การวัดผลการดำเนินงาน (กำไร) PDF

Document Details

FresherNephrite8960

Uploaded by FresherNephrite8960

เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์

Tags

financial accounting profit measurement economic profit business analysis

Summary

เอกสารนี้กล่าวถึงแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการวัดผลกำไรในธุรกิจ รวมถึงการคำนวณกำไรทางเศรษฐศาสตร์และการเปรียบเทียบกับกำไรทางบัญชี

Full Transcript

แนวคิดการวัดผลกาไร ผลกำไร  ผลกำไร (Income) เป็ นข้อมูลทำงบัญชี ซึ่ งผูใ้ ช้งบกำรเงินใช้ในกำรตัดสิ นใจเชิง เศรษฐกิจ เช่น ตัดสิ นใจลงทุน จ่ำยเงินปั นผล และจ่ำยภำษีเงินได้  แนวคิดในกำรวัดผลกำไรที่แตกต่ำงกันย่อส่ งผลให้ตวั เลขกำไรแตกต่ำงกันไปด้วย วัตถุประสงค์ ของกำรวัดผลกำไร  ใช้ผลกำไรในกำ...

แนวคิดการวัดผลกาไร ผลกำไร  ผลกำไร (Income) เป็ นข้อมูลทำงบัญชี ซึ่ งผูใ้ ช้งบกำรเงินใช้ในกำรตัดสิ นใจเชิง เศรษฐกิจ เช่น ตัดสิ นใจลงทุน จ่ำยเงินปั นผล และจ่ำยภำษีเงินได้  แนวคิดในกำรวัดผลกำไรที่แตกต่ำงกันย่อส่ งผลให้ตวั เลขกำไรแตกต่ำงกันไปด้วย วัตถุประสงค์ ของกำรวัดผลกำไร  ใช้ผลกำไรในกำรคำดคะเนเหตุกำรณ์ทำงเศรษฐกิจ และผลกำไรในอนำคตที่ คำดว่ำจะเกิดขึ้น  ใช้ผลกำไรในกำรประเมินผลกำรบริ หำรงำนและกำรจัดกำรของผูบ ้ ริ หำร ของกิจกำร  ใช้ผลกำไรในกำรตัดสิ นใจว่ำควรขำย หรื อควรถือเงินลงทุนในกิจกำรนั้น ต่อไป  ใช้ผลกำไรในกำรกำหนดนโยบำยทำงกำรเงิน และกำรจัดกำรที่สำคัญ เช่น นโยบำยกำรจ่ำยเงินปันผล กำรจ่ำยภำษีเงินได้ เป็ นต้น ข้ อควำมพิจำรณำในกำรวัดผลกำไรของกิจกำร  รำยกำรใดควรรับรู ้ในงบกำไรขำดทุนเพื่อคำนวณหำผลกำไรสำหรับงวด บัญชี  แนวคิดในกำรวัดผลกำไรที่แตกต่ำงกัน จะสำมำรถตอบสนองควำมต้องกำร ของผูใ้ ช้งบกำรเงินทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้หรื อไม่  แนวคิดในกำรวัดผลกำไรแนวคิดใดที่ให้ผลกำไรใกล้เคียงกับกำไรทำง เศรษฐศำสตร์ และสำมำรถใช้แนวคิดในกำรวัดผลกำไรทำงเศรษฐศำสตร์มำ ทดแทนแนวคิดกำรวัดผลกำไรทำงบัญชีได้หรื อไม่ ควำมหมำยของกำรวัดผลกำไร 1. กำไรทำงเศรษฐศำสตร์ ➔ ส่ วนที่เพิ่มขึ้นของมูลค่ำของสิ นค้ำหรื อบริ กำร เนื่องจำกกำรขำย ดังนั้น กำไรทำงเศรษฐศำสตร์ = รำยได้จำกกำรขำยหรื อให้บริ กำร - ต้นทุน ขำยหรื อให้บริ กำร = กำไรขั้นต้น 2. กำไรของกิจกำร ➔ กำไรที่เกิดจำกกำรดำเนินงำนของกิจกำร กำไรดังกล่ำวใช้วดั ประสิ ทธิภำพในกำรดำเนินงำน ดังนั้น กำไรในควำมหมำยนี้จึงเป็ นของเจ้ำของ เจ้ำหนี้ และรัฐ กำไรของกิจกำร = กำไรขั้นต้น – ค่ำใช้จ่ำยในกำรขำยและบริ หำร = กำไรจำกกำรดำเนินงำน = กำไรก่อนดอกเบี้ยและภำษี ควำมหมำยของกำรวัดผลกำไร 3. กำไรของผูล้ งทุน ➔ กำไรส่ วนที่เป็ นของเจ้ำหนี้และเจ้ำของ กำไรของผูล้ งทุน = กำไรจำกกำรดำเนินงำน – ภำษีเงินได้ = กำไรของกิจกำร – ภำษีเงินได้ 4. กำไรของผูถ้ ือหุน้ ➔ กำไรของกิจกำรหักด้วยดอกเบี้ยและภำษีเงินได้ กำไรจึง เป็ นของผูถ้ ือหุน้ สำมัญและผูถ้ ือหุน้ บุริมสิ ทธิ กำไรของผูถ้ ือหุน้ = กำไรของผูล้ งทุน – ดอกเบี้ยจ่ำย = กำไรสุ ทธิ 5. กำไรของผูถ้ ือหุน้ สำมัญ กำไรของผูถ้ ือหุน้ สำมัญ = กำไรของผูถ้ ือหุน้ – เงินปันผลจ่ำยของผูถ้ ือหุน้ บุริมสิ ทธิ หน่ วย:บำท ผู้รับประโยชน์ รำยได้จำกกำรขำยหรื อให้บริ กำร 10,000,000 ต้นทุนขำยหรื อให้บริ กำร 6,000,000 (1) กำไรขั้นต้ น = กำไรทำงเศรษฐศำสตร์ 4,000,000 เจ้ ำของ เจ้ ำหนี้ รัฐ บุคคลทัว่ ไป ค่ำใช้จ่ำยในกำรขำยและบริ หำร 1,200,000 บุคคลทัว่ ไป (2) กำไรจำกกำรดำเนินงำน = กำไรของกิจกำร 2,800,000 เจ้ ำของ เจ้ ำหนี้ รัฐ ภำษีเงินได้ 600,000 รัฐ (3) กำไรก่อนดอกเบีย้ จ่ ำย แต่ หลังภำษีเงินได้ = กำไรของผู้ลงทุน 2,200,000 เจ้ ำของ เจ้ ำหนี้ ดอกเบี้ยจ่ำย 800,000 เจ้ำหนี้ (4) กำไรสุ ทธิ = กำไรของผู้ถือหุ้น 1,400,000 เจ้ ำของ เงินปั นผลจ่ำยของหุ น้ บุริมสิ ทธิ 900,000 ผูถ้ ือหุน้ บุริมสิ ทธิ (5) กำไรของผู้ถือหุ้นสำมัญ 500,000 ผู้ถือหุ้นสำมัญ แนวคิดในกำรวัดผลกำไร ➔ พิจำรณำจำกสำเหตุทที่ ำให้ กำรวัดผล กำไรแตกต่ ำงกัน 1. แนวคิดทำงกำรบัญชี 2. แนวคิดทำงเศรษฐศำสตร์ 3. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม 4. แนวคิดเกี่ยวกับกำไรภำยใต้ควำมไม่แน่นอน 1. แนวคิดทำงกำรบัญชี  เกิดจำกโครงสร้ำงกำรบัญชี ควำมหมำยของกำไรทำงบัญชี คือ ผลต่ำงระหว่ำงรำยได้ที่เกิดขึ้น ในงวดบัญชีกบั ต้นทุนและค่ำใช้จ่ำยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่ งเป็ นผลมำจำก 1. ข้อสมมติข้ น ั มูลฐำนทำงกำรบัญชี ➔หลักกำรเกิดขึ้นของรำยได้ หลักรำคำทุน หลักกำรจับคู่ รำยได้กบั ค่ำใช้จ่ำย และหลักรอบเวลำ 2. รำยกำรและเหตุกำรณ์ทำงบัญชีที่เกิดขึ้นแล้ว ➔พิจำรณำจำกหลักกำรดำเนินงำนต่อเนื่อง คือ กิจกำรไม่มีเจตนำ หรื อมีควำมจำเป็ นที่จะเลิกกิจกำรหรื อลดขนำดกำรดำเนินงำนอย่ำงมี นัยสำคัญ  วิธีกำรวัดผลกำไรทำงกำรบัญชี แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ 1. กำรวัดผลกำไรจำกรำยกำรและเหตุกำรณ์ทำงบัญชี ➔ เป็ นรำยกำรที่เกิดขึ้นกับทั้งภำยนอก และภำยในกิจกำร (ข้อดี คือ กิจกำรสำมำรถแสดงรำยละเอียดของกำไรได้หลำยรู ปแบบ กิจกำรสำมำรถแสดงกำไรตำมสำเหตุของกำรเกิดผลกำไร) 2. กำรวัดผลกำไรจำกกิจกรรม ➔พิจำรณำจำกกิจกรรมในกำรดำเนินธุรกิจ (กำรผลิต กำรขำย กำรเก็บเงินค่ำขำย) ข้อดีคือ กิจกำรสำมำรถวัดผลกำไรตำมวัตถุประสงค์ของกำรดำเนินงำน 2. แนวคิดทำงเศรษฐศำสตร์ มีดงั นี้ 1. แนวคิดเกีย่ วกับควำมหมำยของกำไร  กำไร หมำยถึง กำรเพิ่มขึ้นของเศรษฐทรัพย์ หรื อทุน ซึ่ งประเมินจำกฐำนะของเศรษฐ ทรัพย์หรื อทุน ณ วันปลำยงวดเทียบกับทุน ณ วันต้นงวด  กำไรทำงเศรษฐศำสตร์ หมำยถึง กำรบริ โภคบวกกำรออม ส่ วนกำรออม หมำยถึง ทุนที่ เพิ่มขึ้น ดังสมกำร Y = C + S หรื อ Y = C + (kt – k1- t)  กำไรทำงเศรษฐศำสตร์ มีควำมแตกต่ำงจำกกำไรทำงบัญชี แต่มีลกั ษณะคล้ำยกับกำไร ขั้นต้น ซึ่ งกำไรทำงบัญชี หมำยถึง กำไรสุ ทธิ คือ รำยได้หกั ค่ำใช้จ่ำย 2. แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน  แนวคิดนี้พิจำรณำเฉพำะมูลค่ำที่เป็ นตัวเงินเท่ำนั้น ไม่คำนึงถึงกำรเปลี่ยนแปลงใน ระดับรำคำ ดังนั้นจึงเกิดปั ญหำในเรื่ องต่ำง ๆ ได้แก่ กำรตั้งรำยจ่ำยขึ้นเป็ นทุน กำรวัด มูลค่ำตลำด มูลค่ำเงินสดเทียบเท่ำในปั จจุบนั รำคำทุนเดิม รำคำปั จจุบนั ในกำรจัดหำ กำรรักษำระดับควำมสำมำรถในกำรผลิต และอำนำจซื้ อคงที่ แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน 1. กำรตั้งรำยจ่ำยขึ้นเป็ นทุน (Capitalization) ั ของกระแสเงินสดที่กิจกำรต้องจ่ำย  เป็ นวิธีกำรวัดมูลค่ำโดยกำรคำนวณมูลค่ำปั จจุบน ให้แก่เจ้ำของตลอดอำยุกำรดำเนินธุรกิจและเมื่อเลิกกิจกำร ดังนั้น สู ตรในกำรคำนวณ มูลค่ำปัจจุบนั คือ 𝑅𝑡 𝑃𝑡−1 = σ𝑛𝑡−1 (1+𝑖)𝑡 𝑅𝑡 𝑃𝑡 = σ𝑛𝑡−2 (1+𝑖)𝑡−1 กำไรเท่ำกัน 𝐼𝑡 = 𝑃𝑡 - 𝑃𝑡−1 + 𝑅𝑡 ตัวอย่ ำง- กำรตั้งรำยจ่ ำยขึน้ เป็ นทุน กิจกำรแห่งหนึ่งประมำณว่ำต้นทุนของเงินทุนเท่ำกับ 5% และจำนวนเงินที่ตอ้ งจ่ำยให้แก่ผถู ้ ือหุน้ ในอนำคต เป็ นดังนี้ ปี ที่ (t) จำนวนเงิน (R) 1 10,000 2 30,000 3 20,000 ให้ หำ: มูลค่ำปั จจุบนั ของกำไร ณ สิ้ นปี ที่ 1 ทุน ณ วันต้นปี (P0) = 10,000(0.9524) + 30,000( 0.9070) + 20,000(0.8936) = 54,006 บำท ทุน ณ วันปลำยปี (P1) = 10,000 + 30,000(0.9524) + 20,000(0.9070) = 56,712 บำท กำไรปี ที่ 1 = 56,712 – 54,006 + 10,000 = 12,706 บำท แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน 2. กำรวัดมูลค่ำตลำด (Market Valuation)  เป็ นวิธีกำรวัดมูลค่ำโดยคำนวณจำกจำนวนหุ น ้ ทั้งหมดของกิจกำรที่ออกจำหน่ำยคูณ ด้วยรำคำตลำดของหุน้ นั้น (วัดมูลค่ำที่กำหนดโดยผูล้ งทุน) พิจำรณำจำกควำมเต็มใน กำรลงทุนซื้อหุน้ ของกิจกำร ตัวอย่ ำง กิจกำรออกหุน้ สำมัญ 10,000 หุน้ รำคำตำมมูลค่ำหุน้ ละ 10 บำท ณ วันสิ้ นงวด รำคำ ตลำดของหุน้ ำมัญเท่ำกัน 15 บำท ดังนั้น มูลค่ำตลำอของหุน้ เท่ำกัน 10,000*15 = 150,000 บำท แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน 3. มูลค่ำเงินสดเทียบเท่ำในปั จจุบนั (Current Cash Equivalent)  เป็ นวิธีวดั มูลค่ำของทุนที่คำนวณจำกมูลค่ำสุ ทธิของสิ นทรัพย์ที่ขำยได้ (รำคำตลำดของสิ นทรัพย์ หักด้วยรำคำตลำดของหนี้สิน) วิธีน้ ีตอ้ งอำศัยควำมเห็นของผูเ้ ชี่ยวชำญ ที่ตอ้ งปรับด้วยควำมเสี่ ยง ควำมไม่แน่นอนและปั จจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้งกับสิ นทรัพย์และหนี้สินแต่ละรำยกำร 4. รำคำทุนเดิม (Historical Input Price)  วิธีน้ ี กำไรเกิดจำกกำรดำเนิ นงำนและกำไรที่เกิดจำกกำรถือสิ นทรัพย์ไว้เฉพำะส่ วนที่ เกิดขึ้นแล้ว 5. รำคำปัจจุบนั ในกำรจัดหำ (Current Input Price)  รำคำปั จจุบน ั ในกำรจัดหำเป็ นรำคำที่ได้มำจำกกำรพิจำรณำว่ำ หำกกิจกำรต้องจัดหำ สิ นทรัพย์ที่มีอยูใ่ นกิจกำรขณะนั้น กิจกำรต้องจ่ำยเงินเป็ นจำนวนเท่ำใด  วิธีน้ ี กำไรเกิดจำกกำรมีกรรมสิ ทธิ์ ในสิ นทรัพย์ท้ งั ส่ วนที่เกิดขึ้นแล้วและส่ วนที่ยงั ไม่เกิดขึ้น แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน 6. กำรรักษำระดับควำมสำมำรถในกำรผลิต (Productive Capacity Maintenance)  วิธีน้ ี กำไรเกิดขึ้นเมื่อกำลังกำรผลิตที่กิจกำรผลิตได้จริ งเมื่อสิ้ นรอบระยะเวลำบัญชี สู งกว่ำกำลังกำรผลิตเมื่อเริ่ มรอบระยะเวลำบัญชี ตัวอย่ำง กิจกำรมีสินทรัพย์สุทธิ ณ วันต้นงวด 10,000 บำท สิ นทรัพย์สุทธิ ณ วันปลำย งวด 18,000 บำท และมีมูลค่ำสิ นทรัพย์ตำมรำคำตลำดหรื อมูลค่ำของสิ นทรัพย์ที่ทำให้ กิจกำรสำมำรถผลิตสิ นค้ำด้ ณ วันสิ้ นงวดเท่ำกับ 15,000 บำท ดังนั้น กำไรของกิจกำร ซึ่ งวัดจำกมูลค่ำที่เป็ นจำนวนเงิน คือ กำไร = 18,000 – 10,000 = 8,000 บำท กำไรของกิจกำร ซึ่ งวัดจำกควำมสำมำรถในกำรผลิต คือ กำไร = 15,000 – 10,000 = 5,000 บำท แนวคิดเกีย่ วกับทุนและกำรรักษำระดับทุน 7. อำนำจซื้ อคงที่ (Constant Purchasing Power)  เป็ นวิธีที่พิจำรณำกำรเปลี่ยนแปลงในอำนวจซื้ อ โดยปรับมูลค่ำสิ นทรัพย์ ณ วันต้น งวดและสิ นทรัพย์ ณ วันปลำยงวดด้หวยอำนำจซื้ อก่อนเพื่อนำไปเปรี ยบเทียบหำ กำไร จำกตัวอย่ำงก่อน หำกดัชนีรำคำสิ นค้ำเพิ่มขึ้น 10% กำไรของกิจกำร ซึ่ งวัดจำกมูลค่ำเป็ นตัวเงิน คือ กำไร = 18,000 – (10,000*1.10) = 7,000 บำท กำไรของกิจกำร ซึ่ งวัดจำกควำมสำมำรถในกำรผลิต คือ กำไร = 15,000 – (10,000*1.10) = 4,000 บำท **ข้อจำกัดของแนวคิดนี้ กิจกำรไม่สำมำรถแสดงรำยละเอียดของรำยกำรที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่ ทรำบว่ำกำไรหรื อขำดทุนของกิจกำรมำจำกรำยกำรใดบ้ำง 3. แนวคิดเกีย่ วกับพฤติกรรม  แนวคิดเกี่ยวกับกำรวัดผลกำไรตำมพฤติกรรม เกิดจำกกำรนำผลกำไรไปใช้ใน กระบวนกำรตัดสิ นใจของผูท้ ี่เกี่ยวข้อง เช่น - ใช้ผลกำไรเพื่อคำดคะเนเหตุกำรณ์ในอนำคต เช่น เงินปันผลที่กิจกำรจะจ่ำย ในอนำคต รำคำตลำดของหุน้ ในอนำคต - ใช้ผลกำไรในกำรตัดสิ นใจด้ำนกำรบริ หำรงำน เช่น กำรใช้ผลกำไรในกำร วำงแผนและควบคุมงำนในอนำคต - ใช้ผลกำไรในกำรประมำณกำร เช่น ประมำณกำรกระแสเงินสด ประมำณ กำรอัตรำผลตอบแทนจำกกำรลงทุน **แนวคิดนี้จะเห็นว่ำกำรวัดผลกำไรด้วยรำคำทุนปัจจุบนั ย่อมตอบสนองควำม ต้องกำรของผูใ้ ช้ขอ้ มูลได้ดีกว่ำกำรวัดผลกำไรจำกข้อมูลในอดีต 4. แนวคิดเกีย่ วกับกำไรภำยใต้ ควำมไม่ แน่ นอน  กำรดำเนิ นธุรกิจอำจต้องประสบกับควำมไม่แน่นอน ดังนั้น กำไร หมำยถึง กำร เปลี่ยนแปลงในทุนของกิจกำรสำหรับช่วงระยะเวลำหนึ่ง ไม่รวมเงินทุนที่ได้รับจำก เจ้ำของ หรื อกำรแบ่งปันส่ วนทุนให้เจ้ำของ ดังนั้น กำไรจึงขึ้นอยูก่ บั 1. มูลค่ำของกำไร  คำว่ำ มูลค่ำ โดยทัว่ ไปหมำยถึง มูลค่ำทำงเศรษฐศำสตร์ ซึ่งอำจ ไม่จำเป็ นต้องวัดมูลค่ำเป็ นจำนวนเงินก็ได้ แต่ กิจกำรต้องวัดมูลค่ำของกำไรเป็ น จำนวนเงิน ซึ่งอำจต้องวัดจำกรำคำทุนเดิมหรื อรำคำทุนปัจจุบนั 2. เกณฑ์กำรวัดมูลค่ำทำงบัญ ➔ สำมำรถวัดได้จำกจำนวนเงิน ณ จุดที่เกิดรำยกำร โดยไม่คำนึงถึงอำนำจซื้อ ได้แก่ 1. ระบบเงินในนำม ➔ เป็ นระบบที่ไม่คำนึงถึงกำรเปลี่ยนแปลงค่ำของเงินใน ระยะเวลำที่ต่ำงกัน นิยมใช้กนั ทัว่ ไปตำมหลักกำรบัญชี 2. ระบบเงินคงที่ ➔ เป็ นระบบที่คำนึงถึงค่ำของเงินในเวลำต่ำงกัน ซึ่งกิจกำรจะ ปรับรำยกำรและเหตุกำรณ์ทำงบัญชีดว้ ยดัชนีรำคำที่เปลี่ยนแปลงไป 4. แนวคิดเกีย่ วกับกำไรภำยใต้ ควำมไม่ แน่ นอน 3. แนวคิดเกี่ยวกับทุนสิ นทรัพย์สุทธิ (ทุนทำงกำรเงินและทุนทำงกำรผลิต) ประกอบด้วย 2 แนวคิด ดังนี้ 1. ทุนทำงกำรเงิน ➔ ทุนซึ่งวัดจำกมูลค่ำของสิ นทรัพย์สุทธิ หรื อส่ วนที่เจ้ำของ นำมำลงทุนในรู ปของสิ นทรัพย์ ดังนั้น กำไรทำงกำรเงิน หมำยถึง จำนวนเงินที่กิจกำร ได้รับนอกเหนือจำกส่ วนที่เจ้ำของนำมำลงทุน (สิ นทรัพย์สุทธิ ณ วันสิ้ นรอบระยะเวลำ บัญชี สู งกว่ ำ สิ นทรัพย์สุทธิ ณ วันต้นรอบระยะเวลำบัญชี ) 2. ทุนทำงกำรผลิตหรื อทุนทำงกำยภำพ ➔ ทุนซึ่งวัดจำกควำมสำมำรถของกิจกำร ในกำรจัดกำรสิ นค้ำและบริ หำร ดังนั้น กำรวัดมูลค่ำของทุนจึงวัดจำกกำลังกำรผลิต ซึ่ง อำจแสดงในรู ปของทรัพยำกรหรื อทุนที่ตอ้ งจ่ำยเพือ่ ให้ได้กำลังกำรผลิตนั้น (กำไรเกิดขึ้น เมื่อกำลังกำรผลิตที่กิจกำรสำมำรถใช้ในกำรผลิต หรื อที่ใช้ผลิตจริ ง ณ วันสิ้ นรอบ ระยะเวลำบัญชี สู งกว่ำ กำลังกำรผลิต ณ วันต้นรอบระยะเวลำบัญชี) วิธีกำรวัดผลกำไร 1. กำรเปรี ยบเทียบมูลค่ำของสิ นทรัพย์ในช่วงเวลำต่ำงกันตำมแนวทำงของบุคคล (Balance Sheets Approach) อำจทำได้ 2 วิธี ดังนี้  กำรเปรี ยบเทียบทุนหรื อสิ นทรัพย์สุทธิ ท้ งั หมดของกิจกำร เกิดจำกแนวคิดเกี่ยวกับ ทุนและกำรรักษำระดับทุน วัดจำกมูลค่ำที่เพิม่ ขั้นของสิ นทรัพย์ตำมระยะเวลำที่ถือ ครองสิ นทรัพย์น้ นั (มูลค่ำในกำรจัดหำ หรื อ มูลค่ำในกำรจำหน่ำย)  กำรวัดมูลค่ำเพิม ่  เป็ นกำรตีรำคำที่พิจำรณำมูลค่ำในกำรจำหน่ำยที่เพิม่ ขึ้นจำก มูลค่ำในกำรจัดหำ เช่น สิ นค้ำคงเหลือในงบกำรเงินแสดงด้วยรำคำทุน แต่ขำยสิ นค้ำ ได้ในรำคำตลำด หรื อมูลค่ำสุ ทธิ ที่จะได้รับ (วิธีน้ ีเหมำะสำหรับกำรตีรำคำสิ นทรัพย์ เฉพำะอย่ำง) 2. กำรเปรี ยบเทียบรำยได้และค่ำใช้จ่ำยตำมแนวทำงของงบกำไรขำดทุน (Income Statement Approach) เป็ นวิธีกำรวัดผลกำไรโดยใช้หลักเกณฑ์ควำมเกี่ยวพันระหว่ำง ต้นทุนที่เกิดขึ้นกับรำยได้ที่เกิดจำกรำยกำรเดียวกัน นอกจำกนั้นยังมีแนวคิดในกำรวัดผลกำไรที่แตกต่ ำงกัน ดังนี้ 1. นักบัญชีกลุ่มดั้งเดิม (Classical School) ➔ กำรวัดผลกำไรตำมวิธีกำไรทำง บัญชี ซึ่งเรี ยกกันทัว่ ไปว่ำ “กำรบัญชีรำคำทุน (Historical Cost Accounting) เนื่องจำก ยึงถือข้อสมมติในกำรจัดทำและนำเสนองบกำรเงินและมำตรฐำนกำร รำยงำนทำงกำรเงิน 2. นักบัญชีกลุ่มใหม่ (Neoclassical School) ➔ สนับสุ นแนวคิดในเรื่ องอำนำจ ซื้อจึงทำให้เกิดกำรวัดผลกำไรทำงบัญชี ซึ่งปรับด้วยดัชนีรำค 3. นักบัญชีกลุ่มพัฒนำ (Radical School) ➔ สนับสุ นกำรวัดผลกำไร 2 วิธี 1. วิธีกำรบัญชีตำมรำคำทุนปัจจุบนั (Current Cost Accounting) 2. วิธีกำรบัญชีตำมรำคำทุนปัจจุบนั ที่ปรับด้วยดัชนีรำคำ (General Price Level Adjusted Current Cost Accounting) รำยกำรทีใ่ ช้ ในกำรคำนวณกำไร  แนวคิดผลกำรดำเนิ นงำนในปั จจุบน ั ➔เน้นถึงประโยชน์ของตัวเลขกำไร คือ กำไรจำกกำรดำเนินกิจกรรมภำยใต้สถำนกำรณ์ตำมปกติของกิจกำร ➔ วัด ประสิ ทธิภำพของกิจกำรในกำรใช้ทรัพยำกรที่มีอยู่ (ที่ดิน แรงงำน ทุน และ ผูบ้ ริ หำร)  แนวคิดรวมหมดทุกอย่ำง ➔แนวคิดนี้ กำไรที่มีประโยชน์ต่อผูใ้ ช้ขอ้ มูลมำก ที่สุด ควรรวมรำยกำรต่ำง ๆ ที่มีผลกระทบต่อกำรเพิ่มหรื อกำรลดในส่ วนของ เจ้ำของ (ยกเว้นกำรจ่ำยเงินปันผล และรำยกำรเกี่ยวกับทุน) แนวคิดนี้ทำให้ กิจกำรคำนวณกำไรจำกส่ วนที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดในส่ วนของ เหตุกำรณ์ ทำงบัญชีทเี่ กีย่ วข้ องกับกำรคำนวณกำไร  รำยกำรพิเศษที่เกี่ยวกับงวดปั จจุบน ั (ปัจจุบนั ยกเลิกแนวคิดนี้)  กำไรขำดทุนที่มีสำระสำคัญ เช่น กำรตัดจำหน่ำยบัญชีลูกหนี้ กำไรขำดทุนจำก อัตรำแลกเปลี่ยน เป็ นต้น  กำรแก้ไขและปรับปรุ งรำยกำรปกติหรื อรำยกำรและเหตุกำรณ์ทำงบัญชีที่เกิดขึ้น ใหม่ เช่น กำรเปลี่ยนแปลงอำยุกำรใช้งำนของเครื่ องจักร กำรเปลี่ยนแปลง ประมำณกำรทำงบัญชี เป็ นต้น  กำรปรับปรุ งรำยกำรที่เกิดขึ้นในงวดบัญชีก่อน เหตุกำรณ์ ทำงบัญชีทเี่ กีย่ วข้ องกับกำรคำนวณกำไร ั จึงสรุ ปเหตุกำรณ์ทำงบัญชีที่เกี่ยวข้องกับกำร  จำกแนวคิดที่กล่ำวมำ ในปั จจุบน คำนวณกำไรได้ ดังนี้ 1. กำรดำเนินงำนตำมปกติ 2. รำยกำรพิเศษ 3. กำรเปลี่ยนแปลงประมำณกำรทำงบัญชี กำรบัญชีสำหรับรำยได้และค่ำใช้จ่ำย ความหมายของรายได้  Paton และ Littleton (1940) ➔ รำยได้ หมำยถึง ผลิตผลของกิจกำร ซึ่ งสำมำรถวัดได้ จำกจำนวนสิ นทรัพย์ของกิจกำรที่เพิ่มขึ้น และ รำยได้ ประจำงวด หมำยถึง มูลค่ำรวมที่ สำมำรถจัดสรรให้ตำมงวดรำยได้จะเกิดขึ้นเมื่อจำนวนรำยได้สำมำรถกำหนดมูลค่ำได้ แน่นอน ซึ่ งเกิดจำกกำรตกลงของบุคคลทั้งสองฝ่ ำย  The American Accounting Association (AAA) (1957) ➔ จำนวนที่อธิ บำยได้จำกรำคำ รวมของสิ นค้ำหรื อบริ กำร ซึ่ งกิจกำรโอนไปให้ลูกค้ำภำยในงวดระยะเวลำหนึ่ง  กรอบแนวคิดสำหรับกำรรำยงำนทำงกำรเงิน ➔ กำรเพิ่มขึ้นของสิ นทรัพย์หรื อกำร ลดลงของหนี้สินที่ทำให้ส่วนของเจ้ำของเพิ่มขึ้นที่ไม่ใช่รำยกำรเกี่ยวกับกำรสมทบจำก ผูถ้ ือสิ ทธิ เรี ยกร้องส่ วนของเจ้ำของ  TFRS 15 ➔ รำยได้ หมำยถึง กำรเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบ ระยะเวลำบัญชีในรู ปของ กระแสรับเจ้ำของสิ นทรัพย์หรื อกำรเพิ่มขึ้นของสิ นทรัพย์ หรื อกำรลดลงของหนี้สิน ซึ่ งส่ งผลให้ส่วน ของเจ้ำของเพิม่ ขึ้น โดยไม่รวมถึงส่ วนทุน ที่ได้รับจำกผูม้ ีส่วนร่ วมในส่ วนของเจ้ำของ รำยกำรทีค่ วรถือเป็ นรำยได้  The American Institute of Certified Public Accountants (AICPA) ➔ รำยได้รวมถึงรำยกำรกำไรจำกกำรขำยและรำยกำรกำไรจำกกำรแลกเปลี่ยน สิ นทรัพย์อื่น (นอกเหนือจำก สิ นค้ำ ดอกเบี้ยรับ และเงินปันผลรับ กำรเพิ่ม ทุน ผลได้สุทธิจำกกำรลงทุน)  The American Accounting Association (AAA) ➔ รำยได้ รวมรำยกำร กำไรจำกกำรขำยและรำยกำรกำไรจำกกำรแลกเปลี่ยนสิ นทรัพย์ (นอกเหนือจำก สิ นค้ำและรำยกำรกำไรจำกกำรได้รับประโยชน์จำกกำรยก หนี้ ซึ่ง AAA สนับสนุนแนวคิด “รวมหมดทุกอย่ำง”  กรอบแนวคิดสำหรับกำรรำยงำนทำงกำรเงิน ➔ รำยได้ตอ้ งเป็ นไปตำมคำ นิยำมของรำยได้ตำมที่ระบุในกรอบแนวคิดฯ ซึ่งรวมถึงรำยกำรกำไร (หรื อ ผลกำไร) และรำยได้ที่เกิดจำกกำรดำเนินกิจกรรมตำมปกติของกิจกำร กำรรับรู้ รำยได้  กำรรับรู ้รำยได้ หมำยถึง กำรรวบรวมรำยได้เข้ำเป็ นส่ วนหนึ่ งในงบกำไร ขำดทุน  แนวคิดของกำรรับรู ้รำยได้ มีพฒ ั นำกำรมำอย่ำงต่อเนื่อง ดังนี้ 1. ควำมเห็นของ Sprouse และ Moonitz ➔ รำยได้จะเกิดขึ้นเมื่อกิจกรรม หลักสิ้ นสุ ดลง และเกณฑ์ในกำรวัดมูลค่ำสำมำรถกำหนดได้แน่นอน 2. ควำมเห็นของ Hendriksen ➔ เห็นด้วยกับแนวคิดของ Sprouse และ Moonitz ที่วำ่ รำยได้ควรรับรู ้เมื่อกิจกรรมหลัก หรื องำนส่ วนใหญ่ได้สำเร็ จ ลง และกำรวัดมุลค่ำของกิจกรรมนั้นไม่มีควำมลำเอียง และมีหลักเกณฑ์ อย่ำงสมเหตุสมผล กำรรับรู้ รำยได้  แนวคิดของกำรรับรู ้รำยได้ มีพฒ ั นำกำรมำอย่ำงต่อเนื่อง ดังนี้ (ต่อ) 3. ควำมเห็นของ AAA ➔ ยึดหลักกำรเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเห็นว่ำมูลค่ำที่เพิ่มขึ้น ควรมีกำรจัดสรรออกไปหลำย ๆ จุด หรื ออำจกล่ำวได้วำ่ รำยได้น้ นั มิได้เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่ง 4. ควำมเห็นตำมกรอบแนวคิดฯ ➔ รับรู ้รำยได้กต็ ่อเมื่อ ➔ มีควำมเป็ นไปได้ค่อนข้ำงแน่ที่ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนำคต เพิ่มขึ้น (เนื่องมำจำกกำรเพิ่มขึ้นของสิ นทรัพย์ หรื อกำรลดลงของหนี้สิน) ➔ มูลค่ำของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนำคตนั้นสำมำรถวัดได้อย่ำง น่ำเชื่อถือ กำรวัดมูลค่ ำของรำยได้  เป็ นมูลค่ำที่มีกำรแลกเปลี่ยนสิ นค้ำหรื อบริ กำรที่กำหนดจำกจำนวนที่ตกลง ระหว่ำงผูซ้ ้ือและผูข้ ำย ซึ่งอำจวัดได้จำกเงินสดที่ได้รับในปัจจุบนั หรื อจำนวนที่ จะได้รับในอนำคต  ดังนั้น มูลค่ำของรำยได้ คือ จำนวนเงินสด หรื อรำคำเทียบเท่ำเงินสดที่กิจกำร ได้รับหรื อค้ำงรับนัน่ เอง กำรรำยงำนรำยได้  รำยได้จะแสดงเป็ นรำยกำรแต่ละบรรทัด พร้อมจำนวนเงินในงบกำไร ขำดทุน  ต้องเปิ ดเผยลักษณะและจำนวนของรำยได้ที่รวมในกำรคำนวณกำไรหรื อ ขำดทุนจำกกำรดำเนินงำนตำมปกติแยกต่ำงหำก กำรรับรู้ รำยได้  รำยได้จำกสัญญำที่ทำกับลูกค้ำ (TFRS 15) 1) ระบุสญ ั ญำที่ทำกับลูกค้ำ 2) ระบุภำระที่ตอ้ งปฏิบตั ิในสัญญำ 3) กำหนดรำคำของรำยกำร 4) ปันส่ วนรำคำของรำยกำรให้กบั ภำระที่ตอ้ งปฏิบตั ิที่รวมอยูใ่ นสัญญำ 5) รับรู ้รำยได้เมื่อหรื อขณะที่กิจกำรปฏิบตั ิตำมภำระที่ตอ้ งปฏิบตั ิเสร็ จสิ้ น ประเภทของรำยได้  รำยได้สำหรับธุรกิจทัว่ ไป  รำยได้จำกกำรขำยสิ นค้ำ จะรับรู ้รำยได้เมื่อเข้ำเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้ 1. กิจกำรได้โอนควำมเสี่ ยง และผลตอบแทนที่เป็ นสำระสำคัญของควำมเป็ น เจ้ำของในสิ นค้ำนั้นให้กบั ผูซ้ ้ื อแล้ว 2. กิจกำรไม่เกี่ยวข้องในกำรบริ หำรสิ นค้ำอย่ำงต่อเนื่องในระดับที่เจ้ำของพึง กระทำหรื อไม่ได้ควบคุมสิ นค้ำที่ขำยไปแล้วทั้งทำงตรงและทำงอ้อม 3. กิจกำรสำมรถวัดมูลค่ำของจำนวนรำยได้ได้อย่ำงน่ำเชื่อถือ 4. มีควำมเป็ นไปได้ค่อนข้ำงแน่ที่กิจกำรจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของ รำยกำรบัญชีน้ นั 5. กิจกำรสำมำรถวัดมูลค่ำของต้นทุนที่เกิดขึ้นหรื อที่จะเกิดขึ้น อัน เนื่องมำจำกรำยกำรบัญชีน้ นั ได้อย่ำงน่ำเชื่อถือ ประเภทของรำยได้  รำยได้สำหรับธุรกิจทัว่ ไป (ต่อ)  รำยได้จจำกกำรให้บริ กำร ➔ จะรับรู ้รำยได้เมื่อสำมำรถประมำณผลของ รำยกำรบัญชีน้ นั ได้อย่ำงน่ำเชื่อถือ ตำมขั้นควำมสำเร็ จของงำนนั้น  รำยได้ดอกเบี้ย ค่ำสิ ทธิ และเงินปั นผล รำยได้ดอกเบี้ย ➔ รับรู ้ตำมสัดส่ วนแวลำ ค่ำสิ ทธิ ➔ รับรู ้รำยได้ตำมเกณฑ์คงค้ำง (เมื่อทำสัญญำแล้วมีสิทธิ์ได้รับ ค่ำตอบแทน) เงินปั นผล ➔ รับรู ้เมื่อมีสิทธิได้รับเงินปั นผล ประเภทของรำยได้  รำยได้สำหรับธุรกิจเฉพำะ  รำยได้จำกกำรให้เช่ำซื้ อ (TFRS 15)  รำยได้จำกสัญญำเช่ำ (TFRS 16)  รำยได้จำกสัญญำก่อสร้ำง (TFRS 15)  รำยได้จำกธุ รกิจอสังหำริ มทรัพย์ (TFRS 15) แนวคิดเกีย่ วกับค่ ำใช้ จ่ำย  ควำมหมำยของค่ำใช้จ่ำย  AAA ➔ ค่ำใช้จ่ำย หมำยถึง ค่ำใช้จ่ำยในกำรดำเนิ นงำนและรำยกำรขำดทุน  Sprouse และ Moonitz ➔ ค่ำใช้จ่ำย หมำยถึง กำรลดลงของสิ นทรัพย์สุทธิ ซึ่งเป็ นผลมำจำกกำรใช้บริ กำรทำงเศรษฐศำสตร์ เพื่อก่อให้เกิดรำยได้ หรื อ เพื่อให้เป็ นไปตำมกฎหมำยข้อบังคับของภำษีอำกร  ศัพบัญชี ➔ ค่ำใช้จ่ำย หมำยถึง ต้นทุนส่ วนที่หกั ออกจำกรำยได้ในรอบ ระยะเวลำกำรดำเนินงำนหนึ่ง ๆ  กรอบแนวคิดสำหรับกำรรำยงนทำงกำรเงิน ➔ กำรลดลงของประโยชน์เชิง เศรษฐกิจในรอบระยะเวลำบัญชีในรู ปกระแสออก หรื อกำรลดค่ำของ สิ นทรัพย์ หรื อกำรเพิ่มขึ้นของหนี้สิน อันส่ งผลให้ส่วนของเจ้ำของลดลง ทั้งนี้ไม่รวมถึงกำรแบ่งปันส่ วนทุนให้กบั ผูม้ ีส่วนร่ วมในส่ วนของเจ้ำของ กำรรับรู้ ค่ำใช้ จ่ำย 1. มีควำมเป็ นไปได้ค่อนข้ำงแน่ที่ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนำคตลดลง เนื่องจำกกำรลดลงของสิ นทรัพย์ หรื อกำรเพิม่ ขึ้นของหนี้สิน 2. เมื่อกิจกำรสำมำรถวัดมูลค่ำของค่ำใช้จ่ำยได้อย่ำงน่ำเชื่อถือ การวัดมูลค่าของค่าใช้จ่าย  รำคำทุนเดิม  รำคำทุนปั จจุบน ั กำรรำยงำนค่ ำใช้ จ่ำย  งบกำไรขำดทุนเบ็ดเสร็ จต้องแสดงค่ำใช้จ่ำยเป็ นรำยกำรแต่ละบรรทัดพร้อม จำนวนเงินและต้องนำค่ำใช้จ่ำยทุกรำยกำรที่รับรู ้ในระหว่ำงงวดมำรวม คำนวณเพื่อหำกำไรหรื อขำดทุนสุ ทธิ  กำรรำยงำนค่ำใช้จำยในงบกำไรขำดทุนเบ็ดเสร็ จสำมำรทำไร 2 ลักษณะคือ 1. ค่ำใช้จ่ำยตำมลักษณะ 2. ค่ำใช้จ่ำยตำมหน้ำที่ งำนเดีย่ ว  ให้นกั ศึกษำหำนโยบำยบัญชีเกี่ยวกับกำรรับรู ้รำยกำรและกำรวัดมูลค่ำของบริ ษท ั จดทะเบียนในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้  รำยได้จำกกำรขำยสิ นค้ำ  รำยได้จำกกำรให้บริ กำร  ดอกเบี้ย ค่ำสิ ทธิ และเงินปั นผล  รำยได้ธุรกิจเฉพำะ  ให้นกั ศึกษำหัวตัวอย่ำงกำรแสดงงบกำไรขำดทุนที่จำแนกค่ำใช้จ่ำยตำมลักษณะ และตำมหน้ำที่ ของบริ ษทั จดทะเบียนในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย Q&A

Use Quizgecko on...
Browser
Browser