตอร์ทไี่ ม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์ u ตั้งฉากกับ v ก็ต่อเมื่อ u v = 0 2. ถ้า u = xi y j และ v เป็นเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ตั้งฉากกับ u y x แล้ว v = i j x2 y 2 x 2 y 2 ตัวอยางที่ 8 จงหามุมระหว่างเวกเตอร์ต่อไปนี้ 1. u 3i 2 j และ v 9i 6 j 2. u 3i j และ v 2i 6 j u v u v cos = cos = u v u v 3. u 4i 2 j 4k และ v 2i 7 j k คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 11 ตัวอยางที่ 9 เวกเตอร์ในข้อใดเป็นเวกเตอร์ที่ตั้งฉากซึ่งกันและกัน 1 4 2 3 1. , 2. , 4 1 3 2 2 1 2 3 3. , 4. , 6 3 3 2 1 ตัวอยางที่ 10 จงหาค่า a ที่ทาให้ ตั้งฉากกับเวกเตอร์ต่อไปนี้ a 1 1 1. 2. 6 a ตัวอยางที่ 11 จงหาเวกเตอร์ 1 หน่วยที่ตั้งฉากกับ u = –7 i + 24 j ตัวอยางที่ 12 จงหามุมและความยาวรอบรูปของรูปสามเหลียม PQR เมือกําหนด P(0, 1), Q(10, 1), R(5, 6) R PQ = cos Q = 5 P Q QR = cos R = 10 PR = cos P = คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 12 ชุดที่ 3 ชื่อ ……………………..............………….………………………………….………………………. ชั้น ม.5/……… เลขที่ ……… เวกเตอร สรุป ถา u และ v เปนเวกเตอรในระบบแกนมุมฉากแลว 1. u v = u + v + 2 u v = u + v + 2 u v cos 2 2 2 2 2 2. u v = u + v – 2 u v = u + v – 2 u v cos 2 2 2 2 2 2 2 3. ( u + v )( u - v ) = u - v 4. u v u + v 5. u v u - v 6. ( u v )2 = u v หรือ u v = u v เมื่อ u ขนานกับ v 2 2 a c 7. ถ้า u = และ v = เป็นเวกเตอร์ใด ๆ แล้ว b d u ตั้งฉากกับ v เมื่อ u v 0 นั่นคือ ac bd 0 u ขนานกับ v เมื่อ ad bc a 8. เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ขนานกับเวกเตอร์ใด ๆ เมื่อกาหนด u = = a i + b j b a u 1 จะได้ เวกเตอร์หนึ่งหน่วย ที่ทิศเดียวกับ u คือ = a 2 b 2 b u u 1 a เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่ทิศตรงข้ามกับ u คือ - = - 2 2 u a b b a a b b 9. ถ้า u = ใด ๆ ที่ u 0 แล้ว ตั้งฉากกับ หรือ b b a a a i + b j ตั้งฉากกับ -b i + a j หรือ b i - a j ) 1 b 1 b และเวกเตอร์หนึ่งหน่วยทีต่ ั้งฉากกับ u คือ หรือ a2 b2 a a 2 b 2 a ตัวอยางที่ 1 ถ้า u = 2, v = 3 และ u v = 4 จงหา u v........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 04 (ค32202): เวกเตอร์ หน้า | 1 ตัวอยางที่ 2 ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ที่ไม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์ โดยที่มมุ ระหว่าง u กับ v เท่ากับ 30 ถ้า u = 3, v = 1 จงหาโคไซน์ของมุมระหว่าง u + v กับ u - v.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... แบบฝกหัด 1. ถ้า u = 3, v = 6 และ u v = 5 แล้ว 2. ถ้า u = 5, v = 4 และ u v = 7 แล้ว จงหา u – v จงหา u + v ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 3. ถ้า u = 4, v = 3 และ u v = 4. ถ้า u = 6, v = 8 และ u v = 2 37 25 12 3 แล้วจงหามุมระหว่าง u กับ v แล้วจงหามุมระหว่าง u กับ v..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................