พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 PDF
Document Details
![RockStarIndianapolis](https://quizgecko.com/images/avatars/avatar-20.webp)
Uploaded by RockStarIndianapolis
2540
Tags
Summary
This is a past paper on the Thai government data act of 2540. It contains multiple-choice questions on various aspects of the Act, including definitions, responsibilities, and penalties for non-compliance. The paper is likely for a Thai educational institution.
Full Transcript
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 1. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 บังคับใช้เมื่อใด ก. 2 กันยายน 2540 ข. 3 กันยายน 2540 ค. เมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ง. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. ข้อใดห...
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 1. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 บังคับใช้เมื่อใด ก. 2 กันยายน 2540 ข. 3 กันยายน 2540 ค. เมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ง. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. ข้อใดหมายถึง “ข้อมูลข่าวสาร” ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ก. สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ข. แฟ้ม ค. ภาพถ่าย ง. ถูกทุกข้อ 3. “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่าอะไร ก. ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ข. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดาเนินงานของรัฐ ค. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน ง. ถูกทุกข้อ 4. ข้อใดหมายถึงหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ก. กระทรวงมหาดไทย ข. ที่ว่าการอาเภอ ค. องค์การบริหารส่วนตาบล ง. ถูกทุกข้อ 5. ประวัติอาชญากรรม ถือเป็นข้อมูลส่วนไหนตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ก. ข้อมูลข่าวสารของราชการ ข. ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ค. ข้อมูลบุคคล ง. ข้อมูลข่าวสาร 6. ข้อใดหมายถึง ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ก. ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย ข. ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ค. แฟ้ม รายงาน หนังสือ ง. แผนผัง แผนที่ ภาพวาด 7. “คณะกรรมการ” ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 หมายถึง ก. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ข. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ง. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร 8. คนต่างด้าว หมายถึงบุคคลใด ก. สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว ข. สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าวเกินกึ่งหนึ่ง ค. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนไม่เกินครึ่งเป็นของคนต่างด้าว ง. บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีที่อยู่ในประเทศไทย 9. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ก. รัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ค. นายกรัฐมนตรี ง. ประธานรัฐสภา 10. อานาจการออกกฎกระทรวงตามข้อ 9 เมื่อออกกฎแล้ว บังคับใช้ได้เมื่อใด ก. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. ถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ค. นับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วสามสิบวัน ง. นับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วหกสิบวัน 11. สานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สังกัดหน่วยงานใด ก. กรมการปกครอง ข. กระทรวงมหาดไทย ค. สานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ง. ศูนย์ข้อมูลข่าวสารแห่งประเทศไทย 12. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ก. ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการวินิจ ฉัยการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสาร ข. ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ ค. กาหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการ ง. ให้คาปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ 13. หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการใดลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ก. โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดาเนินงาน ข. สรุปอานาจหน้าที่ที่สาคัญและวิธีการดาเนินงาน ค. สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือคาแนะนาในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ ง. ถูกทุกข้อ 14. ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ในแบบแผนหรือนโยบาย แต่ไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาจะนามาใช้ บังคับได้หรือไม่ ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. นามาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้ ข. นามาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็นโทษแก่ผู้ใดไม่ได้ ค. ไม่สามารถนาไปบังคับใช้ได้ ง. เมื่อลงพิมพ์ในแบบแผน หรือนโยบาย สามารถประกาศบังคับใช้ได้เลย 15. หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใด ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ก. แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจาปีของปีที่กาลังดาเนินการ ข. คู่มือหรือคาสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน ค. สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทา บริการสาธารณะ ง. ถูกทุกข้อ 16. ถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคาขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการในลักษณะ ที่อาจเข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในกี่วัน ก. 7 วัน ข. 10 วัน ค. 15 วัน ง. ภายในเวลาอันสมควร 17. ในกรณี ที่มีผู้ยื่น ค าขอข้ อ มูล ข่า วสารของราชการ ซึ่งข้อมูล อยู่ใ นความควบคุ มดูแ ลของหน่ ว ยงา น ส่วนกลาง หรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้นหรือจะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่ วยงานของรัฐแห่งอื่น หน่วยงานของรัฐที่รับคาขอ ต้องดาเนินการอย่างไร ก. จัดหาข้อมูลให้โดยเร็วที่สุด ข. ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคาขอให้คาแนะนา เพื่อไปยื่นคาขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูล ข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า ค. ยื่นคาขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นภายใน 15 วัน ง. ไม่มีข้อใดถูก 18. ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูล หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดู ข้อใด กล่าวถูกต้อง ก. ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ข. ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานนั้น ค. ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ง. ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี 19. จากข้อ 18 ในกรณี ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการ ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน ก. 10 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน ข. 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน ค. 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน ง. 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน 20. ข้อใดคือข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ก. การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ข. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ค. การเปิดเผยจะทาให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ ง. การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด 21. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะใด ที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคาสั่ง มิให้เปิดเผยก็ได้ ก. การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ข. การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ค. รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้าสิทธิส่วนบุคคล โดยไม่สมควร ง. ถูกทุกข้อ 22. การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ต้องคานึงถึงอะไรบ้าง ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด ก. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ ข. ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติ ค. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่ เกี่ยวข้องประกอบกัน ง. การปฏิบัติตามกฎหมาย และประโยชน์สุขของประชาชน 23. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้ เสียของผู้ใด ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคาคัดค้านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ข. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคาคัดค้านภายในเวลาที่กาหนด แต่ต้องให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้น อาจเสนอคาคัดค้านได้ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ค. หากข้อมูลข่าวสารราชการกระทบต่อผู้ใด ห้ามมิให้เปิดเผยโดยเด็ดขาด ง. ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐโดยด่วน 24. ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคาคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ ผู้คัดค้านทราบภายในกี่วัน ก. แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ข. แจ้งผลการพิจารณาภายใน 15 วัน ค. ภายใน 30 วัน ง. ภายใน 45 วัน 25. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใด หรือมีคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้าน ของผู้มี ประโยชน์ได้เสีย ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อใคร ก. สานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ ข. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ค. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ ง. สานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี 26. จากข้อ 25 ต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในกี่วัน ก. 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ข. 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ค. 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ง. 45 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ 27. “บุคคล” ในหมวด 3 ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. บุคคลธรรมดา ที่มีสัญชาติไทย ข. บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ค. บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ง. ถูกทุกข้อ 28. หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อ หน่วยงาน ของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ ล่วงหน้าหรือใน ขณะนั้นมิได้ ยกเว้นในกรณีใด ก. ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตน เพื่อการนาไปใช้ตามอานาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้น ข. เป็นการให้ซึ่งจาเป็น เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล ค. กรณีอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ง. ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 29. ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริงต้อง ดาเนินการ อย่างไร ก. ยื่นคาขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูล ข่าวสารส่วนนั้น ข. ยื่นอุทธรณ์ต่อสานักงานปลัดนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับข้อมูล ค. ลงบันทึกประจาวันต่อเจ้าหน้าที่ตารวจ ง. ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับข้อมูล 30. จากข้อ 29 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคาขอ ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อใคร ก. คณะกรรมการสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ ข. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ ค. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ง. สานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ 31. จากข้อ 29 และ30 ต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ภายในกี่วัน ก. 15 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ข. 20 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ค. 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ง. 45 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร 32. ข้ อ มู ล ข่ า วสารของราชการที่ ห น่ ว ยงานของรั ฐ ไม่ ป ระสงค์ จ ะเก็ บ รั ก ษาหรื อ มี อ ายุ ค รบก าหนดให้ หน่วยงานของรัฐส่งมอบให้หน่วยงานใด ก. สานักงานข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ ข. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ค. ห้องสมุดประชาชน ง. ทาลายทิ้ง 33. ข้อมูลข่า วสารของราชการที่อาจก่อให้เ กิดความเสียหายต่ อสถาบัน พระมหากษัต ริ ย์ ต้องส่งให้ห อ จดหมายเหตุแห่งชาติเมื่อครบกี่ปี ก. 20 ปี ข. 50 ปี ค. 60 ปี ง. 75 ปี 34. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ต้องส่งให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติเมื่อครบกี่ปี ก. 20 ปี ข. 30 ปี ค. 40 ปี ง. 50 ปี 35. ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเห็นว่าข้อมูลข่าวสารนั้นยังไม่ควรเปิดเผย โดยมีคาสั่งขยายเวลากากับไว้เป็น การเฉพาะราย คาสั่งการขยายเวลานั้นให้กาหนดคราวละกี่ปี ก. 3 ปี ข. 5 ปี ค. 7 ปี ง. 10 ปี 36. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ มีใครเป็นประธาน ก. รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ข. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ง. รองนายกรัฐมนตรี 37. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ มีทั้งหมดกี่คน ก. 24 คน ข. 25 คน ค. 26 คน ง. 27 คน 38. ข้อใดไม่ใช่ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ก. ปลัดกระทรวงพลังงาน ข. ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ค. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ง. ปลัดกระทรวงมหาดไทย 39. ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจากภาครัฐและภาคเอกชน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ใครเป็นผู้แต่งตั้ง ก. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ข. นายกรัฐมนตรี ค. ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ง. คณะรัฐมนตรี 40. ใครเป็นเลขานุการคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ก. ข้าราชการของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวงพลังงาน ค. ผู้อานวยการสานักข่าวกรองแห่งชาติ ง. ผู้อานวยการสานักงบประมาณ 41. ข้อใดไม่ใช่อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ก. ให้คาปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่ได้รับคาขอ ข. จัดทารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความ เหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละสองครั้ง ค. สอดส่องดูแล และให้คาแนะนาเกี่ยวกับการดาเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐใน การปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ง. เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกา และการออกกฎกระทรวง หรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตาม พระราชบัญญัตินี้ 42. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่ได้รับการแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตาแหน่ง คราวละกี่ปี ก. สามปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ข. สี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ค. ห้าปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ง. หกปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง 43. นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ พ้นจากตาแหน่งได้เมื่อใด ก. ตาย ข. เป็นบุคคลล้มละลาย ค. เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ง. ถูกทุกข้อ 44. การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากี่คน จึงถือว่าครบองค์ประชุม ก. ไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการทั้งหมด ข. กรรมการต้องเข้าร่วมประชุมทุกคนจึงถือว่าครบองค์ประชุม ค. ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ง. ไม่มีข้อใดถูก 45. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้แต่งตั้งตามสาขาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ ข้อมูลข่าวสารของราชการ ด้านใดบ้าง ก. ด้านงบประมาณ ด้านกฎหมาย และด้านเศรษฐกิจ ข. ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลังของประเทศ หรือการบังคับใช้กฎหมาย ค. ด้าน ข้อมูลข่าวสาร ด้านงบประมาณ ด้านคุณธรรม ง. ด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ 46. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิ ดเผยข้อมูลข่าวสาร คณะหนึ่งๆ ประกอบด้วยบุคคลตามความจาเป็น แต่ ต้องไม่น้อยกว่ากี่คน ก. 3 คน ข. 5 คน ค. 7 คน ง. 9 คน 47. คณะกรรมการพิจารณาส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารรแต่ละสาขา พิจารณาภายในกี่วัน ก. 5 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับคาอุทธรณ์ ข. 7 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับคาอุทธรณ์ ค. 10 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับคาอุทธรณ์ ง. 15 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับคาอุทธรณ์ 48. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ต้องรับโทษสถานใด ก. จาคุกไม่เกินห้าเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ข. จาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ค. จาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท ง. จาคุกไม่เกินสี่เดือน หรือปรับไม่เกินสามพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ 49. ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อจากัดหรือเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกาหนดตามมาตรา ๒๐ ต้องรับโทษ สถานใด ก. จาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ข. จาคุกไม่เกินสองปี ค. จาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ง. จาคุกไม่เกินห้าปี 50. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีทั้งหมดกี่หมวด ก. 5 หมวด ข. 6 หมวด ค. 7 หมวด ง. 9 หมวด เฉลยพระราชบัญญัติขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 1. ตอบ ค. เมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ต้นไป 2. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่า การสื่อความหมายนั้นจะทาได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทาไว้ ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือ เสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทาให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้ 3. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแล ของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดาเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับเอกชน (มาตรา 4) 4. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กร ควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง (มาตรา 4) 5. ตอบ ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล (มาตรา 4) 6. ตอบ ก. ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทางาน บรรดาที่มีชื่อของ ผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทาให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึก ลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึง แก่กรรมแล้วด้วย 7. ตอบ ข. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (มาตรา 4) 8. ตอบ ก. สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ ในประเทศไทย และนิติ บุคคลดังต่อไปนี้ (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ ให้ถือว่าใบ หุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ (2) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว (3) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว (4) นิติบุคคลตาม (1) (2) (3) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว 9. ตอบ ค. นายกรัฐมนตรี มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอานาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัตินี้ 10. ตอบ ก. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วให้ใช้บังคับได้ (มาตรา 5) 11. ตอบ ค. สานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ให้จัดตั้งสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ของราชการขึ้นในสังกัดสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี (มาตรา 6) 12. ตอบ ค. กาหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการ มาตรา 6 ให้จัดตั้งสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นในสังกัดสานักงานปลัดสานัก นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คาปรึกษาแก่ เอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ 13. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ (มาตรา 7) 14. ตอบ ก. นามาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้ มาตรา 8 ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะ นามาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารนั้นตามความเป็นจริง มาก่อนแล้วเป็นเวลาพอสมควร 15. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ (มาตรา 9) 16. ตอบ ง. ภายในเวลาอันสมควร มาตรา 11 นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หรือที่จัดไว้ให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา 26 แล้ว ถ้าบุคคลใดขอ ข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการและคาขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการในลักษณะที่อาจเข้าใจ ได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้นั้นขอจานวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร 17. ตอบ ข. ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคาขอให้คาแนะนา เพื่อไปยื่นคาขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า มาตรา 12 ในกรณีที่มีผู้ยื่นคาขอข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 11 แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอจะ อยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานส่วนกลาง หรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งนั้นหรือจะอยู่ใน ความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคาขอให้คาแนะนา เพื่อ ไปยื่นคาขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นโดยไม่ชักช้า 18. ตอบ ก. ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ตามาตรา 13 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 7 หรือไม่จัดข้อมูล ข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9 หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าหรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวก โดยไม่มเี หตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ 19. ตอบ ค. 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคาร้องเรียน (มาตรา 13) 20. มาตรา 14 ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเปิดเผยมิได้ 21. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ (มาตรา 15) 22. ตอบ ค. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และ ประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน มาตรา 15 ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคาสั่งมิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคานึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงาน ของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน 23. ตอบ ข. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคาคัดค้านภายในเวลาที่กาหนด แต่ต้องให้เวลา อันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคาคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง มาตรา 17 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึง ประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคาคัดค้านภายในเวลาที่กาหนด แต่ต้อง ให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคาคัดค้านได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง 24. ตอบ ก. แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคาคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า (มาตรา 17) 25. ตอบ ข. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (มาตรา 18) 26. ตอบ ข. 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ มาตรา 18 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 หรือมีคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา 17 ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาสั่งนั้นโดยยื่น คาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ 27. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ มาตรา 21 เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ “บุคคล” หมายความว่า บุคคล ธรรมดา ที่มีสัญชาติไทย และบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย 28. ตอบ ค. กรณีอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ตามาตรา 24 (9) กรณีอื่นตามที่กาหนดในพระ ราชกฤษฎีกา 29. ตอบ ก. ยื่นคาขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ให้มีสิทธิยื่นคา ขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ส่วนนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคาขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า (มาตรา 25) 30. ตอบ ค. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคาขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิ อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (มาตรา 25) 31. ตอบ ค. 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคาขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิ อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่ง ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณี ใดๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐ หมายเหตุคาขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสาร ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ (มาตรา 25) 32. ตอบ ข. หอจดหมายเหตุ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษา หรือมีอายุครบกาหนดตามวรรคสองนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารนั้น ให้หน่วยงาน ของรัฐส่งมอบให้แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (มาตรา 26) 33. ตอบ 75 ปี กาหนดเวลาต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามวรรคหนึ่งให้แยกประเภท ดังนี้ (1) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 14 เมื่อครบเจ็ดสิบห้าปี (มาตรา 26) 34. ตอบ ก. 20 ปี กาหนดเวลาต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามวรรคหนึ่งให้แยกประเภท ดังนี้ (2) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๕ เมื่อครบยี่สิบปี (มาตรา 26) 35. ตอบ ข. 5 ปี หน่วยงานของรัฐเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารนั้นยังไม่ควรเปิดเผย โดยมีคาสั่งขยายเวลากากับไว้เป็นการ เฉพาะราย คาสั่งการขยายเวลานั้นให้กาหนดระยะเวลาไว้ด้วย แต่จะกาหนดเกินคราวละห้าปีไม่ได้ (มาตรา 26) 36. ตอบ ค. รัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย (มาตรา 27) 37. ตอบ ค. 26 คน (มาตรา 27) 38. ตอบ ก. ปลัดกระทรวงพลังงาน (มาตรา 27) 39. ตอบ ง. คณะรัฐมนตรี (มาตรา 27) 40. ตอบ ข้าราชการของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประกอบด้วย รัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัด กระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความ มั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้อานวยการสานักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้อานวยการสานัก งบประมาณ และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกเก้าคนเป็น กรรมการ ให้ปลัดสานักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งข้าราชการของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีคน หนึ่งเป็นเลขานุการ และอีกสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ 41. ตอบ ข. จัดทารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้ง คราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละสองครั้ง (มาตรา 28 กาหนดให้จัดทารายงานเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง) 42. ตอบ ก. สามปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง มาตรา 29 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมาตรา 27 มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสามปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ผู้ที่พ้นจากตาแหน่งแล้วอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้ 43. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ มาตรา 30 นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมาตรา ๒๗ พ้นจากตาแหน่ง เมื่อ ตาย, ลาออก, คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถ, เป็นบุคคลล้มละลาย, เป็นคนไร้ ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ, ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่ เป็นโทษสาหรับความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 44. ตอบ ค. ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม มาตรา ๓๑ การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวน กรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม 45. ตอบ ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลังของประเทศ หรือการบังคับใช้กฎหมาย การแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง ให้แต่งตั้งตามสาขาความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจและการ คลังของประเทศ หรือการบังคับใช้กฎหมาย (มาตรา 35) 46. ตอบ ก. 3 คน มาตรา 36 คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร คณะหนึ่งๆ ประกอบด้วยบุคคลตามความ จาเป็น แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามคน และให้ข้าราชการที่คณะกรรมการแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่เป็น เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ 47. ตอบ ข. 7 วัน มาตรา 37 ให้คณะกรรมการพิจารณาส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร โดยคานึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแต่ละสาขา ภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับคาอุทธรณ์ 48. ตอบ ข. จาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๔๐ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการที่สั่งตามมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน สามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ 49. ตอบ ก. จาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา 41 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อจากัดหรือเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกาหนดตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ 50. ตอบ ค. 7 หมวด