แบบจำลองเชิงสัมพันธ์
25 Questions
0 Views

Choose a study mode

Play Quiz
Study Flashcards
Spaced Repetition
Chat to lesson

Podcast

Play an AI-generated podcast conversation about this lesson

Questions and Answers

เงื่อนไขบังคับทั่วไปเป็นอย่างไร?

  • ข้อกำหนดทางธุรกิจ
  • เกี่ยวข้องกับความหมายของข้อมูล
  • กำหนดข้อกำหนดข้อมูลอื่นๆ
  • ทั้งหมดที่กล่าวมา (correct)
  • จับคู่การใช้งานของความสัมพันธ์ต่างๆ:

    อาจารย์ = สอน นักเรียน = ลงทะเบียน แผนก = งานของ พนักงาน = จัดการ

    เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอกคือ _____

    Foreign Key Constraints

    การแปลง ER Model เป็นแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอะไร?

    <p>การแปลงเอนทิตีให้เป็นตารางและการแปลงความสัมพันธ์ให้เป็นตาราง</p> Signup and view all the answers

    คีย์ประกอบหมายถึงอะไร?

    <p>คีย์ที่ประกอบด้วยแอทริบิวต์มากกว่า 1 แอทริบิวต์</p> Signup and view all the answers

    คีย์คู่แข่งคืออะไร?

    <p>คีย์ที่สามารถเป็นคีย์หลักของรีเลชัน</p> Signup and view all the answers

    คีย์หลักคืออะไร?

    <p>คีย์คู่แข่งที่ถูกเลือกมาเป็นคีย์หลัก</p> Signup and view all the answers

    คีย์รองหมายถึงอะไร?

    <p>คีย์คู่แข่งที่ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นคีย์หลัก</p> Signup and view all the answers

    Superkey คืออะไร?

    <p>เซ็ตของแอทริบิวต์ที่มีคีย์เป็นสมาชิก</p> Signup and view all the answers

    Foreign key คืออะไร?

    <p>แอทริบิวต์ในรีเลชันที่อ้างอิงมาจากคีย์หลักของรีเลชัน</p> Signup and view all the answers

    เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอกคืออะไร?

    <p>ข้อกำหนดของข้อมูลที่อ้างอิงกันระหว่างรีเลชัน</p> Signup and view all the answers

    Primary key สามารถประกอบได้จากหลายแอทริบิวต์ได้หรือไม่?

    <p>False</p> Signup and view all the answers

    แบบจำลองเชิงสัมพันธ์มีวิวัฒนาการอย่างไร?

    <p>จากแบบจำลองเชิงเอนทิตี</p> Signup and view all the answers

    กฎ 12 ข้อของ E.F.Codd คืออะไร?

    <p>เป็นหลักการที่กำหนดกฎเกณฑ์บังคับเพื่อให้ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ</p> Signup and view all the answers

    เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ (Integrity Constraints) สามารถกำหนดข้อมูลในฐานข้อมูลได้

    <p>True</p> Signup and view all the answers

    แนวคิดของแบบจำลองเชิง ___________ คือการจัดการข้อมูลเป็นตาราง

    <p>สัมพันธ์</p> Signup and view all the answers

    เงื่อนไขบังคับคีย์ (Key Constraints) คืออะไร?

    <p>การป้องกันไม่ให้มีข้อมูลซ้ำ</p> Signup and view all the answers

    หลักการของ Foreign Key Constraints คืออะไร?

    <p>การเชื่อมโยงระหว่างตารางโดยใช้คีย์ภายนอก</p> Signup and view all the answers

    การแปลงเอนทิตีให้เป็นตาราง ต้องทำตามขั้นตอนใด?

    <p>ทั้งหมดที่กล่าวมา</p> Signup and view all the answers

    วิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์คืออะไร?

    <p>วิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากแบบจำลองข้อมูลเชิงลำดับชั้นและเครือข่ายมาเป็นแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่เสนอโดย E.F.Codd ในปี 1970.</p> Signup and view all the answers

    กฎข้อที่ 0 ของ E.F.Codd กล่าวถึงอะไร?

    <p>กฎพื้นฐาน</p> Signup and view all the answers

    คีย์ (?) คือ แอทริบิวต์หรือกลุ่มของแอทริบิวต์ที่สามารถระบุทูเพิลได้อย่างเฉพาะเจาะจง.

    <p>หลัก</p> Signup and view all the answers

    เชิงสัมพันธ์หมายถึงการใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเดียวกันสำหรับทุกแถวในตาราง.

    <p>True</p> Signup and view all the answers

    อะไรคือ เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ?

    <p>เงื่อนไขบังคับบูรณภาพคือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในฐานข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องตรงตามลักษณะการใช้งาน.</p> Signup and view all the answers

    จับคู่เงื่อนไขบังคับในฐานข้อมูลกับคำอธิบายที่ถูกต้อง:

    <p>Primary Key = แอทริบิวต์ที่ระบุทูเพิลเฉพาะในตาราง Foreign Key = แอทริบิวต์ที่เชื่อมโยงระหว่างรีเลชัน Integrity Constraints = กฎที่บังคับให้ข้อมูลถูกต้อง Schema = โครงสร้างของข้อมูลในรีเลชัน</p> Signup and view all the answers

    Study Notes

    วัตถุประสงค์

    • สามารถอธิบายวิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์
    • อธิบายแนวคิดและการแทนข้อมูลในแบบจำลองเชิงสัมพันธ์ได้
    • อธิบายการกำหนดเงื่อนไขบังคับสำหรับบูรณภาพของข้อมูลได้
    • สร้างแบบจำลองเชิงสัมพันธ์ได้

    คำสำคัญ

    • กฎ 12 ข้อของ E.F. Codd
    • รีเลชัน (Relation), สคีมา (Schema), และกรณีตัวอย่าง (Instance)
    • ทูเพิล (Tuple), ฟิลด์ (Field), โดเมน (Domain), ดีกรี (Degree), คาร์ดินัลลิตี (Cardinality)
    • เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ (Integrity Constraints)
    • คีย์หลัก (Primary Key), คีย์คู่แข่ง (Candidate Key), คีย์ประกอบ (Composite Key), คีย์ภายนอก (Foreign Key)

    แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • แบบจำลองเชิงสัมพันธ์พัฒนาขึ้นโดย E.F. Codd ในปี 1970
    • ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ใช้งานง่าย และได้รับความนิยมมากกว่าแบบอื่น

    วิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • 1970s: IBM’s System R แรกเริ่มของการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
    • INGRES ระบบที่คล้ายกับ IBM’s System R พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กลีย์
    • 1980: ระบบฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์ เช่น Microsoft Access, Oracle, MySQL

    กฎ 12 ข้อของ E.F. Codd

    • กฎข้อที่ 0: ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ต้องจัดการข้อมูลโดยใช้หลักเชิงสัมพันธ์
    • กฎข้อที่ 1: ข้อมูลต้องปรากฏอย่างชัดแจ้งในตาราง
    • กฎข้อที่ 2: ข้อมูลทุกค่าต้องเข้าถึงได้ด้วยการระบุชื่อคีย์
    • กฎข้อที่ 3: รองรับค่าว่าง (Null value)
    • กฎข้อที่ 4: สร้างคลังข้อมูลที่เรียกดูได้
    • กฎข้อที่ 5: ต้องมีภาษาในการจัดการข้อมูลอย่างครบถ้วน
    • กฎข้อที่ 6: สามารถแก้ไขข้อมูลผ่านทางวิว
    • กฎข้อที่ 7: รองรับการเพิ่ม ลบ และแก้ไขข้อมูล
    • กฎข้อที่ 8: ความเป็นอิสระของข้อมูลระดับกายภาพ
    • กฎข้อที่ 9: ความเป็นอิสระของข้อมูลระดับตรรกะ
    • กฎข้อที่ 10: รองรับการบูรณภาพ (Integrity independence)
    • กฎข้อที่ 11: อิสระในการกระจายข้อมูล
    • กฎข้อที่ 12: ไม่อนุญาตให้เลี่ยงกฎบูรณภาพด้วยภาษาในระดับต่ำกว่า

    เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ

    • เงื่อนไขเพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องตามการใช้งาน

    คีย์ในแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • คีย์หลัก (Primary Key): ระบุทูเพิลได้อย่างเฉพาะเจาะจง
    • คีย์คู่แข่ง (Candidate Key): สามารถกลายเป็นคีย์หลักได้
    • คีย์ประกอบ (Composite Key): ประกอบด้วยแอทริบิวต์มากกว่า 1 ตัว
    • คีย์ภายนอก (Foreign Key): อ้างอิงจากคีย์หลักของรีเลชันอื่น

    คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

    • รีเลชัน (Relation): ตารางข้อมูลที่มีคอลัมน์และแถว
    • ทูเพิล (Tuple): แถวของข้อมูลในตาราง
    • แอทริบิวต์ (Attribute): คอลัมน์ในตาราง
    • ดีกรี (Degree): จำนวนแอทริบิวต์ในรีเลชัน
    • คาร์ดินัลลิตี (Cardinality): จำนวนแถวในรีเลชัน

    ข้อดีของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์

    • ผลงานที่พัฒนามีประสิทธิภาพสูง
    • โครงสร้างข้อมูลเรียบง่าย
    • มีภาษาที่เหมาะสม เช่น SQL, QBE ที่ง่ายต่อการเข้าใจและใช้งาน### ข้อดีของระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
    • ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ช่วยให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น
    • สามารถจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน ทำให้ควบคุมและเรียกดูข้อมูลได้ง่าย

    คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ (Integrity Constraints) คือ ข้อกำหนดที่ช่วยรักษาความถูกต้องของข้อมูล
    • เงื่อนไขบังคับคีย์ (Key Constraints) ใช้เพื่อกำหนดความเป็นเอกลักษณ์ของข้อมูลในรีเลชัน
    • เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอก (Foreign Key Constraints) สร้างความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลในรีเลชันเพื่อความสอดคล้องกัน

    เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอก

    • เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอกบังคับให้ข้อมูลที่อ้างอิงกันอยู่ในฐานข้อมูลต้องมีความสัมพันธ์กัน
    • ช่วยรักษาความถูกต้องในการอ้างอิงข้อมูล ทำให้เกิดบูรณภาพเชิงอ้างอิง (referential integrity)

    ความสำคัญของบูรณภาพเชิงอ้างอิง

    • การกำหนดเงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอกเป็นการบังคับให้ฐานข้อมูลรักษาความถูกต้อง
    • บูรณภาพเชิงอ้างอิงช่วยป้องกันปัญหาข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันในฐานข้อมูล

    แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • วิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์ส่งผลต่อการพัฒนาระบบฐานข้อมูลในปัจจุบัน
    • กฎ 12 ข้อของ E.F. Codd เป็นแนวทางสำคัญในการออกแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์### ข้อดีของระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
    • รองรับการจัดการข้อมูลในรูปแบบของตาราง ช่วยให้การเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้สะดวก
    • ทำให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลได้ง่าย และมีความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล

    เงื่อนไขบังคับบูรณภาพ (Integrity Constraints)

    • เงื่อนไขบังคับคีย์ (Key Constraints): ป้องกันการมีข้อมูลที่ซ้ำกันในตาราง
    • เงื่อนไขบังคับคีย์ภายนอก (Foreign Key Constraints): เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตารางให้สัมพันธ์กัน
    • เงื่อนไขบังคับทั่วไป (General Constraints): กำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับความหมายของข้อมูลหรือข้อกำหนดทางธุรกิจ เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีต้องมีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.75

    การแปลง ER Model

    • การแปลงเอนทิตีให้เป็นตาราง: เอนทิตีจะถูกแทนด้วยตารางในแบบจำลองเชิงสัมพันธ์และแอทริบิวต์ของเอนทิตีกลายเป็นแอทริบิวต์ของรีเลชัน
    • การแปลงความสัมพันธ์ให้เป็นตารางจำแนกออกเป็นหลายประเภท เช่น ความสัมพันธ์ที่ไม่มีเงื่อนไข, ความสัมพันธ์ที่มี Key Constraints, ความสัมพันธ์ที่มี Participation Constraints

    ความสัมพันธ์: One-to-many และ Participation Constraints

    • ความสัมพันธ์ one-to-many: ตัวอย่างคือพนักงานที่จัดการหลายแผนก โดยพนักงานสามารถมีแผนกได้หลายแห่ง
    • ความสัมพันธ์ participation constraints: กำหนดการมีอยู่ของข้อมูลในความสัมพันธ์ เช่น พนักงานทุกคนต้องมีแผนกทำงาน

    ความสัมพันธ์: Weak Entity

    • Weak entity: สร้างความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถอยู่ได้เอง ต้องพึ่งพาข้อมูลในเอนทิตีอื่น เช่น ข้อมูลผู้ติดตามในระบบประกันภัยที่ขึ้นอยู่กับนโยบาย

    ความสัมพันธ์: Class Hierarchies

    • Class hierarchies: ใช้ในการจำแนกประเภท เช่น พนักงานที่เป็นพนักงานประจำ, ชั่วโมง และสัญญาจ้างงาน กล่าวถึงการใช้งานของประเภทต่างๆ

    กรณีศึกษา

    • 7-Elephant: แสดงข้อมูลคำสั่งซื้อที่ประกอบด้วยวันที่สั่งซื้อ, หมายเลขบัตร, จำนวน และอื่นๆ
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรบุรุษ: แสดงโครงสร้างความสัมพันธ์ของการสอน, หลักสูตร และนักศึกษา
    • อู่เฉิดฉาย: ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและรถยนต์ โดยจะแยกข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมในกลุ่มช่างซ่อมรถ

    แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจำลองเชิงสัมพันธ์

    • วิวัฒนาการของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์: มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 1970 โดย E.F. Codd ซึ่งได้กำหนดกฎ 12 ข้อสำหรับการสร้างแบบจำลองที่สมบูรณ์

    Studying That Suits You

    Use AI to generate personalized quizzes and flashcards to suit your learning preferences.

    Quiz Team

    Related Documents

    04 Relational Model [2024].pptx

    Description

    แบบสอบถามนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิวัฒนาการและความสำคัญของแบบจำลองเชิงสัมพันธ์ พร้อมทั้งแนวคิดในการแทนข้อมูลและเงื่อนไขบังคับสำหรับความบูรณภาพของข้อมูล โดยอิงตามหลักการ 12 ข้อของ E.F.Codd.

    More Like This

    Quiz sobre modelos de datos en bases de datos
    10 questions
    Relational Model Overview
    28 questions
    Database Design and Relational Model
    24 questions
    Use Quizgecko on...
    Browser
    Browser