โครงสร้างทฤษฎีการบัญชี

ทฤษฎีการบัญชี เป็นองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงแนวคิดนามธรรมหลาย ๆ แนวคิดเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เป็นแบบแผน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการอธิบายหรือพยากรณ์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

ทฤษฎี มีคุณสมบัติอย่างน้อย 3 ประการ คือ สามารถอธิบายความจริงหลักของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ อธิบายความจริงหลักนั้นออกมาเป็นกฎหรือความจริงอื่น ๆ ได้ และสามารถทำนายหรือพยากรณ์ปรากฏการณ์เหล่านั้นได้

การสร้างทฤษฎีการบัญชี เกิดจากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากปัญหาทางการบัญชีที่เกิดขึ้นจริง จากนั้นนำข้อมูลมาสร้างแบบจำลองทางทฤษฎีและทดสอบแบบจำลองเพื่อประเมินความถูกต้อง

ทฤษฎีการบัญชี มีโครงสร้างประกอบด้วย หลักการ (Principles) แนวคิด (Concepts) สมมติฐาน (Postulates) และข้อกำหนด (Conventions) ซึ่งหลักการเป็นรากฐานของแนวคิดและสมมติฐาน

การบัญชี เป็นกิจกรรมบริการที่ให้ข้อมูลเชิงปริมาณ เกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ

การบัญชี เป็นศิลปะของการบันทึก จัดประเภท และสรุปข้อมูลทางการเงิน ในลักษณะทีมีนัยยะสำคัญ และแสดงเป็นจำนวนเงิน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สามารถแปลความหมายได้

ทฤษฎีการบัญชี ช่วยให้สามารถอธิบายและคาดคะเนรายการและเหตุการณ์ทางบัญชีได้

วิธปฏิบัติทางการบัญชี เป็นไปตามลักษณะของทฤษฎีการบัญชี เช่น การบันทึก การรายงานตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในหลักการบัญชี

ทฤษฎีการบัญชี เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้เข้าใจ และสามารถวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนาระบบการบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การศึกษาและทำความเข้าใจทฤษฎีการบัญชี ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้การบัญชี เนื่องจากทฤษฎีการบัญชี เป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการบัญชี

ทฤษฎีบัญชีที่มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ควรจะเป็น หรือสิ่งที่เหมาะสมในการนำเสนอข้อมูลทางการเงิน โดยพิจารณาจากข้อสมเหตุสมผลทางด้านคณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และพฤติกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักการที่เหมาะสม

ใช้เพื่อหาโครงสร้างทางการเงินที่สมเหตุสมผล เช่น การใช้ข้อมูลทางคณิตศาสตร์เพื่อกำหนดอัตราส่วนทางการเงินที่เหมาะสม

ใช้เพื่อหามูลค่าของรายการและเหตุการณ์ทางบัญชี เช่น การใช้ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์เพื่อกำหนดมูลค่าของสินทรัพย์

ใช้เพื่อหาวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่เหมาะสม เช่น การใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมเพื่อกำหนดวิธีจัดการกับหนี้สิน

วัตถุประสงค์ของการบัญชีที่กำหนดโดยทฤษฎีบัญชี อาจใช้แนวทางเดียวหรือหลายแนวทางเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักการที่สมเหตุสมผล

หลักการพื้นฐานของการบัญชีที่กำหนดโดยทฤษฎีบัญชี อาจแบ่งออกเป็นหลักการทั่วไปและหลักการเฉพาะเจาะจง

การทดลองและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของสมมติฐาน

มาตรฐานการรายงานทางการเงินที่กำหนดโดยทฤษฎีบัญชี มีทั้งแบบอิงกับหลักการ (Principle-based) และแบบอิงกับกฎเกณฑ์ (Rule-based)

หลักการที่ใช้ในการกำหนดวิธีการวัดและรายงานข้อมูลทางการเงิน

หลักการที่กำหนดให้รายการและเหตุการณ์ทางการเงินจะต้องบันทึกและรายงานเฉพาะรายการและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้นเท่านั้น

หลักการที่กำหนดให้รายการและเหตุการณ์ทางการเงินจะต้องบันทึกและรายงานในงวดเวลาที่เกิดขึ้น

หลักการที่กำหนดให้รายการและเหตุการณ์ทางการเงินจะต้องบันทึกและรายงานในราคาทุน

หลักการที่กำหนดให้รายการและเหตุการณ์ทางการเงินจะต้องบันทึกและรายงานตามหลักความสำคัญ

การเลือกใช้วิธีการบัญชีบางอย่างอาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การบัญชีสำหรับการวิจัยและพัฒนา อาจส่งผลต่อ GDP ของประเทศได้

ในการเลือกใช้วิธีการบัญชี ควรพิจารณาถึงผลทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น เช่น การบัญชีสำหรับการเปลี่ยนแปลงในระดับราคา อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท

การสร้างทฤษฎีโดยขึ้นอยู่กับปฏิบัติจริง เป็นการสร้างทฤษฎีโดยศึกษาวิธีการบัญชีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

การสร้างทฤษฎีโดยบุคคลที่มีอำนาจ เช่น สมาคมวิชาชีพ มีบทบาทในการออกแบบมาตรฐานการบัญชี

การเลือกใช้วิธีการบัญชีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น ภายใต้สมการบัญชี

สมการบัญชีเป็นพื้นฐานของการบัญชี แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ

ฐานะการเงินแสดงภาพรวมของฐานะทางการเงินของบริษัท ณ เวลาหนึ่งเวลา

กำไรแสดงผลต่างระหว่างรายรับและรายจ่ายในช่วงเวลาหนึ่ง

การวิจัยด้านการบัญชีเชิงพฤติกรรม (Behavioral Accounting Research, BAR) เน้นศึกษาผลกระทบของพฤติกรรมมนุษย์ต่อการตัดสินใจทางการเงินและการปฏิบัติงานทางบัญชี

BAR มุ่งเน้นการวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมของผู้ใช้ข้อมูลทางการเงิน อย่างเช่น นักลงทุน หรือผู้จัดการ มีผลต่อการตัดสินใจทางการเงินอย่างไร

BAR ช่วยให้เราเข้าใจว่าข้อมูลทางการเงินที่มีอยู่ส่งผลต่อการกระทำของผู้คนอย่างไร และนำไปสู่การปรับปรุงการสื่อสารข้อมูลทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

BAR แตกต่างจากการวิจัยทางการบัญชีแบบดั้งเดิม (Traditional Accounting Research) ตรงที่ BAR เน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนในขณะที่การวิจัยแบบดั้งเดิมมุ่งเน้นการพัฒนาหลักการบัญชี

ความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม และความเป็นจริง เป็นหลักการสำคัญที่ใช้ในการสร้างข้อมูลทางการเงิน

ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและโปร่งใสจะช่วยให้ผู้ใช้ข้อมูลสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างถูกต้อง

วัตถุประสงค์ของการนำเสนอข้อมูลทางการเงิน คือ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ข้อมูลเข้าใจสถานะการณ์ทางการเงินของหน่วยงาน

ข้อมูลทางการเงินควรครอบคลุมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ครอบคลุมมุมมองที่กว้างขึ้น

การพัฒนาทฤษฎีการบัญชี อาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากไม่มีความแน่นอนในหลักเกณฑ์สำหรับการเลือกข้อมูลและการวัดมูลค่า

ข้อมูลในงบการเงินอาจมากเกินไป ผูใ้ ช้จึงอาจไม่ได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูล

การคาดคะเนความต้องการของผูใ้ ชེ་ข้อมูลในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ

การรวบรวมและวิเคราะห์ปัญหาทางการบัญชี เพื่อสร้างแบบจําลองทางทฤษฎี และทดสอบความถูกต้องของแบบจําลอง

การสร้างทฤษฎีการบัญชี โดยอาศัยความพยายามของนักบัญชี สมาคมนักวิชาชีพและองค์กรของรัฐ

เพื่อช่วยให้ผูลงทุนหรือผูใ้ ช้ข้อมูลเข้าใจ เหตุการณ์ วตถูประสงค์ และความสัมพันธ์ของข้อมูล เพื่อใช้ในการตัดสินใจ