อาการเริมและการป้องกัน
10 Questions
2 Views

อาการเริมและการป้องกัน

Created by
@RefinedAntigorite3855

Questions and Answers

อาการเริมจะปรากฏภายใน 1 วันหลังจากการติดต่อเชื้อ

False

การสวมถุงยางอนามัยสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้เต็มที่

False

อาการซากลับมาได้หากภูมิต้านทานต่ำลง

True

อาการการอักเสบและแสบบริเวณปากช่องคลอดถือเป็นอาการแรกเริ่มของเริม

<p>True</p> Signup and view all the answers

การงดการมีเพศสัมพันธ์ควรทำเมื่อมีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

<p>True</p> Signup and view all the answers

อาการเริมสามารถหายได้เองภายใน 14 วัน

<p>True</p> Signup and view all the answers

ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ไม่สามารถช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรค

<p>False</p> Signup and view all the answers

ยากดภูมิคุ้มกันไม่ได้มีส่วนในการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส

<p>False</p> Signup and view all the answers

ยา Valacyclovir มีส่วนในการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นเดียวกับ Acyclovir

<p>True</p> Signup and view all the answers

การใช้ยาลดไข้มีความสำคัญต่อการรักษาโรคด้วยเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น

<p>False</p> Signup and view all the answers

Study Notes

ระยะฟักตัวและอาการเริม

  • อาการเริ่มขึ้นภายใน 2-14 วันหลังจากการติดเชื้อ
  • อาการแรกเริ่ม: ไข้ต่ำ, ปวดเมื่อยตามร่างกาย, รอยแตกแดงรอบอวัยวะเพศ, ตุ่มน้ำใสแตกภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • อาการชาและคันบริเวณรอบอวัยวะเพศหรือทวารหนัก, การอักเสบและแสบบริเวณช่องคลอด, อาการแสบขณะปัสสาวะ
  • อาการอาจกลับมาเป็นซ้ำเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำและอาจหายได้เองภายใน 7 วัน

วิธีการป้องกันเริม

  • ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงแต่ไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่
  • รักษาความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะจุดซ่อนเร้น
  • ควรงดมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ

การรักษาเริม

  • ยาต้านไวรัส: อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir), วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) ช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรค
  • ยากดภูมิคุ้มกันหรือยาแก้ปวดในกรณีอาการไม่รุนแรง
  • การรักษาด้วยแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies) กระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง
  • การฉายรังสี (Radiation Therapy) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง

ความสัมพันธ์ของการเกิดโรคหนองในต่ออวัยวะต่าง ๆ

  • อวัยวะเพศ:
    • ผู้ชาย: อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะ, มีหนองไหลจากอวัยวะเพศ, อาจเกิดการอักเสบที่ท่อปัสสาวะหรืออัณฑะ
    • ผู้หญิง: การอักเสบของปากมดลูก, มีหนองไหลจากช่องคลอด, ปวดท้องส่วนล่าง
  • ทวารหนักและลำไส้: อักเสบที่บริเวณทวารหนัก อาการเจ็บปวด คัน และมีหนอง
  • ช่องปากและลำคอ: อักเสบของคอ อาการเจ็บคอและมีหนอง
  • ตา: อักเสบที่อาจเกิดจากการสัมผัสเชื้อแบคทีเรีย

โรคหนองในเทียม

  • อาการคล้ายกับหนองในจริง เกิดจากแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis
  • ระยะฟักตัวนานกว่า 10 วัน อาการมักไม่ชัดเจนและมีความรุนแรงน้อยกว่า

อาการบ่งชี้

  • ผู้ชาย: ปัสสาวะแสบขัด, มีมูกหรือหนองไหล, คันที่ท่อปัสสาวะ, อาจถึงอักเสบของอัณฑะ
  • ผู้หญิง: ปวดขณะปัสสาวะ, ตกขาวมากผิดปกติ, ปวดท้องช่วงมีประจำเดือน

วิธีการป้องกันหนองในและหนองในเทียม

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีบาดแผล
  • ควรมีคู่อย่างเดียวเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

การรักษาหนองในเทียม

  • ยาปฏิชีวนะ: เช่น อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin), ด็อกซี่ไซคลิน (Doxycycline)
  • งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วันหลังจากเริ่มการรักษา

ลักษณะของโรคหูดหงอนไก่

  • เกิดจากไวรัส HPV ผ่านการสัมผัสทางเพศ
  • อาการ: ตุ่มเนื้อหรือผิวเรียบ คันบริเวณอวัยวะเพศ ปากมดลูก ทวารหนัก

วิธีการรักษาหูดหงอนไก่

  • การทายา: ยาอิมควิโมด (Imiquimod) หรือกรดไตรคลอโรอะเซติก
  • การผ่าตัดหรือตัดชิ้นเนื้อ
  • การรักษาด้วยความร้อนหรือไนโตรเจนเหลว

ความสัมพันธ์ของหูดหงอนไก่ต่ออวัยวะต่าง ๆ

  • อวัยวะเพศ: สามารถเกิดอาการคัน เจ็บปวด
  • ทวารหนัก: อาการเหมือนกันเมื่อขับถ่าย
  • ช่องปากและลำคอ: อาจเกิดหูดในลำคอ ทำให้มีอาการเจ็บคอและมีหนอง
  • ตา: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการตาแดง

Studying That Suits You

Use AI to generate personalized quizzes and flashcards to suit your learning preferences.

Quiz Team

Description

อาการเริมเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 1 วันหลังจากติดเชื้อ โดยอาการแรกเริ่มคือการแสบร้อนบริเวณช่องคลอด การใช้ถุงยางอนามัยสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการสามารถหายได้เองภายใน 14 วัน หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

More Quizzes Like This

Use Quizgecko on...
Browser
Browser