การสร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) PDF

Summary

เอกสารนี้กล่าวถึงกระบวนการสร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) โดยอธิบายรายละเอียดตั้งแต่การสร้างเม็ดเลือดในทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้ใหญ่ พร้อมภาพประกอบที่แสดงให้เห็นรายละเอียดการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแต่ละชนิด

Full Transcript

การสร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) ผศ.ดร.นันทวดี เนียมนุ้ย การ ร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) เลือดและ ่วนประกอบของเลือด แ ล่ง ร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ ในวัยต่างกัน ไขกระดูกและปัจจัยที่ ร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก วิวัฒนาการการ ร้างเม็ดเลือด เซลล์ต้นกาเนิด (Stem Cell) การควบคุมกา...

การสร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) ผศ.ดร.นันทวดี เนียมนุ้ย การ ร้างเม็ดเลือด (Hemopoiesis) เลือดและ ่วนประกอบของเลือด แ ล่ง ร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ ในวัยต่างกัน ไขกระดูกและปัจจัยที่ ร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก วิวัฒนาการการ ร้างเม็ดเลือด เซลล์ต้นกาเนิด (Stem Cell) การควบคุมการ ร้างเม็ดเลือด กาเนิดเม็ดเลือดแดงระยะต่างๆ กาเนิดเม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดระยะต่างๆ เลือดและส่ วนประกอบของเลือด (Blood components) เลือดมีองค์ประกอบ 2 ่ น เม็ดเลือดมีองค์ประกอบ ลักได้แก่ เม็ดเลือดแดง (red blood cells; erythrocytes) เม็ดเลือดขาว (white blood cells; leukocytes) และเกล็ดเลือด (platelets) พลา มา (plasma) มี ัด ่ นประมาณ 55% ของปริมาตร ทั้ง มดของเลือด เป็น ่ นที่เป็นของเ ล ในเลือด ประกอบไป ด้ ย โปรตีน (plasma proteins) ซึ่งเป็นองค์ประกอบ ลักของ ิ่ง ที่อยู่ในน้้าเลือดที่มีมากที่ ุดได้แก่ อัลบูมิน (albumin) ไนโตรเจน (non-proteins nitrogen) เกลือแร่ (electrolytes) ฮอร์โมน (hormones) เอนไซม์ (enzymes) ก๊าซที่ละลายอยู่ในน้้าเลือด (blood gas) พลา มา (plasma) มี ัด ่ นประมาณ 55% ของปริมาตรทั้ง มดของเลือด ประกอบด้ ย 1. นาประมาณร้อยละ 90 - 93 มี น้าที่ละลาย ารแข นลอยและละลาย ารต่างๆ ท้าใ ้เกิดการมีประจุและน้าค ามร้อน 2. โปรตีนประมาณร้อยละ 7 - 10 ท้าใ ้เลือดมีค าม นืดและค ามดันออ โมซิ ช่ ยปรับปริมาตรของเลือด รัก า มดุลของน้้าในร่างกาย ช่ ยใ ้เลือดแข็งตั เมื่อเป็นบาดแผลและพ กแอนติบอดี โปรตีนที่ ้าคัญคือ ไฟบริโนเจน อัลบูมิน และ โกลบูลิน 3. ก๊าซที่เกี่ย ข้องกับการ ายใจ ที่ ้าคัญ คือ ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ 4. กลูโค มีประมาณ 60 - 100 มิลลิกรัมใน 100 มิลลิลิตรของเลือด ท้า น้าที่เป็นแ ล่งของพลังงานใ ้แก่เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย 5. เอนไซม์ มี น้าที่ช่ ยเร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ากน้าเอาเลือดออกมาตั้งทิ้งไ ้ปล่อยใ ้มีการแข็งตั เกิดขึ้น ารน้้าที่แยกชั้นออกมาจากก้อน เลือดที่แข็งตั จะเรียก ่า ซีรั่ม (serum) ซึ่งมี ่ นประกอบคล้ายพลา มา ยกเว้น ไม่มีไฟบริโนเจน (fibrinogen) และ ารที่เกีย่ ข้องกับการแข็งตั ของเลือด การ ร้างเม็ดเลือด (hemopoiesis) มายถึง กระบ นการของร่างกาย ที่ท้า น้าที่ ร้างเม็ดเลือดใ ม่ออกมาทดแทนเม็ดเลือด เก่าที่ มด ภาพ การ ร้างเม็ดเลือดจะเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเ ลา โดยการค บคุมของ cytokine network เพื่อใ ้เกิดค าม มดุลระ ่างการก้าจัดเม็ดเลือดที่ มด ภาพกับการ ร้างเม็ดเลือด ทดแทน แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ - การ ร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoiesis) - การ ร้างเม็ดเลือดขา (Leukopoiesis) - การ ร้างเกล็ดเลือด (Thrombopoiesis) วิวัฒนาการการสร้ างเม็ดเลือด การ ร้างเลือดจะมีการพัฒนา (development) เป็นขันตอนดังนี Note; Mesenchymal Ι. การ ร้างเลือดของทารกในครรภ์ (Embryonic or Pre-natal hemopoiesis) แบ่ง cell: เซลล์รูปร่างคล้าย ได้เป็น 3 ระยะ คือ ดา ประ านกับแขนงของ Mesenchymal cell 1. ระยะมีโซบลา ติก (Mesoblastic period) เป็นการ ร้างเม็ดเลือดที่เริ่ม ข้างเคียงในลัก ณะร่างแ ขึ้นประมาณ ัปดา ์ที่ 2 ลังการปฎิ นธิ เซลล์มีเซนไคมอล (mesenchymal cell) มีค าม ามารถในการ เปลี่ยนไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นเซลล์ที่อยู่ในพ กมีโซเดิร์ม ได้มาร มตั กันอยู่เป็นกลุ่มๆ ในถุงไข่แดง (yolk sac) เกี่ย พันทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ ลายกลุ่ม ต่อมาเซลล์ที่อยู่รอบนอกจะเปลี่ยน ภาพ (differentiate) ตั เองเป็น ลอดเลือด (blood vessel) ่ นเซลล์ที่อยู่ตรงกลางจะเปลี่ยนตั เองไปเป็นเซลล์ต้น ก้าเนิดของเม็ดเลือด (hemopoietic precursor cell) เมื่อทารกอายุได้ 7-8 ัปดา ์ การ ร้างเลือดจะเปลี่ยนไป ร้างทีต่ ับ (liver) ม้าม (spleen) และต่อมน้้าเ ลือง (lymph node) แทน 2. ระยะเฮพาติก (Hepatic period) ตับเป็นอ ัย ะที่มีการ ร้างเลือดต่อจากระยะมีโซบลา ติก โดยจะเริ่มมีบทบาท ในช่ งประมาณ ัปดา ์ที่ 6 รือเกือบปลายเดือนที่ 2 และจะ ร้างเม็ดเลือดต่างๆ ได้ ูง ุดในเดือนที่ 4 และเดือนที่ 5 และจะค่อยๆ ลดบทบาทลงจนกระทั่งถึง 2-3 ัปดา ์กอ่ นคลอด ในะยะ เ ลาไล่เลี่ยกัน ม้ามจะเริ่มมี น้าทีใ่ นการ ร้างเม็ดเลือด แต่เป็นเม็ดเลือดแดงมากก ่าเม็ดเลือดขา ประมาณเดือนที่ 5 การ ร้างเม็ดเลือดจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคลอด ลังคลอด ม้ามจะมี น้าทีใ่ น การ ร้างลิมโฟไซต์ (lymphocyte) อย่างเดีย ไปตลอดชี ิต 3. ระยะเมดัลลารี (Medullary period) เมื่อตับและม้ามลดอัตราการ ร้างเม็ดเลือดลงอ ัย ะที่จะท้า น้าที่แทนคือ ไขกระดูก (bone marrow) โดยจะเริ่ม ร้าง เม็ดเลือดต่างๆประมาณเดือนที่ 5 เป็นต้นไป โดยมีเซลล์ต้นก้าเนิดจากเซลล์มีเซนไคมอล และจะ ามารถจ้าแนกเป็นเม็ดเลือดแต่ละชนิดได้ ในระยะนี้การ ร้างเม็ดเลือดจะเริ่ม ร้าง พ กแกรนูโลไซต์ (granulocytes) เป็น ่ นใ ญ่ ต่อมาจึงจะมีการ ร้างเม็ดเลือด ายอื่นๆ ทุก าย ΙΙ. การ ร้างเลือดในระยะ ลังคลอด (Post-natal hemopoiesis) เปนการ ราง เลือด ลั ง จากที่ ท ารกคลอดมาแล ไขกระดู ก จะ ร้ า งเซลล์ เ ม็ ด เลื อ ด าย erythroid, myeloid, megakaryocyte และ lymphocyte ตั้งแตทารกคลอดไปจนกระทั่งตลอดชี ิต ไขกระดูกประกอบไปด้ ยไขกระดูกแดง (red marrow) ที่มีบทบาทในการ ร้างเซลล์เม็ด เลือด และไขกระดูกเ ลือง (yellow marrow) ท้า น้าที่ในการ ร้างไขมัน กระดูก กระดูกอ่อน และ รัก า ภาพแ ดล้อมที่เ มาะ มในการท้า น้าที่ของไขกระดูก ไขกระดูกเ ลืองจะถูกแทนที่ด้ ยเซลล์ ไขมัน ในช่ ง ัยทารกและ ัยเด็กตอนต้นกระดูกทั้ง มดจะเต็มไปด้ ยไข กระดูกแดง จนกระทั่งอายุ 5-7 ปี การ รางเม็ด เลือดตางๆ จะเป็นไปเพื่อ ทดแทนและรัก า ภาพใ คงอยูปกติเทานั้น เซลล์ไขมัน (fat cell) จะเริ่มเข้า ไปแทนที่ในไขกระดูก ในผูใ ญปกติไขกระดูกที่ยังคงมี นาที่อยู นใ ญเปนพ กกระดูก แบน (flat bone) และ นปลายของกระดูกยา ไดบาง เชน กระดูกซี่โครง (vertebrae ribs) กระดูก นาอก (sternum) กระดูกเชิงกราน (pelvis) กระดูก บัก (scapulae) กระโ ลก (skull) กระดูกแขน นตน (proximal of humerus) และกระดูกขา (femur) ΙΙΙ. การ ร้างเลือดนอกไขกระดูก (Extramedullary hemopoiesis) โดยปกติแล ภาย ลังคลอด รางกายจะค บคุมการ รางเม็ดเลือด นใ ญที่ไขกระดูกเท่านั้น และ ากมีการท้าลายเม็ด เลือดเปน จ้าน นมาก การ ร้างเม็ดเลือดในไขกระดูกไม่พียงพอเนื่องจาก release mechanism ลดลง รือมี destruction มากขึ้นก็จะท้าใ ้เกิดจ้าน นเม็ดเลือดลดลง ไขกระดูก นที่เปนไขกระดูก ีเ ลือง จะกลับมามีบทบาทในการ รางเม็ดเลือด จนก าไขกระดูกจะ รางทดแทนไมได รือมีพยาธิ ภาพเกิด ขึ้นกับไขกระดูกเอง ท้าใ การ รางเลือดตองกลับไป รางในอ ัย ะที่เคย รางมากอน อ ัย ะที่ ร้างเม็ดเลือด extramedullary hemopoiesis ่ นใ ญ่พบที่ ม้าม รองลงมาคือตับ ตั อย่างการ ร้างเม็ดเลือดที่ม้าม ได้แก่กรณีของ hemolytic anemia ซึ่งเกิดจาก Rh incompatibility ท้าใ ้เกิดการท้าลายเม็ดเลือดแดงมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีอ ัย ะอื่นๆ ที่อาจเกิดการ ร้างเม็ดเลือด นอกไขกระดูกได้ในเซลลมีเซนไคมอลแทรกอยู เชน ตอมไทรอยด (thyroid gland) ตอม ม กไต (adrenal gland) ไขกระดูก (Bone marrow) ไขกระดูก เป็นโครง ร้างที่พบบริเ ณ medullary cavity ของกระดูกชิ้นยา (long bone) และช่อง ่างของ spongy bone มีลัก ณะนุ่มเป็นรูพรุนและยืด ยุ่น มี ลอดเลือดและเ น้ เลือดฝอยมา ล่อเลีย้ งจ้าน นมาก ท้า น้าที่ ร้างเม็ดเลือดในปริมาณที่เ มาะ มกับค ามต้องการของร่างกาย ในไขกระดูกประกอบด้ ย Blood vessel ระบบเ ้นเลือดในไขกระดูกเป็น capillary network รือเรียก ่า sinusoid โดยมี nerve ทอดยา คู่ ไปกับ blood vessel เม็ดเลือดที่ถูก ร้างขึ้นจะเคลือ่ นที่จาก sinusoid ผ่านผนังที่บางและเชื่อมต่อกันไม่ นิทเข้า ู่ กระแ เลือด เ ้นเลือดท้า น้าที่น้า ารอา ารและ ารอื่นๆ มา ล่อเลี้ยงเซลล์ในไขกระดูก Stroma ภายในประกอบด้ ย reticulin fiber ประ านกันเป็นโครงร่าง เป็น ่ นประกอบของไขกระดูกเ ลืองเป็น ่ นใ ญ่ มี น้าที่ ร้าง colony stimulating factor และรัก า ภาพแ ดล้อมใ ้เ มาะกับกระบ นการ ร้างเม็ดเลือด ภายในประกอบด้ ยเซลล์ชนิดต่างๆ เช่น mesenchymal stem cell รือ multipotent stem cell, fibroblast, macrophage, fat cell Hematopoietic cell คือเซลล์เม็ดเลือดทุกชนิดตั้งแต่เซลล์ต้นก้าเนิด (hematopoietic stem cell) เซลล์ตั อ่อน จนถึงเซลล์ตั แก่ โดยจะร มตั กันอยู่ใน myeloid tissue ในไขกระดูกแดง Fat cell (adipocyte) เป็น ่ นประกอบ ่ นใ ญ่ของไขกระดูกเ ลือง จะอยู่ติดกัน นาแน่นจนไม่ ามารถแยกชนิด ลัก ณะเซลล์ได้ การ ร้างเม็ดเลือดจากไขกระดูก หน้ าที่ของไขกระดูก ไขกระดูกแบ่งตาม ่ นประกอบได้ 2 ชนิดคือ ไขกระดูกแดง (red marrow) และไขกระดูกเ ลือง (yellow marrow) ไขกระดูกแดง ประกอบด้ ยเลือดและเซลล์ ร้างเม็ดเลือดจ้าน นมาก ท้าใ ้มีลัก ณะ โครง ร้างเป็น ีแดง เซลล์เม็ดเลือดที่อยู่ในไขกระดูกแดงจะพบได้ตั้งแต่เซลล์ต้นก้าเนิด เซลล์ตั อ่อน จนถึงเซลล์ที่โตเต็มที่ ไขกระดูกจะท้า น้าที่ ร้างเม็ดเลือดขึ้นมาทดแทนเม็ดเลือดที่เ อื่ ม ภาพตามอายุ ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ด เลือดขา และเกล็ดเลือดเม็ดเลือดที่ถูก ร้างใ ม่นี้จะเจริญและพัฒนาอย่างเต็มที่ภายในไขกระดูกแดง ยกเ ้นเม็ดเลือดขา ชนิด lymphocyte ที่แม้จะ ร้างจากไขกระดูกแต่จะมีเม็ดเลือดประมาณ 30-40% ที่ ไปพัฒนาต่อใน lymphatic tissue เช่น thymus, spleen, lymph node ปริมาณไขกระดูกแดงจะลดลงตามอายุ ในช่ งแรกเกิดไขกระดูกทั้ง มดจะเป็นไขกระดูกแดง จากนั้นจะมี ไขกระดูกเ ลืองเข้ามาทดแทนจนลดลงเ ลือประมาณ 50% เมื่อเติบโตเป็นผู้ใ ญ่ โดยจะพบมากใน กระดูกแบน เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกซี่โครง กระดูก ัน ลัง กระดูกต้นแขน กระดูกขา ไขกระดูกเ ลือง ประกอบด้ ยไขมัน (fatty tissue) จ้าน นมากท้าใ ้มีลัก ณะ เป็น ีเ ลือง เมื่อเด็กเจริญเติบโตขึ้น ไขกระดูกแดงจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงเป็นไขกระดูก เ ลือง พบได้ใน ่ นกลางของกระดูกยา (medullary cavity) ท้า น้าที่ ร้างไขมัน กระดูก กระดูก อ่อน และรัก า ภาพแ ดล้อมที่เ มาะ มในการท้า น้าที่ของไขกระดูก ใน ภา ะผิดปกติ เช่น เกิดการเ ียเลือด มีการท้าลายเม็ดเลือดแดงจ้าน นมาก รือใน ภา ะขาดออกซิเจน ร่างกาย ามารถเปลี่ยนไขกระดูกเ ลืองเป็นไขกระดูกแดงเพื่อเพิ่มการ ร้างเม็ดเลือดใ ้มากขึ้นได้ ภาพแวดล้อมในไขกระดูกที่ ่งผลต่อการ ร้างเม็ดเลือด แต่ละบริเ ณในไขกระดูกมีองค์ประกอบเฉพาะในแต่ละที่เรียก ่า ภาวะแวดล้อมเฉพาะที่ (microenvironment) ซึ่งเป็นปัจจัย ้าคัญที่ ค บคุมตั อ่อนเม็ดเลือดใ ้มีการแบ่งตั เจริญเติบโต และการปล่อยเม็ ด เลือดออกจากไขกระดูก ภา ะแ ดล้อมเฉพาะที่เ ล่านี้ ได้แก่เซลล์ชนิด ต่างๆ, soluble factors, cellular matrix ได้แก่ เซลล์บุผนังเ ้นเลือด ฮอร์โมน และ cytokines ตั อย่างการท้างานของ microenvironment เช่น เซลล์บุผนังเ ้น เลือดในไขกระดูก (bone marrow endothelial cell; BMEC) ค บคุมการ การแบ่งตั ของตั อ่อนเม็ดเลือดโดยผลิต cytokinesที่จ้าเพาะต่อชนิดเม็ด เลือด (colony stimulating factor; CSF): GM-CSF, G-CSF, M-CSF และ cytokines อื่นๆ เช่น Kit-ligand, IL-6, FLK-2 ligand Stem Cell คือ เซลล์ต้นก้าเนิด ซึ่งเป็นเซลล์พิเ ที่มีค าม ามารถ เซลล์ต้นกาเนิด (Stem Cell) เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไป ู่เซลล์ชนิดอื่น ๆ ที่ต่างออกไปในร่างกาย ร มถึง ามารถแบ่งตั ได้อย่างไม่จ้ากัด จึงช่ ยทดแทนเซลล์เก่าในกรณีที่ เซลล์เก่าเ ื่อม ภาพ รือบาดเจ็บ ท้าใ ้ร่างกาย ามารถฟื้นฟูตั เองและ เจริญต่อไปได้ 1. Totipotent Stem Cell คือ เซลล์ต้นก้าเนิดที่ได้จากตั อ่อน ซึ่งมี ักยภาพ ูง ุด ามารถพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดใดก็ได้ 2. Pluripotent Stem Cell คือเซลล์ต้นก้าเนิดที่ได้จากเซลล์ ต้นก้าเนิดโตเต็ม ัย (Adult Cell) บางประเภท เช่น เซลล์ต้นก้าเนิดจากไข กระดูก (Bone Marrow Cell) เซลล์ต้นก้าเนิดจากเลือด ายรก (Cord Blood Stem Cell) ามารถเจริญไปเป็นเซลล์ต่างๆได้ ลายชนิด 3. Multipotent Stem Cell คือ เซลล์ต้นก้าเนิดที่ได้จากเซลล์ ต้นก้าเนิดโตเต็ม ัย (Adult Stem Cells) เช่น เซลล์ต้นก้าเนิดจากเซลล์ ผิ นัง เซลล์ต้นก้าเนิดชนิดนี้จะมี ักยภาพน้อยก ่าเซลล์ต้นก้าเนิดที่กล่า ไป แล้ ทั้ง องชนิด เพราะธรรมชาติได้ถูกก้า นดไ ้แล้ ่าต้องพัฒนาไปเป็น เซลล์ รืออ ัย ะประเภทใดประเภท นึ่งโดยเฉพาะ และไม่ ามารถพัฒนาไป เป็นเซลล์ต้นก้าเนิดชนิดอื่นได้ เซลล์ ต้นกาเนิดในการสร้ างเม็ดเลือด มี 3 ระยะ คือ Hematopoietic stem cell (HSC) เป็นเซลล์ชนิด multipotent stem cell เป็นเซลล์ต้น ก้าเนิดของเซลล์เม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ามารถแบ่งตั และเพิ่มจ้าน นได้จากการกระตุ้นของ cytokine และ growth factor จะไม่ ามารถพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดอื่นนอกเ นือจาก hematopoietic cell Progenitor cell เป็นเซลล์ที่เจริญมาจาก multipotent stem cell มี 2 กลุ่ม ได้แก่ common myeloid-erythroid progenitors (CMEP) และ common lymphoid progenitors (CLP) เซลล์กลุ่มนี้จะจะเจริญต่อไปเป็นเซลล์ต้นก้าเนิดของเม็ดเลือดแต่ละกลุ่ม Precursor cell คือเซลล์ตั อ่อน (blast cell) ที่เจริญมาจาก progenitor cell จะแบ่งตั และ พัฒนาไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดที่เจริญเต็มที่ชนิดใดชนิด นึ่งเท่านั้น เซลล์ในระยะนี้มี 2 กลุ่ม คือ Precursor cell ที่พัฒนามาจาก common myeloid-erythroid progenitors ได้แก่ Megakaryoblast, Pronormoblast, Monoblast, Myeloblast, Megaloblast Precursor cell ที่พัฒนามาจาก common lymphoid progenitors ได้แก่ Lymphoblast Hematopoietic stem cell (HSC) เป็นเซลล์ชนิด multipotent stem cell เป็นเซลล์ต้นก้าเนิดของเซลล์เม็ดเลือด Progenitor cell มี 2 กลุ่ม ได้แก่ common myeloid-erythroid progenitors (CMEP) และ common lymphoid progenitors (CLP) Precursor cell คือเซลล์ตั อ่อน (blast cell) วิวฒ ั นาการการสร้ างเม็ดเลือด ขันตอนการ ร้างเม็ดเลือด 1. การแบ่งตัว (Proliferation) 2. การเจริญและการแก่ตัว (Maturation) 3. พัฒนาการและการแยก าย (Differentiation) 4. การปล่อยเม็ดเลือดออกนอกไข กระดูก (Release) การควบคุมการ ร้างเม็ดเลือด การค บคุมการ ร้างเม็ดเลือดขึ้นกับคุณ มบัติพิเ ของเม็ดเลือด คือ 1. ในภา ะปกติ จะมีการแบ่งตั เพื่อ ร้างเม็ดเลือดใ ม่ทดแทนในอัตราที่ มดุลกับเซลล์เก่าที่ถูกท้าลาย 2. ในภา ะผิดปกติ ตั อ่อนเม็ดเลือด ามารถปรับตั ใ ้มีการแบ่งตั มากขึ้น รือลดลงตาม งิ่ ที่มากระตุน้ ่าเป็น growth factor รือ growth inhibitor จากคุณ มบัติ 2 ข้อนี้ บ่งชี้ ่าการ ร้างเม็ดเลือดมีการค บคุมแบบย้อนกลับ (feedback mechanism) ใน ขั้นตอน - การแบ่งตั (Proliferation) - การเจริญและการแก่ตั (Maturation) - พัฒนาการและการแยก าย (Differentiation) - การปล่อยเม็ดเลือดออกนอกไขกระดูก (Release) โดยมีการค บคุมด้ ยปัจจัยภายในเซลล์และปัจจัยภายนอกเซลล์ Growth factor Factor Function Erythropoietin (EPO) ไกลโคโปรตีนที่ควบคุมการ ร้างเม็ดเลือดแดง Stem cell Factor (SCF) กระตุ้น stem cell ชนิดต่างๆ ใ ้เกิดการ เจริญเติบโต และการเปลี่ยนไปเป็นเซลล์เฉพาะ Granulocyte-macrophage colony- กระตุ้นการ ร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว stimulating factor Granulocyte, Monocyte (GM-CSF) Interleukin-3 (IL-3) กระตุ้นการเจริญและการพัฒนาของเซลล์ Myeloid, lymphoid progenitor cell, เ ริม ฤทธิ์ growth factor อื่นๆ Growth inhibitors ในภา ะปกติร่างกายจะรัก า มดุลของการ ร้างเม็ดเลือดอยู่ตลอดเ ลา โดยอา ัยการท้างานร่ มกันของ ตั กระตุ้นใ ้เม็ดเลือดแบ่งตั และตั ยับยั้งการแบ่งตั ของเม็ดเลือด และการ ื่อ ารระ ่างเซลล์และการท้างานของ cytokines ชนิดต่างๆ ตั อย่าง cytokines ที่มีคุณ มบัติเป็น growth inhibitors ได้แก่ Lactoferrin ร้างจาก neutrophil ยับยั้งการท้างานของ GM-CSF ได้ Interferons ามารถกระตุ้นและยับยั้งการ ร้าง CFU-GEMM, CFU-GM, CFU-E, CFU-meg และ BFU-E ในไข กระดูกได้ Leukotriens (LT) มีค าม ามารถกระตุ้นการ ร้าง prostaglandin และ thromboxane ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้น รือ ยับยั้งการ ร้างเม็ดเลือดในไขกระดูกได้ บาง ่ นของ cytokine เช่น ่ น peptide ของ platelet factor 4 ามารถยับยั้งการแบ่งตั ของเม็ดเลือดในระยะ CFU-Meg, CFU-GM, และ BFU-E ได้ กระบวนการแก่ตัวของเม็ดเลือด (Maturation sequence) การเจริญเติบโตและการแบ่งตั ของเซลล์ต่างๆ จากระยะเซลล์ตั อ่อน ไปเป็นเซลล์ตั แก่ จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปร่าง ขนาด การติด ีใน ่ นต่างๆ ของเซลล์ ร มถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านเอนไซม์และโปรตีนที่ผิ นอกของเซลล์ ด้ ย การเปลี่ยนแปลงที่เ ็นได้จากการย้อม ี Wright’s stain จะเ ็นได้ใน ่ น ต่างๆ ดังนี้ Cytoplasmic differentiation เมื่อเซลล์แก่ตั ขึ้น ีน้าเงินของ cytoplasm จะเริ่มลดลงและมี ีชมพูเพิ่มขึ้น ในเม็ดเลือดขา อาจมีการเปลี่ยนแปลงของ granules เริ่มจากไม่มี granules จนถึงเริ่มมีและจะใ ญ่มากขึ้นตามการเจริญ ของเม็ดเลือดขา และอาจมีการติด ีที่แตกต่างกันไปตามชนิดของเม็ดเลือดขา นั้น ่ นเม็ดเลือดแดงจะเริ่มมีการ ร้าง hemoglobin มากขึ้น Nuclear maturation เกิดการเปลี่ยนแปลงโดย nucleus เริ่มเล็กลง ภาพการเปลี่ยนแปลงในการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดงระยะต่างๆ nuclear chromatin จะร มกลุ่มกันแน่นขึ้น nucleus อาจแบ่งเป็น lobes ในด้านการติด ีของ cytoplasm การเปลี่ยนแปลงของ nucleus และขนาด ในเม็ดเลือดขา รือ ายไปในเม็ดเลือดแดง ของเซลล์ A: Cell size and cytoplasm color C: Nuclear chromatin structure Reduction in size เซลล์ตั อ่อนจะมีขนาดใ ญ่ เมื่อแก่ตั มากขึ้นขนาด B: Nuclear size and color D: Composite (ที่มา: https://oncohemakey.com/erythrocyte-production-and- เซลล์จะเริ่มลดลงตามล้าดับ destruction/) Erythropoiesis Small lymphocyte Normal Red Blood Cell Abnormal Red Blood Cell Megakaryocyte (bone marrow) Platelets Platelet Aggregation

Use Quizgecko on...
Browser
Browser